โปรแกรม 9 วัน 6 คืน : เดินทางโดยสายการบินEmirates
วันที่ 1 กรุงเทพฯ
22.00น.
คณะพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศประตู 8 เคาน์เตอร์ T สายการบินเอมิเรตส์ โดยมีเจ้าหน้าที่คอยต้อนรับและอำนวยความสะดวก
คณะพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศประตู 8 เคาน์เตอร์ T สายการบินเอมิเรตส์ โดยมีเจ้าหน้าที่คอยต้อนรับและอำนวยความสะดวก
วันที่ 2 กรุงเทพฯ – ดูไบ – เวียนนา – พระราชวังเชินบรุนน์
01.05 น.
ออกเดินทางสู่ดูไบ โดยสายการบินเอมิเรตส์ โดยเที่ยวบินที่ EK 385
* คณะเดินทางวันที่ 08-16 เม.ย.63 / 13-21 พ.ค.63 ออกเดินทาง เวลา 01.15 น. และถึงดูไบ เวลา 04.45 น. * * คณะเดินทางวันที่ 17-25 มิ.ย.63 / 01-09 ก.ค.63 ออกเดินทาง เวลา 01.35 น. และถึงดูไบ เวลา 04.45 น. *
05.00 น.
เดินทางถึงสนามบินดูไบรอเปลี่ยนเครื่อง
09.00 น.
ออกเดินทางต่อสู่กรุงเวียนนา ด้วยเที่ยวบิน EK 127
* คณะเดินทางวันที่ 08 เม.ย.63 เป็นต้นไป ออกเดินทาง เวลา 08.55 น. และถึงเวียนนา เวลา 12.55 น. *
12.25 น.
ถึงสนามบินกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 6 ชั่วโมง และจะเปลี่ยนเป็น 5 ชั่วโมงในวันที่ 08 มีนาคม 2563) ผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมือง จากนั้นนำเข้าชมความงดงามของพระราชวังเชินบรุนน์ (Schoenbrunn Palace)แห่งราชวงศ์ฮัปสเบิร์ก ซึ่งมีประวัติการสร้างมาตั้งแต่กลางคริสต์ศตวรรษที่ 16 และต่อมาพระนางมาเรีย เทเรซ่า ให้สร้างขึ้นใหม่อย่างสง่างามด้วยจำนวนห้องถึง 1,441 ห้องในระหว่างปี ค.ศ.1744-1749 เพื่อใช้เป็นพระราชวังฤดูร้อน ชมความโอ่อ่าของท้องพระโรงและพลับพลาที่ประทับ ซึ่งได้รับการตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจง ซึ่งสวยงามไม่แพ้พระราชวังแวร์ซายของฝรั่งเศส ผ่านชมถนนสายวงแหวน (Ringstrasse)ที่แวดล้อมไปด้วยอาคารอันงดงามสถาปัตยกรรมเก่าแก่ ผ่านชมโรงละครโอเปร่า ที่สร้างขึ้นในระหว่างปีค.ศ.1863-1869 แต่ตัวอาคารได้ถูกทำลายไปในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 และเปิดใหม่อีกครั้งในปีค.ศ.1955, ผ่านพระราชวังฮอฟเบิร์ก(Hofburg Palace) ซึ่งเป็นกลุ่มอาคารที่เคยเป็นที่ประทับของราชสำนักฮัปสบูร์ก มาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 13 จนถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 จากนั้นนำชมบริเวณรอบนอกโบสถ์สเตเฟ่นส์ (St. Stephen’s Cathedral) สัญลักษณ์ของกรุงเวียนนา ซึ่งพระเจ้าคาร์ลที่ 6 โปรดให้สร้างขึ้นในปีค.ศ.1713 เพื่อเป็นการแก้บนต่อความทุกข์ยากของประชาชน จากนั้นเชิญช้อปปิ้งสินค้าเครื่องแก้วสวาร็อฟสกี้ หรือสินค้านานาชนิด อาทิเช่น Louis Vitton,Gucci, ร้านนาฬิกา Bucherer ,สินค้าเสื้อแฟชั่นวัยรุ่นทันสมัย เช่น Zara ,H&M ฯ9ฯ และสินค้าของฝาก เช่น ช็อกโกแลตโมสาร์ท หรือในย่านถนนคาร์นท์เนอร์ (Karntnerstrabe) ใจกลางกรุงเวียนนา
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารจีน
ที่พัก
เดินทางเข้าสู่ที่พัก SENATOR หรือเทียบเท่า
ออกเดินทางสู่ดูไบ โดยสายการบินเอมิเรตส์ โดยเที่ยวบินที่ EK 385
* คณะเดินทางวันที่ 08-16 เม.ย.63 / 13-21 พ.ค.63 ออกเดินทาง เวลา 01.15 น. และถึงดูไบ เวลา 04.45 น. * * คณะเดินทางวันที่ 17-25 มิ.ย.63 / 01-09 ก.ค.63 ออกเดินทาง เวลา 01.35 น. และถึงดูไบ เวลา 04.45 น. *
05.00 น.
เดินทางถึงสนามบินดูไบรอเปลี่ยนเครื่อง
09.00 น.
ออกเดินทางต่อสู่กรุงเวียนนา ด้วยเที่ยวบิน EK 127
* คณะเดินทางวันที่ 08 เม.ย.63 เป็นต้นไป ออกเดินทาง เวลา 08.55 น. และถึงเวียนนา เวลา 12.55 น. *
12.25 น.
ถึงสนามบินกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 6 ชั่วโมง และจะเปลี่ยนเป็น 5 ชั่วโมงในวันที่ 08 มีนาคม 2563) ผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมือง จากนั้นนำเข้าชมความงดงามของพระราชวังเชินบรุนน์ (Schoenbrunn Palace)แห่งราชวงศ์ฮัปสเบิร์ก ซึ่งมีประวัติการสร้างมาตั้งแต่กลางคริสต์ศตวรรษที่ 16 และต่อมาพระนางมาเรีย เทเรซ่า ให้สร้างขึ้นใหม่อย่างสง่างามด้วยจำนวนห้องถึง 1,441 ห้องในระหว่างปี ค.ศ.1744-1749 เพื่อใช้เป็นพระราชวังฤดูร้อน ชมความโอ่อ่าของท้องพระโรงและพลับพลาที่ประทับ ซึ่งได้รับการตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจง ซึ่งสวยงามไม่แพ้พระราชวังแวร์ซายของฝรั่งเศส ผ่านชมถนนสายวงแหวน (Ringstrasse)ที่แวดล้อมไปด้วยอาคารอันงดงามสถาปัตยกรรมเก่าแก่ ผ่านชมโรงละครโอเปร่า ที่สร้างขึ้นในระหว่างปีค.ศ.1863-1869 แต่ตัวอาคารได้ถูกทำลายไปในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 และเปิดใหม่อีกครั้งในปีค.ศ.1955, ผ่านพระราชวังฮอฟเบิร์ก(Hofburg Palace) ซึ่งเป็นกลุ่มอาคารที่เคยเป็นที่ประทับของราชสำนักฮัปสบูร์ก มาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 13 จนถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 จากนั้นนำชมบริเวณรอบนอกโบสถ์สเตเฟ่นส์ (St. Stephen’s Cathedral) สัญลักษณ์ของกรุงเวียนนา ซึ่งพระเจ้าคาร์ลที่ 6 โปรดให้สร้างขึ้นในปีค.ศ.1713 เพื่อเป็นการแก้บนต่อความทุกข์ยากของประชาชน จากนั้นเชิญช้อปปิ้งสินค้าเครื่องแก้วสวาร็อฟสกี้ หรือสินค้านานาชนิด อาทิเช่น Louis Vitton,Gucci, ร้านนาฬิกา Bucherer ,สินค้าเสื้อแฟชั่นวัยรุ่นทันสมัย เช่น Zara ,H&M ฯ9ฯ และสินค้าของฝาก เช่น ช็อกโกแลตโมสาร์ท หรือในย่านถนนคาร์นท์เนอร์ (Karntnerstrabe) ใจกลางกรุงเวียนนา
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารจีน
ที่พัก
เดินทางเข้าสู่ที่พัก SENATOR หรือเทียบเท่า
วันที่ 3 เวียนนา – เอสเตอร์กอม – เซนเทนเดร์ – บูดาเปสต์
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านเที่ยวชมโบสถ์ เอสเตอร์กอม (Esztergom Basilica) ที่ได้สร้างขึ้นใหม่ราวๆ ปี ค.ศ.1822 โดยตัวโบสถ์ดั้งเดิมถูกสร้างขึ้นในช่วงราวๆ ปี ค.ศ. 1000-1010 แต่โดนเผาทำลายในเวลาต่อมา จึงทำให้ต้องสร้างใหม่อยู่หลายรอบ ภายในโบสถ์ท่านจะพบกับสถาปัตยกรรมที่งดงาม
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย
เดินทางสู่เมืองเซนเทนเดร์ (Szentendre) ใช้เวลาเดินทาง 50 นาที เมืองนี้เป็นเมืองท่องเที่ยวเล็กๆตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำดานูบ แม่น้ำสายสำคัญที่มีความยาวเป็นอันดับ 2 ของทวีปยุโรปและอยู่ห่างจากบูดาเปสต์เมืองหลวงของประเทศฮังการีไปทางตอนเหนือประมาณ 19 กิโลเมตร นำท่านเดินเล่นชมเมือง ซื้อของที่ระลึกและเมื่อได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางผ่านย่านเกษตรกรรมข้ามพรมแดนสู่กรุงบูดาเปสต์ (Budapest) เมืองหลวงของประเทศฮังการี (Hungary) ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่ทันสมัยและสวยงามด้วยศิลปวัฒนธรรมของชนหลายเชื้อชาติที่มีอารยธรรม รุ่งเรืองมานานกว่าพันปี ถึงกับได้รับการขนานนามว่าเป็น “ไข่มุกแห่งแม่น้ำดานูบ” ชมเมืองที่ได้ชื่อว่างดงามติดอันดับโลกด้วยทัศนียภาพบนสองฝั่งแม่น้ำดานูบ นำท่านชมบริเวณ CASTLE HILL ซึ่งเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมโบราณอันทรงคุณค่า ถ่ายรูปด้านนอกของอาคารพระราชวังโบราณ แล้วชมบริเวณรอบนอกโบสถ์แมทเธียส (Matthias Church) ซึ่งเคยใช้เป็นสถานที่จัดพิธีสวมมงกุฎให้กษัตริย์มาแล้วหลายพระองค์ ชื่อโบสถ์มาจากชื่อกษัตริย์แมทเธียส ซึ่งเป็นกษัตริย์ที่ทรงพระปรีชาสามารถมาก และยังเป็นกษัตริย์ผู้ทรงสร้างสิ่งก่อสร้างที่งดงามในเมืองหลวงต่างๆ อีกมากมาย ซึ่งสร้างในสไตล์นีโอ-โกธิก หลังคาสลับสีสวยงามอันเป็นจุดเด่นที่สุดในศตวรรษที่ 15 ถัดจากโบสถ์เป็นอนุสาวรีย์ของพระเจ้าสตีเฟ่นที่ 1 พระบรมรูปทรงม้า ผลงานประติมากรรมที่งดงามของศตวรรษที่ 11 อยู่หน้า ป้อมชาวประมง (Fisherman’s Bastion) จุดชมวิวเหนือเมืองบูดาที่ท่านสามารถชมความงามของแม่น้ำดานูบได้อย่างดีป้อมแห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ ค.ศ.1905 โดยกลุ่มชาวประมงฮังกาเรียน
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
ที่พัก
เดินทางเข้าสู่ที่พัก PARK INN BY RADISSON BUDAPEST หรือเทียบเท่า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านเที่ยวชมโบสถ์ เอสเตอร์กอม (Esztergom Basilica) ที่ได้สร้างขึ้นใหม่ราวๆ ปี ค.ศ.1822 โดยตัวโบสถ์ดั้งเดิมถูกสร้างขึ้นในช่วงราวๆ ปี ค.ศ. 1000-1010 แต่โดนเผาทำลายในเวลาต่อมา จึงทำให้ต้องสร้างใหม่อยู่หลายรอบ ภายในโบสถ์ท่านจะพบกับสถาปัตยกรรมที่งดงาม
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย
เดินทางสู่เมืองเซนเทนเดร์ (Szentendre) ใช้เวลาเดินทาง 50 นาที เมืองนี้เป็นเมืองท่องเที่ยวเล็กๆตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำดานูบ แม่น้ำสายสำคัญที่มีความยาวเป็นอันดับ 2 ของทวีปยุโรปและอยู่ห่างจากบูดาเปสต์เมืองหลวงของประเทศฮังการีไปทางตอนเหนือประมาณ 19 กิโลเมตร นำท่านเดินเล่นชมเมือง ซื้อของที่ระลึกและเมื่อได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางผ่านย่านเกษตรกรรมข้ามพรมแดนสู่กรุงบูดาเปสต์ (Budapest) เมืองหลวงของประเทศฮังการี (Hungary) ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่ทันสมัยและสวยงามด้วยศิลปวัฒนธรรมของชนหลายเชื้อชาติที่มีอารยธรรม รุ่งเรืองมานานกว่าพันปี ถึงกับได้รับการขนานนามว่าเป็น “ไข่มุกแห่งแม่น้ำดานูบ” ชมเมืองที่ได้ชื่อว่างดงามติดอันดับโลกด้วยทัศนียภาพบนสองฝั่งแม่น้ำดานูบ นำท่านชมบริเวณ CASTLE HILL ซึ่งเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมโบราณอันทรงคุณค่า ถ่ายรูปด้านนอกของอาคารพระราชวังโบราณ แล้วชมบริเวณรอบนอกโบสถ์แมทเธียส (Matthias Church) ซึ่งเคยใช้เป็นสถานที่จัดพิธีสวมมงกุฎให้กษัตริย์มาแล้วหลายพระองค์ ชื่อโบสถ์มาจากชื่อกษัตริย์แมทเธียส ซึ่งเป็นกษัตริย์ที่ทรงพระปรีชาสามารถมาก และยังเป็นกษัตริย์ผู้ทรงสร้างสิ่งก่อสร้างที่งดงามในเมืองหลวงต่างๆ อีกมากมาย ซึ่งสร้างในสไตล์นีโอ-โกธิก หลังคาสลับสีสวยงามอันเป็นจุดเด่นที่สุดในศตวรรษที่ 15 ถัดจากโบสถ์เป็นอนุสาวรีย์ของพระเจ้าสตีเฟ่นที่ 1 พระบรมรูปทรงม้า ผลงานประติมากรรมที่งดงามของศตวรรษที่ 11 อยู่หน้า ป้อมชาวประมง (Fisherman’s Bastion) จุดชมวิวเหนือเมืองบูดาที่ท่านสามารถชมความงามของแม่น้ำดานูบได้อย่างดีป้อมแห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ ค.ศ.1905 โดยกลุ่มชาวประมงฮังกาเรียน
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
ที่พัก
เดินทางเข้าสู่ที่พัก PARK INN BY RADISSON BUDAPEST หรือเทียบเท่า
วันที่ 4 บูดาเปสต์ – OUTLET – บราติสลาวา
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ McArthurGlen Designer Outlet in Parndorf ให้เวลาท่านอิสระเพื่อช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมมากมาย อาทิ เช่น MULBERRY, PAUL SMITH, POLO, BALLY, HUGO BOSS, ALL SAINT, BURBERRY, CALVIN KLEIN, SAMSONITE,ARMANI, FURLA, LYLE&SCOTT, M&S ,CATH KIDSTON, GUESS, LACOSTE, COACH, TED BAKER, BARBOUR, DIESEL,MONSOON, NEXT , COAST ,FRED PERRY , UGG, KIPLING,G STAR RAW, GAP , JIGSAW ,JUICY COUTURE, SUPERDRY และอื่นๆอีกมากมาย
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย
นำท่านสู่กรุงบราติสลาวา (Bratislava) เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศสโลวัก ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำดานูบที่บริเวณพรมแดนของ สโลวัก ออสเตรีย และฮังการี และใกล้กับพรมแดนสาธารณรัฐเช็ก
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร อาหารพื้นเมือง
ที่พัก
เดินทางเข้าสู่ที่พัก HOLIDAY INN BRATISLAVA หรือเทียบเท่า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ McArthurGlen Designer Outlet in Parndorf ให้เวลาท่านอิสระเพื่อช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมมากมาย อาทิ เช่น MULBERRY, PAUL SMITH, POLO, BALLY, HUGO BOSS, ALL SAINT, BURBERRY, CALVIN KLEIN, SAMSONITE,ARMANI, FURLA, LYLE&SCOTT, M&S ,CATH KIDSTON, GUESS, LACOSTE, COACH, TED BAKER, BARBOUR, DIESEL,MONSOON, NEXT , COAST ,FRED PERRY , UGG, KIPLING,G STAR RAW, GAP , JIGSAW ,JUICY COUTURE, SUPERDRY และอื่นๆอีกมากมาย
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย
นำท่านสู่กรุงบราติสลาวา (Bratislava) เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศสโลวัก ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำดานูบที่บริเวณพรมแดนของ สโลวัก ออสเตรีย และฮังการี และใกล้กับพรมแดนสาธารณรัฐเช็ก
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร อาหารพื้นเมือง
ที่พัก
เดินทางเข้าสู่ที่พัก HOLIDAY INN BRATISLAVA หรือเทียบเท่า
วันที่ 5 บราติสลาวา – เบอร์โน – ปราก
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองเบอร์โน (Brno) เป็นเมืองเล็กแต่ก็จัดเป็นเมืองอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ และมีหลายสิ่งโดดเด่นทั้งในแง่ศิลปวัฒนธรรมและอาหารการกิน อาทิ ไวน์ เบอร์โน โดดเด่นเรื่องผลิตไวน์ คอไวน์จากทั่วสารทิศมาที่นี่เพื่อชิมไวน์ ที่หาซื้อง่ายมาก ที่พิเศษคือมีร้านชื่อ Vinarna ที่กดไวน์ออกจากถังไวน์กันสด ๆ คอสุราคงได้กรึ่มกันทั้งวัน นำท่านชม มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์แอนด์พอล (St. Peter and Paul Cathedral) ที่ตั้งอยู่บนเนินเขา Petrov ที่สามารถมองเห็นวิวสุดสวยของเมือง เป็นจุดชมวิวที่โรแมนติกมาก มหาวิหารได้รับการบูรณะหลายครั้งในช่วงระหว่างปี ค.ศ. 1794 – 1746 และได้ปรับเปลี่ยน ให้เป็นไสตล์บาร็อค แต่พอถึงช่วงศตวรรษที่ 19 – 20 มหาวิหาร ได้รับอิทธิพลของศิลปะแบบนีโอ-โกธิค แต่ถึงจะบูรณะปรับเปลี่ยนไปอย่างไรความสวยงามสง่าและความขลังยังคงอยู่ตราบจนทุกวันนี้ จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองคุทนา ฮอร่า (Kutna Hora) เมืองที่สำคัญและมีความสวยงามไม่แพ้กรุงปราก เนื่องจากเป็นเหมืองแร่เงินของยุโรปมาตั้งแต่ยุคกลาง จึงทำให้เมืองนี้มีความร่ำรวยไม่แพ้กรุงปราก และยังมีความสวยงามทางธรรมชาติและสิ่งก่อสร้างที่เก่าแก่ จนได้รับการจดทะเบียนเข้าเป็นมรดกโลกจาก Unescoในปี ค.ศ 1995 นำท่านชมความสวยงามของโบสถ์ประจำเมือง นำเข้าชมโบสถ์เซนต์บาบารา (St. Barbara Church) โบสถ์สไตล์โกธิกที่นับว่าสวยงาม และสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ ซึ่งได้ก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 1388 และเสร็จสมบูรณ์ในปี 1905 ใช้เวลาในการก่อสร้างนานกว่า 500 ปี จากนั้นนำเข้าชมโบสถ์โครงกระดูก (Sedlec Ossuary) อันโด่งดัง สถานที่ที่แปลกที่สุดในเมืองนี้ที่ ขึ้นชื่อว่าเป็นโบสถ์ที่แปลกที่สุดในโลก เนื่องจากโบสถ์นี้ตกแต่งไปด้วยโครงกระดูกมนุษย์กว่า 70,000 ชิ้น กว่า 40,000 คน ทุกอย่างทำขึ้นจากกระดูกทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นโคมไฟระย้า แท่นบูชา ไปจนถึงตราสัญลักษณ์ตระกูล เหตุผลของการนำกระดูกมาตกแต่งคือ ตระกูลผู้ปกครองสัญชาติเยอรมันมอบหมายให้ สถาปนิคชื่อ Frantisek Rint สร้างสรรค์ผลงานจากกระดูกเพื่อเป็นการระลึกถึงการใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง และสื่อให้เห็นว่าความตายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร อาหารพื้นเมือง
บ่าย
นำท่านเดินทางสู่กรุงปราก (Prague) เมืองหลวงของประเทศสาธารณรัฐเช็ก อดีตเมืองหลวงของสาธารณรัฐเชโกสโลวาเกีย ซึงได้สมญานามมากมาย เช่น นครแห่งปราสาท และโรมแห่งอุดรทิศ นำท่านเดินสู่ประตูเมืองเก่า “Powder Gate” ขอบเขตเมืองในสมัยโบราณ, ศาลาว่าการเมืองหลังเก่า (Old Town Hall) ที่สร้างมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1338 มีจุดเด่นคือ นาฬิกาดาราศาสตร์ (Astronomical Clock) ที่สวยงามและยังตีบอกเวลาทุกๆชั่วโมง ให้เวลาท่านเดินอิสระเดินเล่นย่านเมืองเก่า จากนั้นนำท่านเดินเล่นบนสะพานชาร์ล (Charles Bridge) สะพานเก่าแก่ข้ามแม่น้ำวัลตาวา สไตล์โกธิคที่สร้างขึ้นตั้งแต่กลางคริสต์ศตวรรษที่ 14 สมัยพระเจ้าชาร์ลที่ 4 ชมรูปปั้นโลหะของเหล่านักบุญที่ตั้งอยู่สองข้างราวสะพานกว่า 30 องค์
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
ที่พัก
เดินทางเข้าสู่ที่พัก DUO หรือเทียบเท่า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองเบอร์โน (Brno) เป็นเมืองเล็กแต่ก็จัดเป็นเมืองอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ และมีหลายสิ่งโดดเด่นทั้งในแง่ศิลปวัฒนธรรมและอาหารการกิน อาทิ ไวน์ เบอร์โน โดดเด่นเรื่องผลิตไวน์ คอไวน์จากทั่วสารทิศมาที่นี่เพื่อชิมไวน์ ที่หาซื้อง่ายมาก ที่พิเศษคือมีร้านชื่อ Vinarna ที่กดไวน์ออกจากถังไวน์กันสด ๆ คอสุราคงได้กรึ่มกันทั้งวัน นำท่านชม มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์แอนด์พอล (St. Peter and Paul Cathedral) ที่ตั้งอยู่บนเนินเขา Petrov ที่สามารถมองเห็นวิวสุดสวยของเมือง เป็นจุดชมวิวที่โรแมนติกมาก มหาวิหารได้รับการบูรณะหลายครั้งในช่วงระหว่างปี ค.ศ. 1794 – 1746 และได้ปรับเปลี่ยน ให้เป็นไสตล์บาร็อค แต่พอถึงช่วงศตวรรษที่ 19 – 20 มหาวิหาร ได้รับอิทธิพลของศิลปะแบบนีโอ-โกธิค แต่ถึงจะบูรณะปรับเปลี่ยนไปอย่างไรความสวยงามสง่าและความขลังยังคงอยู่ตราบจนทุกวันนี้ จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองคุทนา ฮอร่า (Kutna Hora) เมืองที่สำคัญและมีความสวยงามไม่แพ้กรุงปราก เนื่องจากเป็นเหมืองแร่เงินของยุโรปมาตั้งแต่ยุคกลาง จึงทำให้เมืองนี้มีความร่ำรวยไม่แพ้กรุงปราก และยังมีความสวยงามทางธรรมชาติและสิ่งก่อสร้างที่เก่าแก่ จนได้รับการจดทะเบียนเข้าเป็นมรดกโลกจาก Unescoในปี ค.ศ 1995 นำท่านชมความสวยงามของโบสถ์ประจำเมือง นำเข้าชมโบสถ์เซนต์บาบารา (St. Barbara Church) โบสถ์สไตล์โกธิกที่นับว่าสวยงาม และสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ ซึ่งได้ก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 1388 และเสร็จสมบูรณ์ในปี 1905 ใช้เวลาในการก่อสร้างนานกว่า 500 ปี จากนั้นนำเข้าชมโบสถ์โครงกระดูก (Sedlec Ossuary) อันโด่งดัง สถานที่ที่แปลกที่สุดในเมืองนี้ที่ ขึ้นชื่อว่าเป็นโบสถ์ที่แปลกที่สุดในโลก เนื่องจากโบสถ์นี้ตกแต่งไปด้วยโครงกระดูกมนุษย์กว่า 70,000 ชิ้น กว่า 40,000 คน ทุกอย่างทำขึ้นจากกระดูกทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นโคมไฟระย้า แท่นบูชา ไปจนถึงตราสัญลักษณ์ตระกูล เหตุผลของการนำกระดูกมาตกแต่งคือ ตระกูลผู้ปกครองสัญชาติเยอรมันมอบหมายให้ สถาปนิคชื่อ Frantisek Rint สร้างสรรค์ผลงานจากกระดูกเพื่อเป็นการระลึกถึงการใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง และสื่อให้เห็นว่าความตายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร อาหารพื้นเมือง
บ่าย
นำท่านเดินทางสู่กรุงปราก (Prague) เมืองหลวงของประเทศสาธารณรัฐเช็ก อดีตเมืองหลวงของสาธารณรัฐเชโกสโลวาเกีย ซึงได้สมญานามมากมาย เช่น นครแห่งปราสาท และโรมแห่งอุดรทิศ นำท่านเดินสู่ประตูเมืองเก่า “Powder Gate” ขอบเขตเมืองในสมัยโบราณ, ศาลาว่าการเมืองหลังเก่า (Old Town Hall) ที่สร้างมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1338 มีจุดเด่นคือ นาฬิกาดาราศาสตร์ (Astronomical Clock) ที่สวยงามและยังตีบอกเวลาทุกๆชั่วโมง ให้เวลาท่านเดินอิสระเดินเล่นย่านเมืองเก่า จากนั้นนำท่านเดินเล่นบนสะพานชาร์ล (Charles Bridge) สะพานเก่าแก่ข้ามแม่น้ำวัลตาวา สไตล์โกธิคที่สร้างขึ้นตั้งแต่กลางคริสต์ศตวรรษที่ 14 สมัยพระเจ้าชาร์ลที่ 4 ชมรูปปั้นโลหะของเหล่านักบุญที่ตั้งอยู่สองข้างราวสะพานกว่า 30 องค์
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
ที่พัก
เดินทางเข้าสู่ที่พัก DUO หรือเทียบเท่า
วันที่ 6 ปราก – ปราสาทปราก
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำเข้าชมปราสาทแห่งปราก (Prague Castle) ที่สร้างขึ้นอยู่บนเนินเขาตั้งแต่สมัยคริสต์ศตวรรษที่ 9 ในสมัยเจ้าชาย Borivoj แห่งราชวงศ์ Premyslids ซึ่งปัจจุบันเป็นทำเนียบประธานาธิบดีมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1918 ชมมหาวิหารเซนต์วิตุส (St.Vitus Cathedral) อันงามสง่าด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิคในสมัยศตวรรษที่ 14 นับว่าเป็นมหาวิหารสไตล์โกธิคที่ใหญ่ที่สุดในกรุงปราก ซึ่งพระเจ้าชาร์ลที่ 4 โปรดให้สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1344 ภายในเป็นที่เก็บพระศพของกษัตริย์สำคัญในอดีต เช่น พระเจ้าชาร์ลที่ 4, พระเจ้าเฟอร์ดินานด์ที่ 1 และ พระเจ้าแมกซิมิเลี่ยนที่ 2 เป็นต้น (กรณีมีพิธีภายในมหาวิหาร อาจไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าชม) แล้วชมพระราชวังหลวง (Royal Palace) ที่เป็นหนึ่งในส่วนที่เก่าแก่ที่สุดของปราสาท ใช้เป็นที่ประทับของเจ้าชายโบฮีเมียนทั้งหลาย แล้วเดินชมย่านช่างทองโบราณ (Golden Lane) ซึ่งปัจจุบันมีร้านขายของที่ระลึก วางจำหน่ายอยู่มากมาย
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย
ให้เวลาท่านอิสระเดินเล่น และช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมย่านเมืองเก่า
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
ที่พัก
นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก DUO หรือเทียบเท่า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำเข้าชมปราสาทแห่งปราก (Prague Castle) ที่สร้างขึ้นอยู่บนเนินเขาตั้งแต่สมัยคริสต์ศตวรรษที่ 9 ในสมัยเจ้าชาย Borivoj แห่งราชวงศ์ Premyslids ซึ่งปัจจุบันเป็นทำเนียบประธานาธิบดีมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1918 ชมมหาวิหารเซนต์วิตุส (St.Vitus Cathedral) อันงามสง่าด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิคในสมัยศตวรรษที่ 14 นับว่าเป็นมหาวิหารสไตล์โกธิคที่ใหญ่ที่สุดในกรุงปราก ซึ่งพระเจ้าชาร์ลที่ 4 โปรดให้สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1344 ภายในเป็นที่เก็บพระศพของกษัตริย์สำคัญในอดีต เช่น พระเจ้าชาร์ลที่ 4, พระเจ้าเฟอร์ดินานด์ที่ 1 และ พระเจ้าแมกซิมิเลี่ยนที่ 2 เป็นต้น (กรณีมีพิธีภายในมหาวิหาร อาจไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าชม) แล้วชมพระราชวังหลวง (Royal Palace) ที่เป็นหนึ่งในส่วนที่เก่าแก่ที่สุดของปราสาท ใช้เป็นที่ประทับของเจ้าชายโบฮีเมียนทั้งหลาย แล้วเดินชมย่านช่างทองโบราณ (Golden Lane) ซึ่งปัจจุบันมีร้านขายของที่ระลึก วางจำหน่ายอยู่มากมาย
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย
ให้เวลาท่านอิสระเดินเล่น และช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมย่านเมืองเก่า
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
ที่พัก
นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก DUO หรือเทียบเท่า
วันที่ 7 ปราก – คาร์โลวี วารี – นูเรมเบิร์ก
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำเดินทางโดยรถโค้ชสู่ เมืองคาร์โลวี วารี (Karlovy vary) ที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งสปาที่ใหญ่ที่สุดของสาธารณรัฐเช็ค เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกว่าเป็นศูนย์กลางบำบัดโรคภัยต่างๆ นำเดินชมเมืองคาร์โลวี วารี ซึ่งปัจจุบันเป็นที่นิยมของผู้คนทั่วโลกที่จะมาใช้บริการรักษาสุขภาพตามความเชื่อที่มีมาแต่สมัยโบราณ เชิญทดลองดื่มน้ำแร่ซึ่งต้องดื่มกับแก้วพิเศษโดยเฉพาะ เป็นแก้วพอร์ซเลนที่มีปากยื่นออกมาเหมือนกาน้ำ
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารบนยอดเขา อาหารพื้นเมือง
บ่าย
จากนั้นเดินทางสู่เมืองนูเรมเบิร์ก (Nuremberg) เมืองที่มีอาคารบ้านเรือนแบบโบราณที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 900 ปี และเมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ฮิตเลอร์ได้ใช้สถานที่แห่งนี้เป็นกองบัญชาการทางการทหารเพื่อต่อสู่ในสงครามโลกครั้งที่ 2 และตัวเมืองโดนกลุ่มสัมพันธ์มิตรถล่มเสียหายเกือบทั่วทั้งเมือง แต่ชาวเมืองก็ได้ร่วมมือกันบูรณะให้กลับมาอยู่ในสภาพใกล้เคียงของเดิมมากที่สุด นำท่านถ่ายรูปกับวิหารเซนต์ลอเรนซ์ (St. Lorenz) วิหารสวยประจำเมือง
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
ที่พัก
เดินทางเข้าสู่ที่พัก ARVENA PARK หรือเทียบเท่า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำเดินทางโดยรถโค้ชสู่ เมืองคาร์โลวี วารี (Karlovy vary) ที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งสปาที่ใหญ่ที่สุดของสาธารณรัฐเช็ค เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกว่าเป็นศูนย์กลางบำบัดโรคภัยต่างๆ นำเดินชมเมืองคาร์โลวี วารี ซึ่งปัจจุบันเป็นที่นิยมของผู้คนทั่วโลกที่จะมาใช้บริการรักษาสุขภาพตามความเชื่อที่มีมาแต่สมัยโบราณ เชิญทดลองดื่มน้ำแร่ซึ่งต้องดื่มกับแก้วพิเศษโดยเฉพาะ เป็นแก้วพอร์ซเลนที่มีปากยื่นออกมาเหมือนกาน้ำ
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารบนยอดเขา อาหารพื้นเมือง
บ่าย
จากนั้นเดินทางสู่เมืองนูเรมเบิร์ก (Nuremberg) เมืองที่มีอาคารบ้านเรือนแบบโบราณที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 900 ปี และเมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ฮิตเลอร์ได้ใช้สถานที่แห่งนี้เป็นกองบัญชาการทางการทหารเพื่อต่อสู่ในสงครามโลกครั้งที่ 2 และตัวเมืองโดนกลุ่มสัมพันธ์มิตรถล่มเสียหายเกือบทั่วทั้งเมือง แต่ชาวเมืองก็ได้ร่วมมือกันบูรณะให้กลับมาอยู่ในสภาพใกล้เคียงของเดิมมากที่สุด นำท่านถ่ายรูปกับวิหารเซนต์ลอเรนซ์ (St. Lorenz) วิหารสวยประจำเมือง
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
ที่พัก
เดินทางเข้าสู่ที่พัก ARVENA PARK หรือเทียบเท่า
วันที่ 8 นูเรมเบิร์ก – วูซ์บวร์ก – Outlet – แฟรงก์เฟิร์ต – สนามบิน
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่เมืองวูซ์บวร์ก (Wurzburg) เมืองบนเนินเขาทางตอนเหนือของแคว้นบาวาเรีย ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเมน ซึ่งเป็นอีกแหล่งของการเพาะปลูกองุ่นเพื่อผลิตไวน์ของเยอรมัน และเป็นเมืองที่ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกจาก UNESCO นำท่านชมความงดงามของเมืองมรดกโลกเมืองนี้ โดยเริ่มจาก ศาลาว่าการเมือง (City Hall) และแวะถ่ายรูปกับมหาวิหารแห่งเมืองวูซ์บวร์ก (Wurzburg Cathedral) ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อ ค.ศ. 788 อย่างไรก็ตามในการก่อสร้างระหว่างปี 1040-1225 ได้รับอิทธิพลจากศิลปะแบบโรมาเนสก์ จึงทำให้มหาวิหารภายนอกสร้างแบบโรมาเนสก์ นำท่านแวะถ่ายรูปกับ Wurzburg Residence สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 10 ซึ่งอดีตคือพระราชวังเก่า สร้างแบบสถาปัตยกรรมบาโร๊ค และได้มีการบูรณะหลายครั้งเนื่องจากถูกทำลายจากสงครามโลกครั้งที่ 2
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย
นำท่านเดินทางสู่ Wertheim Village Outlet ให้ท่านเพลิดเพลินกับการ ช้อปปิ้งเอาท์เลท ที่รวบรวมร้านค้าชั้นนำไว้อย่างมากมาย อาทิเช่น COACH, FRED PERRY, POLO RALPH RAUREN, SUPERDRY, TOMMY HILFIGER, TIMBERLAND, VERSACE, TAG HEUER, SWAROVSKI เป็นต้น ได้เวลาอันสมควร นำท่านเดินทางเข้าสู่เมืองแฟรงก์เฟิร์ต(Frankfurt) ผ่านชมสถานีรถไฟแฟรงก์เฟิร์ต ซึ่งถือได้ว่าเป็นสถานีรถไฟต้นแบบของหัวลำโพงประเทศไทย ครั้งเมื่อคราวเสด็จประพาสยุโรปของรัชกาลที่ 5 นำเที่ยวชมจัตุรัสโรเมอร์ (Romerberg) ซึ่งเป็นจัตุรัสที่เก่าแก่ที่สุดในเมือง ด้านข้างก็คือ THE ROMER หรือ Frankfurt City Hall หรือศาลาว่าการเมือง ซึ่งอยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของจัตุรัสโรเมอร์
18.30 น.
นำท่านเดินทางสู่สนามบินซูริค เพื่อทำคืนภาษี (Tax Refund)และมีเวลาช้อปปิ้งสินค้าปลอดภาษี (Duty Free)ภายในสนามบิน
22.20น.
ออกเดินทางกลับสู่กรุงเทพฯ เที่ยวบินที่ EK 48
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่เมืองวูซ์บวร์ก (Wurzburg) เมืองบนเนินเขาทางตอนเหนือของแคว้นบาวาเรีย ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเมน ซึ่งเป็นอีกแหล่งของการเพาะปลูกองุ่นเพื่อผลิตไวน์ของเยอรมัน และเป็นเมืองที่ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกจาก UNESCO นำท่านชมความงดงามของเมืองมรดกโลกเมืองนี้ โดยเริ่มจาก ศาลาว่าการเมือง (City Hall) และแวะถ่ายรูปกับมหาวิหารแห่งเมืองวูซ์บวร์ก (Wurzburg Cathedral) ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อ ค.ศ. 788 อย่างไรก็ตามในการก่อสร้างระหว่างปี 1040-1225 ได้รับอิทธิพลจากศิลปะแบบโรมาเนสก์ จึงทำให้มหาวิหารภายนอกสร้างแบบโรมาเนสก์ นำท่านแวะถ่ายรูปกับ Wurzburg Residence สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 10 ซึ่งอดีตคือพระราชวังเก่า สร้างแบบสถาปัตยกรรมบาโร๊ค และได้มีการบูรณะหลายครั้งเนื่องจากถูกทำลายจากสงครามโลกครั้งที่ 2
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย
นำท่านเดินทางสู่ Wertheim Village Outlet ให้ท่านเพลิดเพลินกับการ ช้อปปิ้งเอาท์เลท ที่รวบรวมร้านค้าชั้นนำไว้อย่างมากมาย อาทิเช่น COACH, FRED PERRY, POLO RALPH RAUREN, SUPERDRY, TOMMY HILFIGER, TIMBERLAND, VERSACE, TAG HEUER, SWAROVSKI เป็นต้น ได้เวลาอันสมควร นำท่านเดินทางเข้าสู่เมืองแฟรงก์เฟิร์ต(Frankfurt) ผ่านชมสถานีรถไฟแฟรงก์เฟิร์ต ซึ่งถือได้ว่าเป็นสถานีรถไฟต้นแบบของหัวลำโพงประเทศไทย ครั้งเมื่อคราวเสด็จประพาสยุโรปของรัชกาลที่ 5 นำเที่ยวชมจัตุรัสโรเมอร์ (Romerberg) ซึ่งเป็นจัตุรัสที่เก่าแก่ที่สุดในเมือง ด้านข้างก็คือ THE ROMER หรือ Frankfurt City Hall หรือศาลาว่าการเมือง ซึ่งอยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของจัตุรัสโรเมอร์
18.30 น.
นำท่านเดินทางสู่สนามบินซูริค เพื่อทำคืนภาษี (Tax Refund)และมีเวลาช้อปปิ้งสินค้าปลอดภาษี (Duty Free)ภายในสนามบิน
22.20น.
ออกเดินทางกลับสู่กรุงเทพฯ เที่ยวบินที่ EK 48
วันที่ 9 ดูไบ – กรุงเทพฯ
06.40 น.
เดินทางถึงสนามบินดูไบรอเปลี่ยนเครื่อง
09.40 น.
ออกเดินทางสู่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 372
* คณะเดินทางวันที่ 17 มิ.ย. 63 เป็นต้นไป ออกเดินทาง เวลา 09.40 น. และถึงกรุงเทพฯ เวลา 19.15 น. *
18.55 น.
คณะเดินทางกลับถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ
เดินทางถึงสนามบินดูไบรอเปลี่ยนเครื่อง
09.40 น.
ออกเดินทางสู่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 372
* คณะเดินทางวันที่ 17 มิ.ย. 63 เป็นต้นไป ออกเดินทาง เวลา 09.40 น. และถึงกรุงเทพฯ เวลา 19.15 น. *
18.55 น.
คณะเดินทางกลับถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ