India Here we go เสน่ห์แห่งนครสีชมพู กับ ตำนานรักทัชมาฮาล 5 วัน 3 คืน BY XW

สถานที่ทัวร์:
อินเดีย India เดลี Delhi
ระยะเวลา:
5 วัน
ราคาเริ่มต้น:
฿0
สายการบิน
Nok Scoot

India Here we go เสน่ห์แห่งนครสีชมพู กับ ตำนานรักทัชมาฮาล 5 วัน 3 คืน BY XW5 วัน 3 คืน

฿0

DMK-DEL

ออกจากDMK
22:25
ถึงDEL
01:15

DEL-DMK

ออกจากDEL
02:55
ถึงDMK
08:20

โปรแกรม 5 วัน 3 คืน : เดินทางโดยสายการบินNok Scoot

19.30 น.
คณะพร้อมกันที่สนามบินดอนเมือง อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 3 เคาน์เตอร์ 3 ประตู 3-4 สายการบินนกสกู๊ต (NokScoot) โดยมีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกจัดเตรียมเอกสารการเดินทางและสัมภาระให้กับท่าน
22.30 น.
ออกเดินทางสู่ เมืองเดลลี (Delhi) ประเทศอินเดีย โดยสายการบินนกสกู๊ต เที่ยวบินที่ XW306 (ใช้เวลาบินประมาณ 4.10 ชั่วโมง) (ไม่มีบริการอาหารบนเครื่อง)

01.15 น.
เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติอินทิรา คานธี ประเทศอินเดีย นำท่านผ่านพิธีการศุลการกรและรับกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 1.30 ชั่วโมง) จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พักโรงแรมที่เมืองเดลลี เพื่อไม่ให้ท่านต้องนั่งหลับบนรถตลอด ไม่ลำบาก และ ไม่เหนื่อยเกินไป
โรงแรม Delhi Hotel หรือเทียบเท่า,เมืองเดลลี
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารภายในโรงแรม


จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองชัยปุระ (Jaipur) โดย เมืองชัยปุระ นครแห่งชัยชนะ คนอินเดียเรียกเมืองนี้ว่า จัยปูร์ หรือ จัยเปอร์ รัฐราชสถานได้ชื่อว่า นครสีชมพู (Pink city) เป็นศูนย์กลางทางการค้าซึ่งทันสมัยสุดของรัฐราชสถาน สิ่งที่น่าสนใจในเมืองชัยปุระคือ ผังเมืองที่เป็นระเบียบเรียบร้อย และ สิ่งก่อสร้างดั้งเดิม รวมทั้งประตูเมืองซึ่งยังคงอยู่ในสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ นอกจากนี้สีชมพูของเมืองก็กลายเป็นเอกลักษณ์ จนทำให้เมืองนี้เป็นจุดหมายของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก นับว่าเป็นหนึ่งในเมืองยอดฮิตสำหรับการท่องเที่ยวอินเดีย
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร


นำท่านนั่งรถขึ้นรถจี๊ปขึ้นสู่พระราชวังแอมเบอร์ฟอร์ท (Amber Fort) ตั้งโดดเด่นอยู่บนผาหินเหนือทะเลสาบเมาตา (Maota) สร้างโดยมหาราชา มาน สิงห์ที่ 1 โดยรอบเป็นกำแพงขนาดใหญ่ หรือ ใช้เป็นป้อมปราการ เป็นสถาปัตยกรรมซึ่งผสมผสานกันระหว่างศิลปะฮินดูและศิลปะราชปุตอันเป็นเอกลักษณ์ ความสวยงามของป้อมแอมเบอร์ ซ่อนอยู่ภายในกำแพงคือส่วนของพระราชวัง ที่แบ่งเป็นทั้งหมด 4 ชั้น โดยภายในเป็นหมู่พระที่นั่งซึ่งสร้างจากหินทรายสีแดงและหินอ่อน หมู่พระที่นั่งภายในป้อม ประกอบด้วยท้องพระโรง, ท้องพระโรงส่วนพระองค์, พระตำหนักซึ่งเป็นห้องทรงประดับกระจกสำหรับมหาราชา และ ตำหนักอยู่บนชั้นสอง รวมถึงสวนจาร์บาค (Charbagh) ซึ่งเป็นสวนสวยจัดเป็นรูปดาวแฉกแบบโมกุลคั่นกลางระหว่างอาคาร ,พระตำหนักที่ใช้การปรับอากาศภายในพระตำหนักให้เย็นลงด้วยการทำให้ลมเป่าผ่านรางน้ำตกที่มีอยู่โดยรอบภายในพระตำหนัก ทำให้ภายในตำหนักนี้มีอากาศเย็นอยู่เสมอ ป้อมนี้เคยเป็นที่ประทับของราชปุต มหาราชา และพระราชวงศ์ของอาเมร์ในอดีต


จากนั้นนำท่านเข้าสู่ตัวเมืองชัยปุระ เพื่อชมพระราชวังหลวง (City Palace) ซึ่งเดิมเป็นพระราชวังของมหาราชใจสิงห์ (Jai Singh) พระราชวัง ถูกสร้างขยายออกในสมัยหลัง ปัจจุบัน ได้รวบเป็นพิพิธภัณฑ์ Sawai Man Singh Museum ประกอบด้วย 4 ส่วนที่น่าสนใจคือ ส่วนแรกคือส่วนของพระราชวังส่วนที่สองเป็นส่วนของพิพิธภัณฑ์ ที่จัดแสดงฉลองพระองค์ของกษัตริย์ และมเหสี ซึ่งมีการตัดเย็บอย่างวิจิตร ส่วนที่สามเป็นส่วนของอาวุธ และชุดศึกสงคราม ที่จัดแสดงไว้อย่างน่าทึ่งมากมายหลายหลาก บางชิ้น ก็เป็นอาวุธได้อย่างน่าพิศวง และส่วนที่สี่ คือส่วนของศิลปะภาพวาด รูปถ่าย และราชรถ พรมโบราณ ซึ่งได้รับการจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ ตรงกลางอาคารมีหม้อน้ำขนาดมหึมา 2 ใบ ทำจากโลหะเงิน สูง 1.50 เมตร มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เชื่อกันว่าเป็นหม้อน้ำที่กษัตริย์ Madho Singh ได้รับมาจากงานราชาภิเษกของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 ซึ่งบรรจุน้ำจากแม่น้ำคงคาอันศักดิ์สิทธิ์


หลังจากนั้นนำท่านชมภายนอกของ ฮาวา มาฮาล หรือ พระราชวังสายลม (Hawa Mahal) สร้างในปีค.ศ.1799 โดยมหาราชาสะหวาย ประธาป สิงห์ (Maharaja Sawai Pratap Singh) ออกแบบโดยลาล ชันด์ อุสถัด (Lal Chand Ustad) โดยถอดแบบมาจากรูปทรงของมงกุฏพระนารายณ์ โดยมีสิ่งก่อสร้างที่โดดเด่นคือ บริเวณด้านหน้าอาคารมีหน้าบันสูงห้าชั้นและมีลักษณะคล้ายรังผึ้งสร้างจากหินทรายสีแดงสดฉลุหินให้เป็นช่องหน้าต่างลวดลายเล็กๆ ละเอียดยิบมีช่องหน้าต่างถึง 953 บางแต่ปิดไว้ด้วยหินทรายฉลุทำให้นางในฮาเร็มพระสนมที่อยู่ด้านในสามารถมองออกมาข้างนอกได้โดยที่คนภายนอกมองเข้าไปข้างในไม่เห็นและประโยชน์อีกอย่างคือเป็นช่องแสงและช่องลมจนเป็นที่มาของชื่อ “Palace Of Wind”
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ
ที่พัก
โรงแรม Park Ocean Hotel หรือเทียบเท่า,เมืองชัยปุระ

เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก


จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่วัดพระพิฆเนศ Ganesh Temple (Moti Dungri) วัดพระพิฆเนศที่ชื่อเสียงโด่งดังเป็นอันดับ 1 ของเมืองชัยปุระ วัดนี้สร้างขึ้นโดย Seth Jai Ram Paliwal ในช่วงต้นศตวรรษที่ 18 ตั้งอยู่ใจกลางเมือง บริเวณเนินเขาเล็กๆ พระวิหารแห่งนี้เปรียบเสมือนชีวิตแห่งการค้นหาความสุขนิรันดร์ ซึ่งพระพิฆเนศวรช้างหัวเทพในศาสนาฮินดูถือว่าเป็นพระเจ้าแห่งความเป็นมงคลปัญญา ความรู้ และความมั่งคั่ง วัดพระพิฆเนศแห่งนี้เป็นที่นิยมมากที่สุดของนักท่องเที่ยวทั้งชาวอินเดียและชาวต่างชาติ เชิญท่านขอพรจากองค์พระพิฆเนศตามอัธยาศัย จากนั้นนำท่านชม บ่อน้ำจันเบารี (Chand Baori) ซึ่งเชื่อกันว่าถูกสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 10 หรือพันกว่าปีมาแล้ว ตอนนั้นแคว้นราชาสถานเป็นแคว้นที่ร่ำรวยมาก เนื่องจากเป็นเส้นทางสายสำคัญในการเดินทางไปยังตะวันออกกลาง ซึ่งพอเดินทางผ่านกันบ่อยๆ ก็ทำให้เกิดการค้าขายขึ้น พอรวยแล้วก็เริ่มมีการลงทุนในการสร้างปราสาทราชวังและป้อมปราการ แต่ด้วยความที่ภูมิประเทศของที่นี่เป็นทะเลทราย ที่มีความแห้งแล้งมาก น้ำฝนที่ตกเพียงปีละไม่กี่ครั้งก็จะซึมหายผ่านทรายไปอย่างรวดเร็วแบบที่คนไทยซึ่งเติบโตมากับสายน้ำอย่างเราๆ จินตนาการไม่ถูก มหาราชาของแคว้นราชาสถานเลยต้องพยายามหาวิธีสร้างบ่อน้ำเพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ให้ได้นานที่สุด เพราะการเก็บน้ำไว้ใช้ก็ถือเป็นทั้งความมั่นคงของชาติ การผ่อนคลาย และสิ่งสำคัญสำหรับการประกอบพิธีทางศาสนาในหนึ่งเดียว ยิ่งไปกว่านั้น มหาราชายังต้องการให้คนลงไปตักน้ำจากบ่อมาใช้ได้อย่างสะดวกแม้ยามที่ระดับน้ำลดต่ำติดก้นบ่อด้วย บ่อน้ำแชนด์ เบารี ที่ถือกำเนิดขึ้นเลยมีดีไซน์สุดล้ำทุกส่วนทุกด้านของบ่อเป็นบันไดเชื่อมถึงกันทั้งหมด เพื่อให้คนเดินลงไปตักน้ำได้พร้อมกันหลายคน และตักได้จนถึงหยดสุดท้ายแม้ว่าบ่อจะลึกถึงประมาณตึก 10 ชั้น หรือ 33 เมตร ตัวบันไดที่สร้างขึ้นมานั้นแบ่งเป็น 13 ชั้น มีขั้นบันไดรวมแล้วกว่า 3,500 ขั้น นับเป็นบ่อน้ำที่ลึกและใหญ่ที่สุดในอินเดียที่มีความยิ่งใหญ่ทั้งขนาดและการออกแบบก่อสร้าง


หลังจากนั้นนำท่านออกเดินทางสู่ เมืองอัครา (Agra) อดีตเมืองหลวงของอินเดียต่อจาก ในยุคสมัยที่ยังเรียกชื่อว่า "ฮินดูสถาน" เมื่อราวศตวรรษที่ 16 เป็นศูนย์กลางปกครองของอินเดียสมัยราชวงศ์โมกุล (Mughal Empire India) เมืองอัครา (Agra) ตั้งอยู่ริมแม่น้ำยมุนา (Yamuna River) เมืองที่เป็นสถานที่ตั้งของอนุสรณ์สถานแห่งความรัก ทัชมาฮาล (Taj Mahal) หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน


นำท่านเข้าชมอักราฟอร์ด (Agra Fort) ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 1983 ทิ่ติดริมแม่น้ำยมุนาสร้างโดยพระเจ้าอัคบาร์มหาราชแห่งราชวงศ์โมกุล เมื่อปี ค.ศ. 1565 เป็นทั้งพระราชวังที่ประทับและเป็นป้อมปราการ ได้มีการก่อสร้างเพิ่มเติมมาเรื่อย จนมาสำเร็จเสร็จสิ้นในรัชสมัยของพระเจ้าชาห์จาฮาน (Shah Jahan) จนพระราชวังแห่งนี้มีขนาดใหญ่โต มีอาคารมากถึง 500 อาคาร นำท่านเข้าชมป้อมผ่านประตู อำมรรสิงห์ ส่วนที่เป็นพระราชวัง ผ่านลานสวนประดับ อ่างหินทรายสีแดงขนาดยักษ์สำหรับสรงน้ำ ท่านจะได้เห็นสถาปัตยกรรมสามยุคสมัยตามรสนิยมที่แตกต่างกันของสามกษัตริย์ เข้าชมด้านในพระตำหนักต่างๆที่สลักลวดลายศิลปะแบบโมกุลที่มีอิทธิพลจากศิลปะอินเดีย ผสมผสานกับศิลปะเปอร์เซีย นำชมห้องที่ประทับของกษัตริย์ ,พระโอรส, พระธิดาและองค์ต่างๆ ชมพระตำหนัก มาซัมมัน บูร์ช มีเฉลียงมุขแปดเหลี่ยมซึ่งสามารถมองเห็นชมทิวทัศน์ลำน้ำยมุนาและทัชมาฮาลได้ นำชมบริวเณ Diwan-i-Am หรือ ท้องพระโรง ที่ชั้นบนด้านหนึ่งเคยเป็นที่ประดิษฐานบัลลังก์นกยูง (Peacock Throne) อันยิ่งใหญ่ (ปัจจุบันอยู่ในประเทศอิหร่าน)


จากนั้นนำท่านเข้าชมทัชมาฮาล (Taj Mahal) สถาปัตยกรรมแห่งความรักที่สวยที่สุดในโลก ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกและเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ที่สำคัญของโลก สร้างขึ้นเป็นอนุสรณ์สถานแห่งความรักอันยิ่งใหญ่และอมตะของพระเจ้าชาห์จาฮาน (Shah Jahan) ที่มีต่อพระมเหสีมุมตัช มาฮาล (Mumtaz Mahal) โดยสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1631 นำท่านเดินสู่ประตูสุสานที่สลักตัวหนังสือภาษาอาระบิคที่เป็นถ้อยคำอุทิศและอาลัยต่อบุคคลอันเป็นที่รักที่จากไป นำท่านถ่ายรูปกับลานน้ำพุที่มีอาคารทัชมาฮาลอยู่เบื้องหลัง นำท่านเข้าสู่ตัวอาคารที่สร้างจากหินอ่อนสีขาวบริสุทธิ์จากเมืองมกรานะ ที่ประดับลวดลายด้วยเทคนิคฝังหินสีต่างๆ ลงไปในเนื้อหิน ที่เป็นสถาปัตยกรรมชิ้นเอกของโลกที่ออกแบบโดยช่างจากเปอร์เซีย โดยอาคารตรงกลางจะเป็นรูปโดมซึ่งมีหอคอยสี่เสาล้อมรอบ ตรงกลางด้านในเป็นที่ฝังพระศพของพระนางมุมตัซ มาฮาล และ พระเจ้าชาห์จาฮัน ได้อยู่คู่เคียงกันตลอดชั่วนิรันดร์ ทัชมาฮาลแห่งนี้ใช้เวลาก่อสร้างทั้งหมด 12 ปี โดยสิ้นเงินไป 41 ล้านรูปี มีการใช้ทองคำประดับตกแต่งส่วนต่างๆ ของอาคาร หนัก 500 กิโลกรัม และใช้คนงานกว่า 20,000 คน
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ
ที่พัก
โรงแรม The Taj Vilas Hotel หรือเทียบเท่า,เมืองอักรา

เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก


นำท่านเดินทางเข้าสู่กรุงนิวเดลลี (New Deli) ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 5,000 ปี และเป็นศูนย์กลางการปกครองของอาณาจักรอินเดียโบราณ 7 อาณาจักร ต่อมาในปี 1857 อังกฤษได้เข้ามามีบทบาทในการปกครองประเทศอินเดียและได้ย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่โกลกัตตา และได้ย้ายกลับมาเป็นเมืองหลวงอีกครั้งหนึ่งในปี 1911 หลังจากอินเดียได้รับเอกราชจากประเทศอังกฤษในปี 1947 ก็ได้มีการสร้างสถานที่ทำการราชการโดยสร้างเมืองใหม่ชื่อว่า “นิวเดลลี”
กลางวัน
รับประทานอาหารกลาง


นำท่านเข้าชมกุตุบมีนาร์ (Qutb Minar) เป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่นที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงนิวเดลี ได้รับสถานะมรดกโลกเมื่อ พ.ศ. 2536 เป็นหอสูงที่สร้างด้วยหินทรายแดง (เช่นเดียวกับสุสานหุมายูน) และหินอ่อนเป็นทรงเสาสูงปลายฐานกว้าง 14 เมตรเศษ ส่วนชั้นบนสุดยอดกว้าง 2.7 เมตร มีความสูง 72.5 เมตร (ประมาณตึกสูง 20 ชั้น) จากนั้นนำท่านผ่านชม ประตูชัย (India Gate) เป็นอนุสรณ์สถานของเหล่าทหารหาญที่เสียชีวิตจากการร่วมรบกับอังกฤษในสมัยสงครามโลก ครั้งที่ 1 และสงครามอัฟกานิสถาน ประตูชัยแห่งนี้จึงถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งหนึ่งของกรุงนิวเดลลี โดยซุ้มประตูแห่งนี้มีสถาปัตยกรรมคล้ายประตูชัยของกรุงปารีสและนครเวียงจันทน์ ซึ่งมีความสูง 42 เมตร สร้างขึ้นจากหินทรายเมื่อปีคริสต์ศักราชที่ 1931 บนพื้นผิวของประตูชัยแห่งนี้จะปรากฏรายนามของทหารที่เสียชีวิตถูกแกะสลักไว้ และบริเวณใต้โค้งประตูจะปรากฏคบเพลิงที่ไฟไม่เคยมอดดับเพื่อเป็นการรำลึกถึงผู้เสียชีวิตในสงครามอินเดีย-ปากีสถาน เมื่อปีคริสต์ศักราชที่ 1971 มีทหารยามเฝ้าบริเวณประตูชัยตลอดเวลาเพื่อป้องกันการก่อวินาศกรรม นำท่านสู่ ตลาดจันปาท (JanpathMarket) อิสระให้ท่านเลือกซื้อสินค้าพื้นเมืองและงานหัตถกรรมต่างๆ เช่น ผ้าไหมอินเดีย, เครื่องประดับอัญมณี, ไม้จันทน์หมแกะสลัก, ของตกแต่งประดับบ้าน ฯลฯ **ขอสงวนสิทธิในการเปลี่ยนแปลงไม่ไปตลาดจันปาทหากมีเวลาไม่เพียงพอ**
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ


ได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางสู่ท่าอากาศยานนานาชาติอินทิรา คานธี

01.55 น.
นำท่านเดินทางกลับสู่ กรุงเทพฯ (สนามบินดอนเมือง) ประเทศไทย เที่ยวบินที่ XW305
07.15 น.
เดินทางกลับถึงท่าอากาศยานดอนเมือง กรุงเทพฯ ประเทศไทย โดยสวัสดิภาพ

ช่วงเวลาการเดินทาง

เริ่มเดินทาง กลับจากเดินทาง สถานะ ผู้ใหญ่พักคู่ ผู้ใหญ่พักเดี่ยว ผู้ใหญ่พักสาม เด็กมีเตียง เด็กไม่มีเตียง
วันที่เดินทาง ราคา