โปรแกรม 10 วัน 7 คืน : เดินทางโดยสายการบินThai Airways International
วันที่ 1 กรุงเทพฯ
21.00 น.
คณะพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศประตู 2 เคาน์เตอร์ D สายการบินไทย พบเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวก
คณะพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศประตู 2 เคาน์เตอร์ D สายการบินไทย พบเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวก
วันที่ 2 กรุงเทพฯ – มิวนิค – เอาก์สบูร์ก – ศาลาว่าการเมืองเก่าแห่งเอาก์สบูร์ก – อูล์ม - นูเรมเบิร์ก
00.50 น.
ออกเดินทางสู่กรุงมิวนิค โดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 924
*** สำหรับคณะที่ออกเดินทางตั้งแต่ 4 เมษายนจะออกเดินทางเวลา 00.50 น.และไปถึงถึงมิวนิคเวลา 07.05 น.**
06.45 น.
ถึงสนามบินมิวนิค ประเทศเยอรมนี (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง และจะเปลี่ยนเป็น 6 ชั่วโมงในวันที่ 27 ตุลาคม 2562) ** สำหรับคณะที่ออกเดินทางระหว่าง 8-17 พฤศจิกายน 2562 จะเดินทางถึงมิวนิคเวลา 06.45 น.** ผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมือง นำท่านเดินทางสู่เมืองเอาก์สบูร์ก (AUGSBURG) เป็นเมืองใหญ่อันดับ 3 ของแคว้นบาวาเรียรองจากมิวนิกและนูเรมเบิร์ก โดยชื่อเมืองได้มาจากชื่อของจักรพรรดิ ออกุสตุส (Augustus) แห่งโรมัน ถือเป็นเมืองโบราณบนเส้นทางสาย โรแมนติกของอาณาจักรบาวาเรีย ให้ท่านได้เข้าชม ศาลาว่าการเมืองเก่าแห่งเอาก์สบูร์ก (Augsburger Rathaus and GoldeneSaal) สร้างขึ้นในคริสตวรรษที่ 14 โดยถูกออกแบบจนแล้วเสร็จในราวคริสตวรรษที่ 17 โดยนาย อีไลส์ ฮอลล์ สถาปนิกผู้โด่งดังในการออกแบบสถาปัตยกรรมรูปแบบเรอเนสซองส์แห่งเยอรมัน ให้ท่านได้เช้าชมห้องโถงทองคำ (Golden Hall) เป็นห้องที่สำคัญที่สุดในอาคารแห่งนี้ เพราะถือยังคงรักษารูปแบบการตกแต่งแบบเรอเนสซองส์เยอรมันได้อย่างสมบูรณ์
(หากคณะไม่สามารถเข้าชมด้านใน Golden Hall ได้ เนื่องจากปิดด้วยพิธีกรรมทางศาสนาหรือการเฉลิมฉลองใดๆก็ตาม ทำให้ทางคณะไม่สามารถเข้าชมด้านในได้ ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์คืนเงินหน้างานท่านละ 2 ยูโร)
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร อาหารจีน
บ่าย
หลังจากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองอูล์ม (Ulm) เมืองบ้านเกิดของอัลเบิร์ต ไอสไตน์ นำท่านถ่ายรูปคู่กับ วิหารอูล์ม (Ulm Munster) ถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของเมือง สร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 ขึ้นชื่อว่าเป็นโบสถ์ที่สูงที่สุดในโลก โดยมีความสูงที่ 161.53 เมตร เมื่อสร้างเสร็จแล้ว ซึ่งสูงมาก ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนของเมืองก็จะเห็นยอดโบสถ์ตั้งเด่น สง่า อย่างชัดเจนเดินทางสู่เมืองนูเรมเบิร์ก (Nuremberg) เมืองที่มีอาคารบ้านเรือนแบบโบราณที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 900 ปี และเมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ฮิตเลอร์ได้ใช้สถานที่แห่งนี้เป็นกองบัญชาการทางการทหารเพื่อต่อสู่ในสงครามโลกครั้งที่ 2 และตัวเมืองโดนกลุ่มสัมพันธ์มิตรถล่มเสียหายเกือบทั่วทั้งเมือง แต่ชาวเมืองก็ได้ร่วมมือกันบูรณะให้กลับมาอยู่ในสภาพใกล้เคียงของเดิมมากที่สุด นำท่านถ่ายรูปกับวิหารเซนต์ลอเรนซ์ (St. Lorenz) วิหารสวยประจำเมือง
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารจีน
ที่พัก
เดินทางเข้าสู่ที่พัก AVENA PARK หรือเทียบเท่า
ออกเดินทางสู่กรุงมิวนิค โดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 924
*** สำหรับคณะที่ออกเดินทางตั้งแต่ 4 เมษายนจะออกเดินทางเวลา 00.50 น.และไปถึงถึงมิวนิคเวลา 07.05 น.**
06.45 น.
ถึงสนามบินมิวนิค ประเทศเยอรมนี (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง และจะเปลี่ยนเป็น 6 ชั่วโมงในวันที่ 27 ตุลาคม 2562) ** สำหรับคณะที่ออกเดินทางระหว่าง 8-17 พฤศจิกายน 2562 จะเดินทางถึงมิวนิคเวลา 06.45 น.** ผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมือง นำท่านเดินทางสู่เมืองเอาก์สบูร์ก (AUGSBURG) เป็นเมืองใหญ่อันดับ 3 ของแคว้นบาวาเรียรองจากมิวนิกและนูเรมเบิร์ก โดยชื่อเมืองได้มาจากชื่อของจักรพรรดิ ออกุสตุส (Augustus) แห่งโรมัน ถือเป็นเมืองโบราณบนเส้นทางสาย โรแมนติกของอาณาจักรบาวาเรีย ให้ท่านได้เข้าชม ศาลาว่าการเมืองเก่าแห่งเอาก์สบูร์ก (Augsburger Rathaus and GoldeneSaal) สร้างขึ้นในคริสตวรรษที่ 14 โดยถูกออกแบบจนแล้วเสร็จในราวคริสตวรรษที่ 17 โดยนาย อีไลส์ ฮอลล์ สถาปนิกผู้โด่งดังในการออกแบบสถาปัตยกรรมรูปแบบเรอเนสซองส์แห่งเยอรมัน ให้ท่านได้เช้าชมห้องโถงทองคำ (Golden Hall) เป็นห้องที่สำคัญที่สุดในอาคารแห่งนี้ เพราะถือยังคงรักษารูปแบบการตกแต่งแบบเรอเนสซองส์เยอรมันได้อย่างสมบูรณ์
(หากคณะไม่สามารถเข้าชมด้านใน Golden Hall ได้ เนื่องจากปิดด้วยพิธีกรรมทางศาสนาหรือการเฉลิมฉลองใดๆก็ตาม ทำให้ทางคณะไม่สามารถเข้าชมด้านในได้ ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์คืนเงินหน้างานท่านละ 2 ยูโร)
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร อาหารจีน
บ่าย
หลังจากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองอูล์ม (Ulm) เมืองบ้านเกิดของอัลเบิร์ต ไอสไตน์ นำท่านถ่ายรูปคู่กับ วิหารอูล์ม (Ulm Munster) ถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของเมือง สร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 ขึ้นชื่อว่าเป็นโบสถ์ที่สูงที่สุดในโลก โดยมีความสูงที่ 161.53 เมตร เมื่อสร้างเสร็จแล้ว ซึ่งสูงมาก ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนของเมืองก็จะเห็นยอดโบสถ์ตั้งเด่น สง่า อย่างชัดเจนเดินทางสู่เมืองนูเรมเบิร์ก (Nuremberg) เมืองที่มีอาคารบ้านเรือนแบบโบราณที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 900 ปี และเมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ฮิตเลอร์ได้ใช้สถานที่แห่งนี้เป็นกองบัญชาการทางการทหารเพื่อต่อสู่ในสงครามโลกครั้งที่ 2 และตัวเมืองโดนกลุ่มสัมพันธ์มิตรถล่มเสียหายเกือบทั่วทั้งเมือง แต่ชาวเมืองก็ได้ร่วมมือกันบูรณะให้กลับมาอยู่ในสภาพใกล้เคียงของเดิมมากที่สุด นำท่านถ่ายรูปกับวิหารเซนต์ลอเรนซ์ (St. Lorenz) วิหารสวยประจำเมือง
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารจีน
ที่พัก
เดินทางเข้าสู่ที่พัก AVENA PARK หรือเทียบเท่า
วันที่ 3 นูเรมเบิร์ก – แบมเบิร์ก – คาร์โลวีวารี
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่เมืองแบมเบิร์ก (Bamberg) นำท่านชมเมืองแบมเบิร์ก ส่วนที่เป็นเขตเมืองเก่าของเมืองแบมแบร์กได้รับการขึ้นทะเบียนจาก UNESCO ให้เป็นเมืองมรดกโลก เนื่องจากเป็นหนึ่งในไม่กี่เมืองในเยอรมนี ที่รอดพ้นจากการที่ถูกบอมบ์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ตึกรามบ้านช่องในเขต 2 เมืองเก่าจึง “เก่าจริง” มิได้สร้างหรือซ่อมแซมใหม่ให้ดู “เหมือนเก่า” นำท่านชมมหาวิหารแบมเบิร์ก หรือชื่อเป็นทางการว่า มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์และเซนต์จอร์จ (The Imperial Cathedral of St. Peter’s and St. George’s) มีความสาคัญเป็นที่ตั้งของสังฆมณฑลของอัครบาทหลวงแห่ง แบมแบร์ก สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบโรมานเนสก์ สร้างครั้งแรกในปี ค.ศ.1004 โดยจักรพรรดิเฮนรีที่สอง จากนั้นชมศาลากลางหลังเก่าของเมืองที่สร้างคล่อมทับแม่น้ำเรกนิตซ์
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
บ่าย
นำเดินทางโดยรถโค้ชสู่ เมืองคาร์โลวี วารี (Karlovy vary) ที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งสปาที่ใหญ่ที่สุดของสาธารณรัฐเช็ค เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกว่าเป็นศูนย์กลางบำบัดโรคภัยต่างๆ นำเดินชมเมืองคาร์โลวี วารี ซึ่งปัจจุบันเป็นที่นิยมของผู้คนทั่วโลกที่จะมาใช้บริการรักษาสุขภาพตามความเชื่อที่มีมาแต่สมัยโบราณ เชิญทดลองดื่มน้ำแร่ซึ่งต้องดื่มกับแก้วพิเศษโดยเฉพาะ เป็นแก้วพอร์ซเลนที่มีปากยื่นออกมาเหมือนกาน้ำ
ค่ำ
รับประทานอาหาค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง (เป็ดโบฮีเมียน)
ที่พัก
นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก THERMAL หรือเทียบเท่า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่เมืองแบมเบิร์ก (Bamberg) นำท่านชมเมืองแบมเบิร์ก ส่วนที่เป็นเขตเมืองเก่าของเมืองแบมแบร์กได้รับการขึ้นทะเบียนจาก UNESCO ให้เป็นเมืองมรดกโลก เนื่องจากเป็นหนึ่งในไม่กี่เมืองในเยอรมนี ที่รอดพ้นจากการที่ถูกบอมบ์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ตึกรามบ้านช่องในเขต 2 เมืองเก่าจึง “เก่าจริง” มิได้สร้างหรือซ่อมแซมใหม่ให้ดู “เหมือนเก่า” นำท่านชมมหาวิหารแบมเบิร์ก หรือชื่อเป็นทางการว่า มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์และเซนต์จอร์จ (The Imperial Cathedral of St. Peter’s and St. George’s) มีความสาคัญเป็นที่ตั้งของสังฆมณฑลของอัครบาทหลวงแห่ง แบมแบร์ก สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบโรมานเนสก์ สร้างครั้งแรกในปี ค.ศ.1004 โดยจักรพรรดิเฮนรีที่สอง จากนั้นชมศาลากลางหลังเก่าของเมืองที่สร้างคล่อมทับแม่น้ำเรกนิตซ์
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
บ่าย
นำเดินทางโดยรถโค้ชสู่ เมืองคาร์โลวี วารี (Karlovy vary) ที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งสปาที่ใหญ่ที่สุดของสาธารณรัฐเช็ค เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกว่าเป็นศูนย์กลางบำบัดโรคภัยต่างๆ นำเดินชมเมืองคาร์โลวี วารี ซึ่งปัจจุบันเป็นที่นิยมของผู้คนทั่วโลกที่จะมาใช้บริการรักษาสุขภาพตามความเชื่อที่มีมาแต่สมัยโบราณ เชิญทดลองดื่มน้ำแร่ซึ่งต้องดื่มกับแก้วพิเศษโดยเฉพาะ เป็นแก้วพอร์ซเลนที่มีปากยื่นออกมาเหมือนกาน้ำ
ค่ำ
รับประทานอาหาค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง (เป็ดโบฮีเมียน)
ที่พัก
นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก THERMAL หรือเทียบเท่า
วันที่ 4 คาร์โลวีวารี – ปราก – ปราสาทปราก
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำคณะเดินทางสู่กรุงปราก (Prague) เมืองหลวงของประเทศสาธารณรัฐเช็ก อดีตเมืองหลวงของสาธารณรัฐเชคโกสโลวาเกีย ซึงได้สมญานามมากมาย เช่น นครแห่งปราสาท และโรมแห่งอุดรทิศ นำเข้าชมปราสาทแห่งปราก (Prague Castle) ที่สร้างขึ้นอยู่บนเนินเขาตั้งแต่สมัยคริสต์ศตวรรษที่ 9 ในสมัยเจ้าชาย Borivoj แห่งราชวงศ์ Premyslids ซึ่งปัจจุบันเป็นทำเนียบประธานาธิบดีมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1918 ชมมหาวิหาร เซนต์วิตุส (St.Vitus Cathedral) อันงามสง่าด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิคในสมัยศตวรรษที่ 14 นับว่าเป็นมหาวิหารสไตล์โกธิคที่ใหญ่ที่สุดในกรุงปราก ซึ่งพระเจ้าชาร์ลที่ 4 โปรดให้สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1344 ภายในเป็นที่เก็บพระศพของกษัตริย์สำคัญในอดีต เช่น พระเจ้าชาร์ลที่ 4, พระเจ้าเฟอร์ดินานด์ที่ 1 และ พระเจ้าแมกซิมิเลี่ยนที่ 2 เป็นต้น (กรณีมีพิธีภายในมหาวิหาร อาจไม่ได้รับอณุญาตให้เข้าชม) แล้วชมพระราชวังหลวง (Royal Palace) ที่เป็นหนึ่งในส่วนที่เก่าแก่ที่สุดของปราสาท ใช้เป็นที่ประทับของเจ้าชายโบฮีเมียน
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน
บ่าย
ทั้งหลาย แล้วเดินชมย่านช่างทองโบราณ (Golden Lane) ซึ่งปัจจุบันมีร้านขายของที่ระลึก วางจำหน่ายอยู่มากมาย จากนั้นนำท่านเดินเล่นบนสะพานชาร์ล (Charles Bridge) สะพานเก่าแก่ข้ามแม่น้ำวัลตาวา สไตล์โกธิคที่สร้างขึ้นตั้งแต่กลางคริสต์ศตวรรษที่ 14 สมัยพระเจ้าชาร์ลที่ 4 ชมรูปปั้นโลหะของเหล่านักบุญที่ตั้งอยู่สองข้างราวสะพานกว่า 30 องค์ จากนั้นนำท่านเดินสู่ประตูเมืองเก่า “Powder Gate” ขอบเขตเมืองในสมัยโบราณ, ศาลาว่าการเมืองหลังเก่า (Old Town Hall) ที่สร้างมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1338 มีจุดเด่นคือ นาฬิกาดาราศาสตร์ (Astronomical Clock) ที่สวยงามและยังตีบอกเวลาทุกๆชั่วโมง ให้เวลาท่านอิสระเดินเล่น และช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมย่านเมืองเก่า
อิสระอาหารค่ำตามอัธยาศัย
ที่พัก
นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก OCCIDENTAL PRAHA หรือเทียบเท่า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำคณะเดินทางสู่กรุงปราก (Prague) เมืองหลวงของประเทศสาธารณรัฐเช็ก อดีตเมืองหลวงของสาธารณรัฐเชคโกสโลวาเกีย ซึงได้สมญานามมากมาย เช่น นครแห่งปราสาท และโรมแห่งอุดรทิศ นำเข้าชมปราสาทแห่งปราก (Prague Castle) ที่สร้างขึ้นอยู่บนเนินเขาตั้งแต่สมัยคริสต์ศตวรรษที่ 9 ในสมัยเจ้าชาย Borivoj แห่งราชวงศ์ Premyslids ซึ่งปัจจุบันเป็นทำเนียบประธานาธิบดีมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1918 ชมมหาวิหาร เซนต์วิตุส (St.Vitus Cathedral) อันงามสง่าด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิคในสมัยศตวรรษที่ 14 นับว่าเป็นมหาวิหารสไตล์โกธิคที่ใหญ่ที่สุดในกรุงปราก ซึ่งพระเจ้าชาร์ลที่ 4 โปรดให้สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1344 ภายในเป็นที่เก็บพระศพของกษัตริย์สำคัญในอดีต เช่น พระเจ้าชาร์ลที่ 4, พระเจ้าเฟอร์ดินานด์ที่ 1 และ พระเจ้าแมกซิมิเลี่ยนที่ 2 เป็นต้น (กรณีมีพิธีภายในมหาวิหาร อาจไม่ได้รับอณุญาตให้เข้าชม) แล้วชมพระราชวังหลวง (Royal Palace) ที่เป็นหนึ่งในส่วนที่เก่าแก่ที่สุดของปราสาท ใช้เป็นที่ประทับของเจ้าชายโบฮีเมียน
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน
บ่าย
ทั้งหลาย แล้วเดินชมย่านช่างทองโบราณ (Golden Lane) ซึ่งปัจจุบันมีร้านขายของที่ระลึก วางจำหน่ายอยู่มากมาย จากนั้นนำท่านเดินเล่นบนสะพานชาร์ล (Charles Bridge) สะพานเก่าแก่ข้ามแม่น้ำวัลตาวา สไตล์โกธิคที่สร้างขึ้นตั้งแต่กลางคริสต์ศตวรรษที่ 14 สมัยพระเจ้าชาร์ลที่ 4 ชมรูปปั้นโลหะของเหล่านักบุญที่ตั้งอยู่สองข้างราวสะพานกว่า 30 องค์ จากนั้นนำท่านเดินสู่ประตูเมืองเก่า “Powder Gate” ขอบเขตเมืองในสมัยโบราณ, ศาลาว่าการเมืองหลังเก่า (Old Town Hall) ที่สร้างมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1338 มีจุดเด่นคือ นาฬิกาดาราศาสตร์ (Astronomical Clock) ที่สวยงามและยังตีบอกเวลาทุกๆชั่วโมง ให้เวลาท่านอิสระเดินเล่น และช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมย่านเมืองเก่า
อิสระอาหารค่ำตามอัธยาศัย
ที่พัก
นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก OCCIDENTAL PRAHA หรือเทียบเท่า
วันที่ 5 ปราก – บราติสลาวา – บูดาเปสท์
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
จากนั้นนำเดินทางสู่กรุงบราติสลาว่า (Bratislava) เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศสโลวัค(Slovak) ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำดานูบที่บริเวณพรมแดนของ สโลวัค ออสเตรีย และฮังการี และใกล้กับพรมแดนสาธารณรัฐเช็ก นำท่านชมบรรยากาศของกรุงบราติสลาวา ซึ่งเป็นที่ตั้งของรัฐสภาแห่งสโลวัก
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน
บ่าย
นำท่านถ่ายรูปคู่กับปราสาทบราติสลาวา(Bratislava Castle) ซึ่งเป็นอาคารทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าตั้งอยู่บนเนินเขา ริมฝั่งแม่น้ำดานูบ ท่านสามารถชมทัศนียภาพอันงดงามของเมืองได้จากมุมของปราสาทแห่งนี้ นำท่านเดินทางโดยรถโค้ชผ่านย่านเกษตรกรรมข้ามพรมแดนสู่ กรุงบูดาเปสต์ (Budapest) เมืองหลวงของ ประเทศฮังการี (Hungary) ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่ทันสมัยและสวยงามด้วยศิลปวัฒนธรรมของชนหลายเชื้อชาติที่มี อารยธรรม รุ่งเรืองมานานกว่าพันปี ถึงกับได้รับการขนานนามว่าเป็น “ไข่มุกแห่งแม่น้ำดานูบ” ชมเมืองที่ได้ชื่อว่างดงามติดอันดับโลกด้วยทัศนียภาพบนสองฝั่งแม่น้ำดานูบ
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร อาหารพื้นเมือง (ซุปกุลาซ)
ที่พัก
นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก ACHAT PREMIUM หรือเทียบเท่า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
จากนั้นนำเดินทางสู่กรุงบราติสลาว่า (Bratislava) เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศสโลวัค(Slovak) ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำดานูบที่บริเวณพรมแดนของ สโลวัค ออสเตรีย และฮังการี และใกล้กับพรมแดนสาธารณรัฐเช็ก นำท่านชมบรรยากาศของกรุงบราติสลาวา ซึ่งเป็นที่ตั้งของรัฐสภาแห่งสโลวัก
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน
บ่าย
นำท่านถ่ายรูปคู่กับปราสาทบราติสลาวา(Bratislava Castle) ซึ่งเป็นอาคารทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าตั้งอยู่บนเนินเขา ริมฝั่งแม่น้ำดานูบ ท่านสามารถชมทัศนียภาพอันงดงามของเมืองได้จากมุมของปราสาทแห่งนี้ นำท่านเดินทางโดยรถโค้ชผ่านย่านเกษตรกรรมข้ามพรมแดนสู่ กรุงบูดาเปสต์ (Budapest) เมืองหลวงของ ประเทศฮังการี (Hungary) ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่ทันสมัยและสวยงามด้วยศิลปวัฒนธรรมของชนหลายเชื้อชาติที่มี อารยธรรม รุ่งเรืองมานานกว่าพันปี ถึงกับได้รับการขนานนามว่าเป็น “ไข่มุกแห่งแม่น้ำดานูบ” ชมเมืองที่ได้ชื่อว่างดงามติดอันดับโลกด้วยทัศนียภาพบนสองฝั่งแม่น้ำดานูบ
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร อาหารพื้นเมือง (ซุปกุลาซ)
ที่พัก
นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก ACHAT PREMIUM หรือเทียบเท่า
วันที่ 6 บูดาเปสท์ – ล่องเรือแม่น้ำดานูบ – เวียนนา
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านล่องเรือแม่น้ำดานูบอันเลื่องชื่อ ชมความงามของทิวทัศน์และอารยะธรรมฮังการีในช่วง 600-800 ปีมาแล้วที่ตั้งเรียงรายกันอยู่ 2 ฟากฝั่ง ชมความตระการตาของอาคารต่างๆ อาทิ อาคารรัฐสภา ซึ่งงดงามเป็นที่ร่ำลือ ด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิค บนตัวอาคารประกอบด้วยยอดสูงถึง 365 ยอด นอกจากนี้ท่านจะได้ชม สะพานเชน สะพานถาวรแห่งแรกที่สร้างข้ามแม่น้ำดานูบ โดยนาย WILLIAM TIERNEY CLARK วิศวกรชาวอังกฤษ เหล็กทุกชิ้นที่ใช้ในการสร้างได้ถูกนำมาจากประเทศอังกฤษเช่นกัน (การล่องเรือขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ โดยเฉพาะในช่วงฤดุหนาว น้ำในแม่น้ำอาจกลายเป็นน้ำแข็ง จนไม่สามารถล่องเรือได้ ทางบริษัทขอคืนเงินจำนวน 10 ยูโรต่อท่าน)
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน
บ่าย
ได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางต่อสู่ สู่กรุงเวียนนา (Vienna) เมืองหลวงของประเทศออสเตรีย ผ่านชมเส้นทางธรรมชาติของทิวเขาสูง และพื้นที่อันเขียวชอุ่มของป่าไม้แห่งออสเตรีย ชมถนนสายวงแหวน (Ringstrasse) ที่แวดล้อมไปด้วยอาคารอันงดงามสถาปัตยกรรมเก่าแก่ ผ่านชมโรงละครโอเปร่า ที่สร้างขึ้นในระหว่างปีค.ศ.1863-1869 แต่ตัวอาคารได้ถูกทำลายไปในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 และเปิดใหม่อีกครั้งในปีค.ศ.1955, ผ่านพระราชวังฮอฟเบิร์ก (Hofburg Palace) ซึ่งเป็นกลุ่มอาคารที่เคยเป็นที่ประทับของราชสำนักฮัปสบูร์ก มาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 13 จนถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 2
อิสระอาหารค่ำตามอัธยาศัย
ที่พัก
นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก MERCURE WESTBAHNHOF หรือเทียบเท่า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านล่องเรือแม่น้ำดานูบอันเลื่องชื่อ ชมความงามของทิวทัศน์และอารยะธรรมฮังการีในช่วง 600-800 ปีมาแล้วที่ตั้งเรียงรายกันอยู่ 2 ฟากฝั่ง ชมความตระการตาของอาคารต่างๆ อาทิ อาคารรัฐสภา ซึ่งงดงามเป็นที่ร่ำลือ ด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิค บนตัวอาคารประกอบด้วยยอดสูงถึง 365 ยอด นอกจากนี้ท่านจะได้ชม สะพานเชน สะพานถาวรแห่งแรกที่สร้างข้ามแม่น้ำดานูบ โดยนาย WILLIAM TIERNEY CLARK วิศวกรชาวอังกฤษ เหล็กทุกชิ้นที่ใช้ในการสร้างได้ถูกนำมาจากประเทศอังกฤษเช่นกัน (การล่องเรือขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ โดยเฉพาะในช่วงฤดุหนาว น้ำในแม่น้ำอาจกลายเป็นน้ำแข็ง จนไม่สามารถล่องเรือได้ ทางบริษัทขอคืนเงินจำนวน 10 ยูโรต่อท่าน)
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน
บ่าย
ได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางต่อสู่ สู่กรุงเวียนนา (Vienna) เมืองหลวงของประเทศออสเตรีย ผ่านชมเส้นทางธรรมชาติของทิวเขาสูง และพื้นที่อันเขียวชอุ่มของป่าไม้แห่งออสเตรีย ชมถนนสายวงแหวน (Ringstrasse) ที่แวดล้อมไปด้วยอาคารอันงดงามสถาปัตยกรรมเก่าแก่ ผ่านชมโรงละครโอเปร่า ที่สร้างขึ้นในระหว่างปีค.ศ.1863-1869 แต่ตัวอาคารได้ถูกทำลายไปในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 และเปิดใหม่อีกครั้งในปีค.ศ.1955, ผ่านพระราชวังฮอฟเบิร์ก (Hofburg Palace) ซึ่งเป็นกลุ่มอาคารที่เคยเป็นที่ประทับของราชสำนักฮัปสบูร์ก มาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 13 จนถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 2
อิสระอาหารค่ำตามอัธยาศัย
ที่พัก
นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก MERCURE WESTBAHNHOF หรือเทียบเท่า
วันที่ 7 เวียนนา – พระราชวังเชินบรุนน์ – เชสกี้ครุมลอฟ – เชสกี้บูดาโจวิช
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
จากนั้นนำเข้าชมความงดงามของพระราชวังเชินบรุนน์ (Schoenbrunn Palace) แห่งราชวงศ์ฮัปสเบิร์ก ซึ่งมีประวัติการสร้างมาตั้งแต่กลางคริสต์ศตวรรษที่ 16 และต่อมาพระนางมาเรีย เทเรซ่า ให้สร้างขึ้นใหม่อย่างสง่างามด้วยจำนวนห้องถึง 1,441 ห้องในระหว่างปีค.ศ.1744-1749 เพื่อใช้เป็นพระราชวังฤดูร้อน ชมความโอ่อ่าของท้องพระโรงและพลับพลาที่ประทับ ซึ่งได้รับการตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจง ซึ่งสวยงามไม่แพ้พระราชวังแวร์ซายส์ของฝรั่งเศส
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร อาหารจีน
บ่าย
นำท่านเดินทางสู่เมืองมรดกโลกเชสกี้ ครุมลอฟ (Cesky Krumlov) นำชมเมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นเพชรน้ำงามแห่งโบฮีเมีย เมืองที่ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโก้ให้เป็นเมืองมรดกโลกใน ค.ศ.1992 (World Heritage) เมืองนี้ตั้งอยู่ริมสองฝั่งของแม่น้ำวัลตาวา ความโดดเด่นของเมืองที่มีอาคารเก่าแก่ตั้งแต่ยุคกลางกว่า 300 ปี หลังได้รับการอนุรักษ์และขึ้นทะเบียนไว้ให้เป็นสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก นำชมปราสาทครุมลอฟ (Krumlov) จากบริเวณรอบนอก ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ.1250 ถือเป็นปราสาทที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศรองลงมาจากปราสาทปร๊าก มีอายุเก่าแก่กว่า 700 ปี ซึ่งตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำวอลตาวา (Valtawa River) ตรงบริเวณคุ้งน้ำ ฝั่งตรงข้ามเป็นย่านเมืองเก่าคลาสสิค Senete Square และโบสถ์เก่ากลางเมือง หลังจากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองเชสกี้ บุดาโจวิช (Cesky Budajovice)
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร อาหารพื้นเมือง
ที่พัก
นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก CLARION CONGRESS หรือเทียบเท่า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
จากนั้นนำเข้าชมความงดงามของพระราชวังเชินบรุนน์ (Schoenbrunn Palace) แห่งราชวงศ์ฮัปสเบิร์ก ซึ่งมีประวัติการสร้างมาตั้งแต่กลางคริสต์ศตวรรษที่ 16 และต่อมาพระนางมาเรีย เทเรซ่า ให้สร้างขึ้นใหม่อย่างสง่างามด้วยจำนวนห้องถึง 1,441 ห้องในระหว่างปีค.ศ.1744-1749 เพื่อใช้เป็นพระราชวังฤดูร้อน ชมความโอ่อ่าของท้องพระโรงและพลับพลาที่ประทับ ซึ่งได้รับการตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจง ซึ่งสวยงามไม่แพ้พระราชวังแวร์ซายส์ของฝรั่งเศส
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร อาหารจีน
บ่าย
นำท่านเดินทางสู่เมืองมรดกโลกเชสกี้ ครุมลอฟ (Cesky Krumlov) นำชมเมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นเพชรน้ำงามแห่งโบฮีเมีย เมืองที่ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโก้ให้เป็นเมืองมรดกโลกใน ค.ศ.1992 (World Heritage) เมืองนี้ตั้งอยู่ริมสองฝั่งของแม่น้ำวัลตาวา ความโดดเด่นของเมืองที่มีอาคารเก่าแก่ตั้งแต่ยุคกลางกว่า 300 ปี หลังได้รับการอนุรักษ์และขึ้นทะเบียนไว้ให้เป็นสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก นำชมปราสาทครุมลอฟ (Krumlov) จากบริเวณรอบนอก ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ.1250 ถือเป็นปราสาทที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศรองลงมาจากปราสาทปร๊าก มีอายุเก่าแก่กว่า 700 ปี ซึ่งตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำวอลตาวา (Valtawa River) ตรงบริเวณคุ้งน้ำ ฝั่งตรงข้ามเป็นย่านเมืองเก่าคลาสสิค Senete Square และโบสถ์เก่ากลางเมือง หลังจากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองเชสกี้ บุดาโจวิช (Cesky Budajovice)
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร อาหารพื้นเมือง
ที่พัก
นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก CLARION CONGRESS หรือเทียบเท่า
วันที่ 8 เชสกี้ บุดาโจวิช - ฮัลสตัท – มิวนิค
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
ออกเดินทางสู่ฮัลสตัท (Hallstatt) หมู่บ้านมรดกโลกแสนสวย อายุกว่า 4,500 ปี เมืองที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบ โอบล้อมด้วยขุนเขาและป่าสีเขียวขจีสวย งามราวกับภาพวาด กล่าวกันว่าเป็นเมืองที่โรแมนติกที่สุดใน Salzkammergut เขตที่อยู่บนอัพเพอร์ออสเตรีย และมีทะเลสาบสวยถึง 76 แห่ง ออสเตรียให้ฉายาเมืองนี้ว่าเป็นไข่มุกแห่งออสเตรีย และเป็นพื้นที่มรดกโลกของ UNESCO Cultural-Historical Heritage เพียงเดินเที่ยวชมเมืองเสมือนหนึ่งท่านอยู่ในภวังค์แห่งความฝัน
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
บ่าย
นำท่านเดินทางสู่เมืองมิวนิค (Munich) อยู่ทางใต้ของประเทศเยอรมนี และเป็นเมืองหลวงของรัฐบาวาเรีย ยังเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศ (รองจากเบอร์ลินและฮัมบูร์ก) และเป็นหนึ่งในเมืองมั่งคั่งที่สุดของยุโรป ซึ่งมีพรมแดนติดเทือกเขาแอลป์ โดยรัฐบาวาเรียเคยเป็นรัฐอิสระปกครองด้วยกษัตริย์มาก่อน ก่อนที่จะผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของประเทศเยอรมนี จึงมีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมเป็นของตัวเอง ทั้งด้านศิลปวัฒนธรรม และอาหารอันเลื่องชื่อ ซึ่งได้แก่ ไส้กรอกเยอรมัน ขาหมูทอด เพรทเซล และเบียร์ นำชมจัตุรัสมาเรียนพลาสท์ (Marienplatz) ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์และธุรกิจของนครมิวนิค บริเวณนี้เป็นที่ตั้งของศาลาว่าการเมืองที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบโกธิคที่งดงามซึ่งสร้างขึ้นในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 ใช้เวลาสร้างถึง 42 ปี มีหอระฆังสูง 85 เมตร ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวรอคอยเฝ้าชมตุ๊กตาไขลานที่จะออกมาเต้นรำ เมื่อนาฬิกาตีบอกเวลา 11.00 น. และ 17.00 น. อิสระท่านเลือกซื้อสินค้าแบรนด์เนม และของฝากตามอัธยาศัย
อิสระอาหารค่ำตามอัธยาศัย
ที่พัก
นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พักLEONARDO HOTEL หรือเทียบเท่า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
ออกเดินทางสู่ฮัลสตัท (Hallstatt) หมู่บ้านมรดกโลกแสนสวย อายุกว่า 4,500 ปี เมืองที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบ โอบล้อมด้วยขุนเขาและป่าสีเขียวขจีสวย งามราวกับภาพวาด กล่าวกันว่าเป็นเมืองที่โรแมนติกที่สุดใน Salzkammergut เขตที่อยู่บนอัพเพอร์ออสเตรีย และมีทะเลสาบสวยถึง 76 แห่ง ออสเตรียให้ฉายาเมืองนี้ว่าเป็นไข่มุกแห่งออสเตรีย และเป็นพื้นที่มรดกโลกของ UNESCO Cultural-Historical Heritage เพียงเดินเที่ยวชมเมืองเสมือนหนึ่งท่านอยู่ในภวังค์แห่งความฝัน
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
บ่าย
นำท่านเดินทางสู่เมืองมิวนิค (Munich) อยู่ทางใต้ของประเทศเยอรมนี และเป็นเมืองหลวงของรัฐบาวาเรีย ยังเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศ (รองจากเบอร์ลินและฮัมบูร์ก) และเป็นหนึ่งในเมืองมั่งคั่งที่สุดของยุโรป ซึ่งมีพรมแดนติดเทือกเขาแอลป์ โดยรัฐบาวาเรียเคยเป็นรัฐอิสระปกครองด้วยกษัตริย์มาก่อน ก่อนที่จะผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของประเทศเยอรมนี จึงมีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมเป็นของตัวเอง ทั้งด้านศิลปวัฒนธรรม และอาหารอันเลื่องชื่อ ซึ่งได้แก่ ไส้กรอกเยอรมัน ขาหมูทอด เพรทเซล และเบียร์ นำชมจัตุรัสมาเรียนพลาสท์ (Marienplatz) ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์และธุรกิจของนครมิวนิค บริเวณนี้เป็นที่ตั้งของศาลาว่าการเมืองที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบโกธิคที่งดงามซึ่งสร้างขึ้นในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 ใช้เวลาสร้างถึง 42 ปี มีหอระฆังสูง 85 เมตร ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวรอคอยเฝ้าชมตุ๊กตาไขลานที่จะออกมาเต้นรำ เมื่อนาฬิกาตีบอกเวลา 11.00 น. และ 17.00 น. อิสระท่านเลือกซื้อสินค้าแบรนด์เนม และของฝากตามอัธยาศัย
อิสระอาหารค่ำตามอัธยาศัย
ที่พัก
นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พักLEONARDO HOTEL หรือเทียบเท่า
วันที่ 9 มิวนิค – สนามบิน
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำคณะเดินทางสู่ สนามบินมิวนิค เพื่อให้ท่านมีเวลาในการทำคืนภาษี (Tax Refund) และ มีเวลาในการเลือกซื้อสินค้าในร้านค้าปลอดภาษีภายในสนามบิน
13.35 น.
เดินทางกลับสู่กรุงเทพด้วยเที่ยวบิน TG925
*** สำหรับคณะที่ออกเดินทางตั้งแต่ 4 เมษายนจะออกเดินทางเวลา 14.25 น.และไปถึงถึงกรุงเทพเวลา06.05 น.**
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำคณะเดินทางสู่ สนามบินมิวนิค เพื่อให้ท่านมีเวลาในการทำคืนภาษี (Tax Refund) และ มีเวลาในการเลือกซื้อสินค้าในร้านค้าปลอดภาษีภายในสนามบิน
13.35 น.
เดินทางกลับสู่กรุงเทพด้วยเที่ยวบิน TG925
*** สำหรับคณะที่ออกเดินทางตั้งแต่ 4 เมษายนจะออกเดินทางเวลา 14.25 น.และไปถึงถึงกรุงเทพเวลา06.05 น.**
วันที่ 10 กรุงเทพ
06.10 น.
เดินทางถึงกรุงเทพโดยสวัสดิภาพ
เดินทางถึงกรุงเทพโดยสวัสดิภาพ