โปรแกรม 9 วัน 6 คืน : เดินทางโดยสายการบินEmirates
วันที่ 1 กรุงเทพฯ - ดูไบ
17.30 น.
คณะพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ ประตู 9 เคาน์เตอร์ T สายการบินเอมิเรตส์ โดยมีเจ้าหน้าที่ คอยต้อนรับและอำนวยความสะดวก
21.05 น.
ออกเดินทางสู่ดูไบ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 373
* คณะเดินทางวันที่ 17-25 มิ.ย. เป็นต้นไป ออกเดินทาง เวลา 21.25 น. และถึงดูไบ เวลา 00.50 น. *
คณะพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ ประตู 9 เคาน์เตอร์ T สายการบินเอมิเรตส์ โดยมีเจ้าหน้าที่ คอยต้อนรับและอำนวยความสะดวก
21.05 น.
ออกเดินทางสู่ดูไบ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 373
* คณะเดินทางวันที่ 17-25 มิ.ย. เป็นต้นไป ออกเดินทาง เวลา 21.25 น. และถึงดูไบ เวลา 00.50 น. *
วันที่ 2 ดูไบ – แฟรงก์เฟิร์ต – แบมเบิร์ก – นูเรมเบิร์ก
00.50 น.
เดินทางถึง สนามบินดูไบ แวะรอเปลี่ยนเครื่อง
03.45 น.
ออกเดินทางสู่มิลาน ประเทศอิตาลี โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 43
08.50 น.
ถึงสนามบินแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี นำท่านผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร นำท่านเดินทางสู่เมืองแบมเบิร์ก (Bamberg) นำท่านชมเมืองแบมเบิร์ก ส่วนที่เป็นเขตเมืองเก่าของเมืองแบมแบร์กได้รับการขึ้นทะเบียนจาก UNESCO ให้เป็นเมืองมรดกโลก เนื่องจากเป็นหนึ่งในไม่กี่เมืองในเยอรมนี ที่รอดพ้นจากการที่ถูกบอมบ์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ตึกรามบ้านช่องในเขต 2 เมืองเก่าจึง “เก่าจริง” มิได้สร้างหรือซ่อมแซมใหม่ให้ดู “เหมือนเก่า” นำท่านชมมหาวิหารแบมเบิร์ก หรือชื่อเป็นทางการว่า มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์และเซนต์จอร์จ (The Imperial Cathedral of St. Peter’s and St. George’s) มีความสาคัญเป็นที่ตั้งของสังฆมณฑลของอัครบาทหลวงแห่ง แบมแบร์ก สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบโรมานเนสก์ สร้างครั้งแรกในปี ค.ศ.1004 โดยจักรพรรดิเฮนรีที่สอง จากนั้นชมศาลากลางหลังเก่าของเมืองที่สร้างคล่อมทับแม่น้ำเรกนิตซ์
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร อาหารพื้นเมือง
บ่าย
จากนั้นเดินทางสู่เมืองนูเรมเบิร์ก (Nuremberg) เมืองที่มีอาคารบ้านเรือนแบบโบราณที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 900 ปี และเมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ฮิตเลอร์ได้ใช้สถานที่แห่งนี้เป็นกองบัญชาการทางการทหารเพื่อต่อสู่ในสงครามโลกครั้งที่ 2 และตัวเมืองโดนกลุ่มสัมพันธ์มิตรถล่มเสียหายเกือบทั่วทั้งเมือง แต่ชาวเมืองก็ได้ร่วมมือกันบูรณะให้กลับมาอยู่ในสภาพใกล้เคียงของเดิมมากที่สุด นำท่านถ่ายรูปกับโบสถ์แม่พระ (Frauenkirche) เป็นโบสถ์ที่สร้างขึ้นในสถาปัตยกรรมแบบโกธิคที่ใช้เวลาในการก่อสร้างยาวนานถึงสิบปี ที่นี่มีจุดเด่นที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมาเยือนกันมากก็คือ บริเวณยอดแหลมของโบสถ์ที่เป็นหอนาฬิกา โดยความพิเศษก็คือ เมื่อเวลาเที่ยงตรงปุ๊บ เหล่าตุ๊กตาก็จะออกมาเต้นระบำให้เราชม จากนั้นนำท่านถ่ายรูปกับน้ำพุเชินเนอร์บรุนเนิน (Schoner Brunnen) หรือ Beautiful Fountain สูง 19 เมตร สีทองอร่าม ซึ่งประกอบไปด้วยรูปปั้นของเจ้าอิเล็คเตอร์ 40 องค์ นักบุญ ชาวยิว และรูปประดับอื่นๆ ถือได้ว่าเป็นน้ำพุที่อลังการมากที่สุดในเยอรมนี นักท่องเที่ยวที่มานี่ส่วนใหญ่ก็จะมาขอพรกัน วิธีการก็คือ ให้หมุนแหวนทองตรงน้ำพุเป็นจำนวน 3 รอบ โดยระหว่างที่หมุนแหวนก็ให้อธิษฐานสิ่งที่ต้องการไปด้วย มีเวลาให้ท่านได้อิสระเดินเล่นในย่านเมืองเก่าที่สวยงาม รวมทั้งเลือกซื้อของที่ระลึก หรือ สินค้าแฟชั่นที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง
อิสระอาหารค่ำตามอัธยาศัย
ที่พัก
นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก CONGRESS HOTEL MERCURE NURNBERG AN DER MESSE หรือเทียบเท่า
เดินทางถึง สนามบินดูไบ แวะรอเปลี่ยนเครื่อง
03.45 น.
ออกเดินทางสู่มิลาน ประเทศอิตาลี โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 43
08.50 น.
ถึงสนามบินแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี นำท่านผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร นำท่านเดินทางสู่เมืองแบมเบิร์ก (Bamberg) นำท่านชมเมืองแบมเบิร์ก ส่วนที่เป็นเขตเมืองเก่าของเมืองแบมแบร์กได้รับการขึ้นทะเบียนจาก UNESCO ให้เป็นเมืองมรดกโลก เนื่องจากเป็นหนึ่งในไม่กี่เมืองในเยอรมนี ที่รอดพ้นจากการที่ถูกบอมบ์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ตึกรามบ้านช่องในเขต 2 เมืองเก่าจึง “เก่าจริง” มิได้สร้างหรือซ่อมแซมใหม่ให้ดู “เหมือนเก่า” นำท่านชมมหาวิหารแบมเบิร์ก หรือชื่อเป็นทางการว่า มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์และเซนต์จอร์จ (The Imperial Cathedral of St. Peter’s and St. George’s) มีความสาคัญเป็นที่ตั้งของสังฆมณฑลของอัครบาทหลวงแห่ง แบมแบร์ก สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบโรมานเนสก์ สร้างครั้งแรกในปี ค.ศ.1004 โดยจักรพรรดิเฮนรีที่สอง จากนั้นชมศาลากลางหลังเก่าของเมืองที่สร้างคล่อมทับแม่น้ำเรกนิตซ์
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร อาหารพื้นเมือง
บ่าย
จากนั้นเดินทางสู่เมืองนูเรมเบิร์ก (Nuremberg) เมืองที่มีอาคารบ้านเรือนแบบโบราณที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 900 ปี และเมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ฮิตเลอร์ได้ใช้สถานที่แห่งนี้เป็นกองบัญชาการทางการทหารเพื่อต่อสู่ในสงครามโลกครั้งที่ 2 และตัวเมืองโดนกลุ่มสัมพันธ์มิตรถล่มเสียหายเกือบทั่วทั้งเมือง แต่ชาวเมืองก็ได้ร่วมมือกันบูรณะให้กลับมาอยู่ในสภาพใกล้เคียงของเดิมมากที่สุด นำท่านถ่ายรูปกับโบสถ์แม่พระ (Frauenkirche) เป็นโบสถ์ที่สร้างขึ้นในสถาปัตยกรรมแบบโกธิคที่ใช้เวลาในการก่อสร้างยาวนานถึงสิบปี ที่นี่มีจุดเด่นที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมาเยือนกันมากก็คือ บริเวณยอดแหลมของโบสถ์ที่เป็นหอนาฬิกา โดยความพิเศษก็คือ เมื่อเวลาเที่ยงตรงปุ๊บ เหล่าตุ๊กตาก็จะออกมาเต้นระบำให้เราชม จากนั้นนำท่านถ่ายรูปกับน้ำพุเชินเนอร์บรุนเนิน (Schoner Brunnen) หรือ Beautiful Fountain สูง 19 เมตร สีทองอร่าม ซึ่งประกอบไปด้วยรูปปั้นของเจ้าอิเล็คเตอร์ 40 องค์ นักบุญ ชาวยิว และรูปประดับอื่นๆ ถือได้ว่าเป็นน้ำพุที่อลังการมากที่สุดในเยอรมนี นักท่องเที่ยวที่มานี่ส่วนใหญ่ก็จะมาขอพรกัน วิธีการก็คือ ให้หมุนแหวนทองตรงน้ำพุเป็นจำนวน 3 รอบ โดยระหว่างที่หมุนแหวนก็ให้อธิษฐานสิ่งที่ต้องการไปด้วย มีเวลาให้ท่านได้อิสระเดินเล่นในย่านเมืองเก่าที่สวยงาม รวมทั้งเลือกซื้อของที่ระลึก หรือ สินค้าแฟชั่นที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง
อิสระอาหารค่ำตามอัธยาศัย
ที่พัก
นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก CONGRESS HOTEL MERCURE NURNBERG AN DER MESSE หรือเทียบเท่า
วันที่ 3 นูเรมเบิร์ก – คาร์โลวี วารี – ปราก
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่เมืองคาร์โลวี วารี (Karlovy vary) ที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งสปาที่ใหญ่ที่สุดของสาธารณรัฐเช็ก เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกว่าเป็นศูนย์กลางบำบัดโรคภัยต่างๆ น าเดินชมเมืองคาร์โลวี วารี ปัจจุบันเป็นที่นิยมของผู้คนทั่วโลกที่จะมาใช้บริการรักษาสุขภาพตามความเชื่อที่มีมาแต่สมัยโบราณ เชิญทดลองดื่มน้ำแร่ซึ่งต้องดื่มกับแก้วพิเศษโดยเฉพาะ เป็นแก้วพอร์ซเลนที่มีปากยื่นออกมาเหมือนกาน้ำ
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร อาหารพื้นเมือง
บ่าย
นำคณะเดินทางสู่กรุงปราก (Prague) เมืองหลวงของประเทศสาธารณรัฐเช็ก อดีตเมืองหลวงของสาธารณรัฐเชโกสโลวาเกีย ซึงได้สมญานามมากมาย เช่น นครแห่งปราสาท และโรมแห่งอุดรทิศ นำท่านเดินสู่ประตูเมืองเก่า “Powder Gate” ขอบเขตเมืองในสมัยโบราณ, ศาลาว่าการเมืองหลังเก่า (Old Town Hall) ที่สร้างมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1338 มีจุดเด่นคือ นาฬิกาดาราศาสตร์ (Astronomical Clock) ที่สวยงามและยังตีบอกเวลาทุกๆชั่วโมง ให้เวลาท่านอิสระเดินเล่น และช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมย่านเมือง
อิสระอาหารค่ำตามอัธยาศัย
ที่พัก
นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก DUO HOTEL หรือเทียบเท่า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่เมืองคาร์โลวี วารี (Karlovy vary) ที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งสปาที่ใหญ่ที่สุดของสาธารณรัฐเช็ก เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกว่าเป็นศูนย์กลางบำบัดโรคภัยต่างๆ น าเดินชมเมืองคาร์โลวี วารี ปัจจุบันเป็นที่นิยมของผู้คนทั่วโลกที่จะมาใช้บริการรักษาสุขภาพตามความเชื่อที่มีมาแต่สมัยโบราณ เชิญทดลองดื่มน้ำแร่ซึ่งต้องดื่มกับแก้วพิเศษโดยเฉพาะ เป็นแก้วพอร์ซเลนที่มีปากยื่นออกมาเหมือนกาน้ำ
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร อาหารพื้นเมือง
บ่าย
นำคณะเดินทางสู่กรุงปราก (Prague) เมืองหลวงของประเทศสาธารณรัฐเช็ก อดีตเมืองหลวงของสาธารณรัฐเชโกสโลวาเกีย ซึงได้สมญานามมากมาย เช่น นครแห่งปราสาท และโรมแห่งอุดรทิศ นำท่านเดินสู่ประตูเมืองเก่า “Powder Gate” ขอบเขตเมืองในสมัยโบราณ, ศาลาว่าการเมืองหลังเก่า (Old Town Hall) ที่สร้างมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1338 มีจุดเด่นคือ นาฬิกาดาราศาสตร์ (Astronomical Clock) ที่สวยงามและยังตีบอกเวลาทุกๆชั่วโมง ให้เวลาท่านอิสระเดินเล่น และช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมย่านเมือง
อิสระอาหารค่ำตามอัธยาศัย
ที่พัก
นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก DUO HOTEL หรือเทียบเท่า
วันที่ 4 ปราก – มิวนิค
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านเดินทางเข้าชมมหาวิหารเซนต์วิตุส (St.Vitus Cathedral) อันงามสง่าด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิคในสมัยศตวรรษที่ 14 นับว่าเป็นมหาวิหารสไตล์โกธิคที่ใหญ่ที่สุดในกรุงปราก ซึ่งพระเจ้าชาร์ลที่ 4 โปรดให้สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1344 ภายในเป็นที่เก็บพระศพของกษัตริย์สำคัญในอดีต เช่น พระเจ้าชาร์ลที่ 4, พระเจ้าเฟอร์ดินานด์ที่ 1 และ พระเจ้าแมกซิมิเลี่ยนที่ 2 เป็นต้น (กรณีมีพิธีภายในมหาวิหาร อาจไม่ได้รับอณุญาตให้เข้าชม) แล้วชมพระราชวังหลวง (Royal Palace) ที่เป็นหนึ่งในส่วนที่เก่าแก่ที่สุดของปราสาท ใช้เป็นที่ประทับของเจ้าชายโบฮีเมียนทั้งหลาย แล้วเดินชมย่านช่างทองโบราณ (Golden Lane) ซึ่งปัจจุบันมีร้านขายของที่ระลึก วางจำหน่ายอยู่มากมาย จากนั้นนำท่านเดินเล่นบนสะพานชาร์ล (Charles Bridge) สะพานเก่าแก่ข้ามแม่น้ำวัลตาวา สไตล์โกธิคที่สร้างขึ้นตั้งแต่กลางคริสต์ศตวรรษที่ 14 สมัยพระเจ้าชาร์ลที่ 4 ชมรูปปั้นโลหะของเหล่านักบุญที่ตั้งอยู่สองข้างราวสะพานกว่า 30 องค์
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน
บ่าย
เดินทางสู่เมืองมิวนิค (Munich) อยู่ทางใต้ของประเทศเยอรมนี และเป็นเมืองหลวงของรัฐบาวาเรีย ยังเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศ (รองจากเบอร์ลินและฮัมบูร์ก) และเป็นหนึ่งในเมืองมั่งคั่งที่สุดของยุโรป ซึ่งมีพรมแดนติดเทือกเขาแอลป์ โดยรัฐบาวาเรียเคยเป็นรัฐอิสระปกครองด้วยกษัตริย์มาก่อน ก่อนที่จะผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของประเทศเยอรมนี จึงมีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมเป็นของตัวเอง ทั้งด้านศิลปวัฒนธรรม และอาหารอันเลื่องชื่อ ซึ่งได้แก่ ไส้กรอกเยอรมัน ขาหมูทอด เพรทเซล และเบียร์ นำท่าน ชมจัตุรัสมาเรียนพลาสท์ (Marienplatz) ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์และธุรกิจของนครมิวนิค บริเวณนี้เป็นที่ตั้งของศาลาว่าการเมืองที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบโกธิคที่งดงามซึ่งสร้างขึ้นในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 ใช้เวลาสร้างถึง 42 ปี มีหอระฆังสูง 85 เมตร ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวรอคอยเฝ้าชมตุ๊กตาไขลานที่จะออกมาเต้นรำ เมื่อนาฬิกาตีบอกเวลา 11.00 น. และ 17.00 น. อิสระท่านตามอัธยาศัย
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร อาหารพื้นเมือง
ที่พัก
นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก HOLIDAY INN หรือเทียบเท่า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านเดินทางเข้าชมมหาวิหารเซนต์วิตุส (St.Vitus Cathedral) อันงามสง่าด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิคในสมัยศตวรรษที่ 14 นับว่าเป็นมหาวิหารสไตล์โกธิคที่ใหญ่ที่สุดในกรุงปราก ซึ่งพระเจ้าชาร์ลที่ 4 โปรดให้สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1344 ภายในเป็นที่เก็บพระศพของกษัตริย์สำคัญในอดีต เช่น พระเจ้าชาร์ลที่ 4, พระเจ้าเฟอร์ดินานด์ที่ 1 และ พระเจ้าแมกซิมิเลี่ยนที่ 2 เป็นต้น (กรณีมีพิธีภายในมหาวิหาร อาจไม่ได้รับอณุญาตให้เข้าชม) แล้วชมพระราชวังหลวง (Royal Palace) ที่เป็นหนึ่งในส่วนที่เก่าแก่ที่สุดของปราสาท ใช้เป็นที่ประทับของเจ้าชายโบฮีเมียนทั้งหลาย แล้วเดินชมย่านช่างทองโบราณ (Golden Lane) ซึ่งปัจจุบันมีร้านขายของที่ระลึก วางจำหน่ายอยู่มากมาย จากนั้นนำท่านเดินเล่นบนสะพานชาร์ล (Charles Bridge) สะพานเก่าแก่ข้ามแม่น้ำวัลตาวา สไตล์โกธิคที่สร้างขึ้นตั้งแต่กลางคริสต์ศตวรรษที่ 14 สมัยพระเจ้าชาร์ลที่ 4 ชมรูปปั้นโลหะของเหล่านักบุญที่ตั้งอยู่สองข้างราวสะพานกว่า 30 องค์
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน
บ่าย
เดินทางสู่เมืองมิวนิค (Munich) อยู่ทางใต้ของประเทศเยอรมนี และเป็นเมืองหลวงของรัฐบาวาเรีย ยังเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศ (รองจากเบอร์ลินและฮัมบูร์ก) และเป็นหนึ่งในเมืองมั่งคั่งที่สุดของยุโรป ซึ่งมีพรมแดนติดเทือกเขาแอลป์ โดยรัฐบาวาเรียเคยเป็นรัฐอิสระปกครองด้วยกษัตริย์มาก่อน ก่อนที่จะผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของประเทศเยอรมนี จึงมีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมเป็นของตัวเอง ทั้งด้านศิลปวัฒนธรรม และอาหารอันเลื่องชื่อ ซึ่งได้แก่ ไส้กรอกเยอรมัน ขาหมูทอด เพรทเซล และเบียร์ นำท่าน ชมจัตุรัสมาเรียนพลาสท์ (Marienplatz) ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์และธุรกิจของนครมิวนิค บริเวณนี้เป็นที่ตั้งของศาลาว่าการเมืองที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบโกธิคที่งดงามซึ่งสร้างขึ้นในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 ใช้เวลาสร้างถึง 42 ปี มีหอระฆังสูง 85 เมตร ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวรอคอยเฝ้าชมตุ๊กตาไขลานที่จะออกมาเต้นรำ เมื่อนาฬิกาตีบอกเวลา 11.00 น. และ 17.00 น. อิสระท่านตามอัธยาศัย
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร อาหารพื้นเมือง
ที่พัก
นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก HOLIDAY INN หรือเทียบเท่า
วันที่ 5 ปราสาทนอยชวานสไตน์ – ซาลส์บวร์ก
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านสู่เมืองโฮเฮนชวานเกา (Hohenschwangau) เมืองเล็กๆที่สวยงามบริเวณเขตชายแดนของประเทศเยอรมนีและออสเตรีย เพื่อนำท่านเดินทางขึ้นปราสาทชมความสวยงามของปราสาทนอยชวานสไตน์ (Neuschwanstein Castle) นำชมต้นแบบของปราสาทเจ้าหญิงนิทราในดิสนีย์แลนด์ ซึ่งปราสาทนอยชวานสไตน์ ตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขาดุจปราสาทในเทพนิยาย ซึ่งเป็นปราสาทของพระเจ้าลุดวิคที่ 2 หรือ เจ้าชาย หงส์ขาว ชมความวิจิตรพิสดารของห้องต่างๆ ที่ได้รับการตกแต่งอย่างงดงามด้วยการออกแบบของริชาร์ด ว้ากเนอร์ ซึ่งเป็นนักประพันธ์เพลงที่ทรงโปรดปรานยิ่ง
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
บ่าย
เดินทางสู่เมืองซาลส์บวร์ก (Salzburg) ประเทศออสเตรีย เมืองอันเป็นบ้านเกิดของนักดนตรีเอก “วูล์ฟกัง อมาดิอุส โมสาร์ท” ที่มีชื่อเสียงก้องโลก นำเที่ยวชมความงามของเมืองซาลส์บวร์กที่มีความหมายว่า “ปราสาทเกลือ” เขตเมืองเก่าศิลปะบารอคที่ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำซัลซาค เมืองซาลส์บวร์กเคยเป็นที่ประทับถาวรของอาร์คบิชอป และ เป็นศูนย์กลางทางศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิกที่สำคัญยิ่งของบรรดาประเทศที่ใช้ภาษาเยอรมัน ชมสวนมิราเบล(Mirabell Garden) ซึ่งเป็นฉากหนึ่งในการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง “มนต์รักเพลงสวรรค์” (The Sound of Music) ที่โด่งดังไปทั่วโลก อิสระช้อปปิ้งถนนเกไทรเดร้ (Getreidegasse) ถนนช้อปปิ้งชื่อดังย่านกลางเมืองเก่า
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
ที่พัก
นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก AUSTRIA TREND HOTEL SALZBURG WEST หรือเทียบเท่า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านสู่เมืองโฮเฮนชวานเกา (Hohenschwangau) เมืองเล็กๆที่สวยงามบริเวณเขตชายแดนของประเทศเยอรมนีและออสเตรีย เพื่อนำท่านเดินทางขึ้นปราสาทชมความสวยงามของปราสาทนอยชวานสไตน์ (Neuschwanstein Castle) นำชมต้นแบบของปราสาทเจ้าหญิงนิทราในดิสนีย์แลนด์ ซึ่งปราสาทนอยชวานสไตน์ ตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขาดุจปราสาทในเทพนิยาย ซึ่งเป็นปราสาทของพระเจ้าลุดวิคที่ 2 หรือ เจ้าชาย หงส์ขาว ชมความวิจิตรพิสดารของห้องต่างๆ ที่ได้รับการตกแต่งอย่างงดงามด้วยการออกแบบของริชาร์ด ว้ากเนอร์ ซึ่งเป็นนักประพันธ์เพลงที่ทรงโปรดปรานยิ่ง
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
บ่าย
เดินทางสู่เมืองซาลส์บวร์ก (Salzburg) ประเทศออสเตรีย เมืองอันเป็นบ้านเกิดของนักดนตรีเอก “วูล์ฟกัง อมาดิอุส โมสาร์ท” ที่มีชื่อเสียงก้องโลก นำเที่ยวชมความงามของเมืองซาลส์บวร์กที่มีความหมายว่า “ปราสาทเกลือ” เขตเมืองเก่าศิลปะบารอคที่ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำซัลซาค เมืองซาลส์บวร์กเคยเป็นที่ประทับถาวรของอาร์คบิชอป และ เป็นศูนย์กลางทางศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิกที่สำคัญยิ่งของบรรดาประเทศที่ใช้ภาษาเยอรมัน ชมสวนมิราเบล(Mirabell Garden) ซึ่งเป็นฉากหนึ่งในการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง “มนต์รักเพลงสวรรค์” (The Sound of Music) ที่โด่งดังไปทั่วโลก อิสระช้อปปิ้งถนนเกไทรเดร้ (Getreidegasse) ถนนช้อปปิ้งชื่อดังย่านกลางเมืองเก่า
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
ที่พัก
นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก AUSTRIA TREND HOTEL SALZBURG WEST หรือเทียบเท่า
วันที่ 6 ฮัลสตัท – จุดชมวิว SKY WALK – เวียนนา
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
ออกเดินทางสู่ฮัลสตัท (Hallstatt) หมู่บ้านมรดกโลกแสนสวย อายุกว่า 4,500 ปี เมืองที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบ โอบล้อมด้วยขุนเขาและป่าสีเขียวขจีสวย งามราวกับภาพวาด กล่าวกันว่าเป็นเมืองที่โรแมนติกที่สุดใน Salzkammergut เขตที่อยู่บนอัพเพอร์ออสเตรีย และมีทะเลสาบสวยถึง 76 แห่ง ออสเตรียให้ฉายาเมืองนี้ว่าเป็นไข่มุกแห่งออสเตรีย และเป็นพื้นที่มรดกโลกของ UNESCO Cultural-Historical Heritage เพียงเดินเที่ยวชมเมืองเสมือนหนึ่งท่านอยู่ในภวังค์แห่งความฝัน
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร อาหารพื้นเมือง
บ่าย
นำท่านขึ้นกระเช้าไฟฟ้าสู่จุดชมวิว SKY WALK ที่ตั้งอยู่บนภูเขาที่มีอายุมากกว่า 7,000 ปี มีความสูงกว่าระดับน้ำทะเล ประมาณ 838 เมตร โดยใช้เวลาในการเดินทางขึ้นสู่ขอดเขาเพียง 3 นาที ให้ท่านได้ถ่ายภาพความสวยงามของเมืองฮัลสตัทที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น UNESCO WORLD HERITAGE VIEW ณ จุดชมวิว SKY WALK จากนั้นนำเดินทางโดยรถโค้ชสู่ กรุงเวียนนา (Vienna) เมืองหลวงของประเทศออสเตรีย ผ่านชมเส้นทางธรรมชาติของทิวเขาสูง และพื้นที่อันเขียวชอุ่มของป่าไม้แห่งออสเตรีย
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารจีน
ที่พัก
นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก SENATOR หรือเทียบเท่า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
ออกเดินทางสู่ฮัลสตัท (Hallstatt) หมู่บ้านมรดกโลกแสนสวย อายุกว่า 4,500 ปี เมืองที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบ โอบล้อมด้วยขุนเขาและป่าสีเขียวขจีสวย งามราวกับภาพวาด กล่าวกันว่าเป็นเมืองที่โรแมนติกที่สุดใน Salzkammergut เขตที่อยู่บนอัพเพอร์ออสเตรีย และมีทะเลสาบสวยถึง 76 แห่ง ออสเตรียให้ฉายาเมืองนี้ว่าเป็นไข่มุกแห่งออสเตรีย และเป็นพื้นที่มรดกโลกของ UNESCO Cultural-Historical Heritage เพียงเดินเที่ยวชมเมืองเสมือนหนึ่งท่านอยู่ในภวังค์แห่งความฝัน
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร อาหารพื้นเมือง
บ่าย
นำท่านขึ้นกระเช้าไฟฟ้าสู่จุดชมวิว SKY WALK ที่ตั้งอยู่บนภูเขาที่มีอายุมากกว่า 7,000 ปี มีความสูงกว่าระดับน้ำทะเล ประมาณ 838 เมตร โดยใช้เวลาในการเดินทางขึ้นสู่ขอดเขาเพียง 3 นาที ให้ท่านได้ถ่ายภาพความสวยงามของเมืองฮัลสตัทที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น UNESCO WORLD HERITAGE VIEW ณ จุดชมวิว SKY WALK จากนั้นนำเดินทางโดยรถโค้ชสู่ กรุงเวียนนา (Vienna) เมืองหลวงของประเทศออสเตรีย ผ่านชมเส้นทางธรรมชาติของทิวเขาสูง และพื้นที่อันเขียวชอุ่มของป่าไม้แห่งออสเตรีย
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารจีน
ที่พัก
นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก SENATOR หรือเทียบเท่า
วันที่ 7 เวียนนา – พระราชวังเชินบรุนน์ – บูดาเปสต์ – ล่องเรือแม่น้ำดานูบ
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำเข้าชมความงดงามของ พระราชวังเชินบรุนน์ (Schoenbrunn Palace) แห่งราชวงศ์ฮับสบวร์ก ซึ่งมีประวัติการสร้างมาตั้งแต่กลางคริสต์ศตวรรษที่ 16 และต่อมาพระนางมาเรีย เทเรซ่า ให้สร้างขึ้นใหม่อย่างสง่างามด้วยจำนวนห้องถึง 1,441 ห้องในระหว่างปีค.ศ.1744 - 1749 เพื่อใช้เป็นพระราชวังฤดูร้อน ชมความโอ่อ่าของท้องพระโรง และพลับพลาที่ประทับ ซึ่งได้รับการตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจงสวยงามไม่แพ้พระราชวังแวร์ซายส์ของฝรั่งเศส จากนั้นช้อปปิ้งสินค้าเครื่องแก้วสวาร็อฟสกี้ หรือสินค้านานาชนิด อาทิเช่น Louis Vitton, Gucci, ร้านนาฬิกา Bucherer, สินค้าเสื้อแฟชั่นทันสมัย เช่น Zara, H&M ฯลฯ และสินค้าของฝากเช่น ช็อกโกแลตโมสาร์ท ในย่าน ถนนคาร์ทเนอร์ (Karntnerstrabe) ใจกลางกรุงเวียนนา
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร อาหารจีน
บ่าย
นำท่านเดินทางโดยรถโค้ชผ่านย่านเกษตรกรรมข้ามพรมแดนสู่ กรุงบูดาเปสต์ (Budapest) เมืองหลวงของ ประเทศฮังการี (Hungary) ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่ทันสมัยและสวยงามด้วยศิลปวัฒนธรรมของชนหลายเชื้อชาติที่มีอารยธรรม รุ่งเรืองมานานกว่าพันปี ถึงกับได้รับการขนานนามว่าเป็น “ไข่มุกแห่งแม่น้ำดานูบ” ชมเมืองที่ได้ชื่อว่างดงามติดอันดับโลกด้วยทัศนียภาพบนสองฝั่งแม่น้ำดานูบ นำท่านล่องเรือแม่น้ำดานูบอันเลืองชื่อ ชมความงามของทิวทัศน์และอารยธรรมฮังการีในช่วง 600-800 ปีมาแล้วที่ตั้งเรียงรายกันอยู่ 2 ฟากฝั่ง ชมความตระการตาของอาคารต่างๆ อาทิ อาคารรัฐสภา ซึ่งงดงามเป็นที่ร่ำลือ ด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิค บนตัวอาคารประกอบด้วยยอดสูงถึง 365 ยอด นอกจากนี้ท่านจะได้ชม สะพานเชน สะพานถาวรแห่งแรกที่สร้างข้ามแม่น้ำดานูบ โดยนาย WILLIAM TIERNEY CLARK วิศวกรชาวอังกฤษ เหล็กทุกชิ้นที่ใช้ในการสร้างได้ถูกนำมาจากประเทศอังกฤษเช่นกัน
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร อาหารพื้นเมือง
ที่พัก
นำท่านเข้าสู่ที่พัก PARK INN BY RADISSON BUDAPEST หรือเทียบเท่า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำเข้าชมความงดงามของ พระราชวังเชินบรุนน์ (Schoenbrunn Palace) แห่งราชวงศ์ฮับสบวร์ก ซึ่งมีประวัติการสร้างมาตั้งแต่กลางคริสต์ศตวรรษที่ 16 และต่อมาพระนางมาเรีย เทเรซ่า ให้สร้างขึ้นใหม่อย่างสง่างามด้วยจำนวนห้องถึง 1,441 ห้องในระหว่างปีค.ศ.1744 - 1749 เพื่อใช้เป็นพระราชวังฤดูร้อน ชมความโอ่อ่าของท้องพระโรง และพลับพลาที่ประทับ ซึ่งได้รับการตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจงสวยงามไม่แพ้พระราชวังแวร์ซายส์ของฝรั่งเศส จากนั้นช้อปปิ้งสินค้าเครื่องแก้วสวาร็อฟสกี้ หรือสินค้านานาชนิด อาทิเช่น Louis Vitton, Gucci, ร้านนาฬิกา Bucherer, สินค้าเสื้อแฟชั่นทันสมัย เช่น Zara, H&M ฯลฯ และสินค้าของฝากเช่น ช็อกโกแลตโมสาร์ท ในย่าน ถนนคาร์ทเนอร์ (Karntnerstrabe) ใจกลางกรุงเวียนนา
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร อาหารจีน
บ่าย
นำท่านเดินทางโดยรถโค้ชผ่านย่านเกษตรกรรมข้ามพรมแดนสู่ กรุงบูดาเปสต์ (Budapest) เมืองหลวงของ ประเทศฮังการี (Hungary) ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่ทันสมัยและสวยงามด้วยศิลปวัฒนธรรมของชนหลายเชื้อชาติที่มีอารยธรรม รุ่งเรืองมานานกว่าพันปี ถึงกับได้รับการขนานนามว่าเป็น “ไข่มุกแห่งแม่น้ำดานูบ” ชมเมืองที่ได้ชื่อว่างดงามติดอันดับโลกด้วยทัศนียภาพบนสองฝั่งแม่น้ำดานูบ นำท่านล่องเรือแม่น้ำดานูบอันเลืองชื่อ ชมความงามของทิวทัศน์และอารยธรรมฮังการีในช่วง 600-800 ปีมาแล้วที่ตั้งเรียงรายกันอยู่ 2 ฟากฝั่ง ชมความตระการตาของอาคารต่างๆ อาทิ อาคารรัฐสภา ซึ่งงดงามเป็นที่ร่ำลือ ด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิค บนตัวอาคารประกอบด้วยยอดสูงถึง 365 ยอด นอกจากนี้ท่านจะได้ชม สะพานเชน สะพานถาวรแห่งแรกที่สร้างข้ามแม่น้ำดานูบ โดยนาย WILLIAM TIERNEY CLARK วิศวกรชาวอังกฤษ เหล็กทุกชิ้นที่ใช้ในการสร้างได้ถูกนำมาจากประเทศอังกฤษเช่นกัน
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร อาหารพื้นเมือง
ที่พัก
นำท่านเข้าสู่ที่พัก PARK INN BY RADISSON BUDAPEST หรือเทียบเท่า
วันที่ 8 บูดาเปสต์ – CASTLE HILL – สนามบิน
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านชมบริเวณ CASTLE HILL ซึ่งเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมโบราณอันทรงคุณค่า ถ่ายรูปด้านนอกของอาคารพระราชวังโบราณ แล้วชมบริเวณรอบนอกโบสถ์แมทเธียส (Matthias Church) ซึ่งเคยใช้เป็นสถานที่จัดพิธีสวมมงกุฎให้กษัตริย์มาแล้วหลายพระองค์ ชื่อโบสถ์มาจากชื่อกษัตริย์แมทเธียส ซึ่งเป็นกษัตริย์ที่ทรงพระปรีชาสามารถมาก และยังเป็นกษัตริย์ผู้ทรงสร้างสิ่งก่อสร้างที่งดงามในเมืองหลวงต่างๆ อีกมากมาย ซึ่งสร้างในสไตล์นีโอ-โกธิก หลังคาสลับสีสวยงามอันเป็นจุดเด่นที่สุดในศตวรรษที่ 15 ถัดจากโบสถ์เป็นอนุสาวรีย์ของพระเจ้าสตีเฟ่นที่ 1 พระบรมรูปทรงม้า ผลงานประติมากรรมที่งดงามของศตวรรษที่ 11 อยู่หน้า ป้อมชาวประมง (Fisherman’s Bastion) จุดชมวิวเหนือเมืองบูดาที่ท่านสามารถชมความงามของแม่น้ำดานูบได้อย่างดีป้อมแห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ ค.ศ.1905 โดยกลุ่มชาวประมงฮังกาเรียน
12.00 น.
นำคณะเดินทางสู่ สนามบินเฟเรนซ์ ลิซท์ เพื่อให้ท่านมีเวลาในการทำคืนภาษี (Tax Refund) และมีเวลาในการเลือกซื้อสินค้าในร้านค้าปลอดภาษีภายในสนามบิน
16.00 น.
ออกเดินทางสู่ดูไบ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 112
23.20 น.
เดินทางถึงสนามบินดูไบ เพื่อรอเปลี่ยนเครื่อง
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านชมบริเวณ CASTLE HILL ซึ่งเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมโบราณอันทรงคุณค่า ถ่ายรูปด้านนอกของอาคารพระราชวังโบราณ แล้วชมบริเวณรอบนอกโบสถ์แมทเธียส (Matthias Church) ซึ่งเคยใช้เป็นสถานที่จัดพิธีสวมมงกุฎให้กษัตริย์มาแล้วหลายพระองค์ ชื่อโบสถ์มาจากชื่อกษัตริย์แมทเธียส ซึ่งเป็นกษัตริย์ที่ทรงพระปรีชาสามารถมาก และยังเป็นกษัตริย์ผู้ทรงสร้างสิ่งก่อสร้างที่งดงามในเมืองหลวงต่างๆ อีกมากมาย ซึ่งสร้างในสไตล์นีโอ-โกธิก หลังคาสลับสีสวยงามอันเป็นจุดเด่นที่สุดในศตวรรษที่ 15 ถัดจากโบสถ์เป็นอนุสาวรีย์ของพระเจ้าสตีเฟ่นที่ 1 พระบรมรูปทรงม้า ผลงานประติมากรรมที่งดงามของศตวรรษที่ 11 อยู่หน้า ป้อมชาวประมง (Fisherman’s Bastion) จุดชมวิวเหนือเมืองบูดาที่ท่านสามารถชมความงามของแม่น้ำดานูบได้อย่างดีป้อมแห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ ค.ศ.1905 โดยกลุ่มชาวประมงฮังกาเรียน
12.00 น.
นำคณะเดินทางสู่ สนามบินเฟเรนซ์ ลิซท์ เพื่อให้ท่านมีเวลาในการทำคืนภาษี (Tax Refund) และมีเวลาในการเลือกซื้อสินค้าในร้านค้าปลอดภาษีภายในสนามบิน
16.00 น.
ออกเดินทางสู่ดูไบ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 112
23.20 น.
เดินทางถึงสนามบินดูไบ เพื่อรอเปลี่ยนเครื่อง
วันที่ 9 ดูไบ – กรุงเทพฯ
03.40 น.
ออกเดินทางสู่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 376
* คณะเดินทางวันที่ 27 พ.ค.-04 มิ.ย. เป็นต้นไป ออกเดินทางเวลา 03.40 น. และถึงกรุงเทพฯ เวลา 13.15 น.*
12.50 น.
ถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพมหานคร ด้วยความสวัสดิภาพ
ออกเดินทางสู่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 376
* คณะเดินทางวันที่ 27 พ.ค.-04 มิ.ย. เป็นต้นไป ออกเดินทางเวลา 03.40 น. และถึงกรุงเทพฯ เวลา 13.15 น.*
12.50 น.
ถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพมหานคร ด้วยความสวัสดิภาพ