โปรแกรม 5 วัน 3 คืน : เดินทางโดยสายการบินNok Scoot
วันที่ 1 กรุงเทพฯ (สนามบินดอนเมือง)
19.30 น.
คณะพร้อมกันที่สนามบินดอนเมือง อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 3 เคาน์เตอร์ 3 ประตู 3-4 สายการบินนกสกู๊ต (NokScoot) โดยมีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกจัดเตรียมเอกสารการเดินทางและสัมภาระให้กับท่าน
22.30 น.
ออกเดินทางสู่ เมืองเดลลี (Delhi) ประเทศอินเดีย โดยสายการบินนกสกู๊ต เที่ยวบินที่ XW306 (ใช้เวลาบินประมาณ 4.10 ชั่วโมง) (ไม่มีบริการอาหารบนเครื่อง)
คณะพร้อมกันที่สนามบินดอนเมือง อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 3 เคาน์เตอร์ 3 ประตู 3-4 สายการบินนกสกู๊ต (NokScoot) โดยมีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกจัดเตรียมเอกสารการเดินทางและสัมภาระให้กับท่าน
22.30 น.
ออกเดินทางสู่ เมืองเดลลี (Delhi) ประเทศอินเดีย โดยสายการบินนกสกู๊ต เที่ยวบินที่ XW306 (ใช้เวลาบินประมาณ 4.10 ชั่วโมง) (ไม่มีบริการอาหารบนเครื่อง)
วันที่ 2 เดลลี – ชัยปุระ – พระราชวังแอมเบอร์ฟอร์ท - พระราชวังหลวง – ฮาวา มาฮาล
01.15 น.
เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติอินทิรา คานธี ประเทศอินเดีย นำท่านผ่านพิธีการศุลการกรและรับกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 1.30 ชั่วโมง) จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พักโรงแรมที่เมืองเดลลี เพื่อไม่ให้ท่านต้องนั่งหลับบนรถตลอด ไม่ลำบาก และ ไม่เหนื่อยเกินไป โรงแรม Delhi Hotel หรือเทียบเท่า,เมืองเดลลี
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารภายในโรงแรม
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองชัยปุระ (Jaipur) โดย เมืองชัยปุระ นครแห่งชัยชนะ คนอินเดียเรียกเมืองนี้ว่า จัยปูร์ หรือ จัยเปอร์ รัฐราชสถานได้ชื่อว่า นครสีชมพู (Pink city) เป็นศูนย์กลางทางการค้าซึ่งทันสมัยสุดของรัฐราชสถาน สิ่งที่น่าสนใจในเมืองชัยปุระคือ ผังเมืองที่เป็นระเบียบเรียบร้อย และ สิ่งก่อสร้างดั้งเดิม รวมทั้งประตูเมืองซึ่งยังคงอยู่ในสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ นอกจากนี้สีชมพูของเมืองก็กลายเป็นเอกลักษณ์ จนทำให้เมืองนี้เป็นจุดหมายของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก นับว่าเป็นหนึ่งในเมืองยอดฮิตสำหรับการท่องเที่ยวอินเดีย
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำท่านนั่งรถขึ้นรถจี๊ปขึ้นสู่พระราชวังแอมเบอร์ฟอร์ท (Amber Fort) ตั้งโดดเด่นอยู่บนผาหินเหนือทะเลสาบเมาตา (Maota) สร้างโดยมหาราชา มาน สิงห์ที่ 1 โดยรอบเป็นกำแพงขนาดใหญ่ หรือ ใช้เป็นป้อมปราการ เป็นสถาปัตยกรรมซึ่งผสมผสานกันระหว่างศิลปะฮินดูและศิลปะราชปุตอันเป็นเอกลักษณ์ ความสวยงามของป้อมแอมเบอร์ ซ่อนอยู่ภายในกำแพงคือส่วนของพระราชวัง ที่แบ่งเป็นทั้งหมด 4 ชั้น โดยภายในเป็นหมู่พระที่นั่งซึ่งสร้างจากหินทรายสีแดงและหินอ่อน หมู่พระที่นั่งภายในป้อม ประกอบด้วยท้องพระโรง, ท้องพระโรงส่วนพระองค์, พระตำหนักซึ่งเป็นห้องทรงประดับกระจกสำหรับมหาราชา และ ตำหนักอยู่บนชั้นสอง รวมถึงสวนจาร์บาค (Charbagh) ซึ่งเป็นสวนสวยจัดเป็นรูปดาวแฉกแบบโมกุลคั่นกลางระหว่างอาคาร ,พระตำหนักที่ใช้การปรับอากาศภายในพระตำหนักให้เย็นลงด้วยการทำให้ลมเป่าผ่านรางน้ำตกที่มีอยู่โดยรอบภายในพระตำหนัก ทำให้ภายในตำหนักนี้มีอากาศเย็นอยู่เสมอ ป้อมนี้เคยเป็นที่ประทับของราชปุต มหาราชา และพระราชวงศ์ของอาเมร์ในอดีต
จากนั้นนำท่านเข้าสู่ตัวเมืองชัยปุระ เพื่อชมพระราชวังหลวง (City Palace) ซึ่งเดิมเป็นพระราชวังของมหาราชใจสิงห์ (Jai Singh) พระราชวัง ถูกสร้างขยายออกในสมัยหลัง ปัจจุบัน ได้รวบเป็นพิพิธภัณฑ์ Sawai Man Singh Museum ประกอบด้วย 4 ส่วนที่น่าสนใจคือ ส่วนแรกคือส่วนของพระราชวังส่วนที่สองเป็นส่วนของพิพิธภัณฑ์ ที่จัดแสดงฉลองพระองค์ของกษัตริย์ และมเหสี ซึ่งมีการตัดเย็บอย่างวิจิตร ส่วนที่สามเป็นส่วนของอาวุธ และชุดศึกสงคราม ที่จัดแสดงไว้อย่างน่าทึ่งมากมายหลายหลาก บางชิ้น ก็เป็นอาวุธได้อย่างน่าพิศวง และส่วนที่สี่ คือส่วนของศิลปะภาพวาด รูปถ่าย และราชรถ พรมโบราณ ซึ่งได้รับการจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ ตรงกลางอาคารมีหม้อน้ำขนาดมหึมา 2 ใบ ทำจากโลหะเงิน สูง 1.50 เมตร มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เชื่อกันว่าเป็นหม้อน้ำที่กษัตริย์ Madho Singh ได้รับมาจากงานราชาภิเษกของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 ซึ่งบรรจุน้ำจากแม่น้ำคงคาอันศักดิ์สิทธิ์
หลังจากนั้นนำท่านชมภายนอกของ ฮาวา มาฮาล หรือ พระราชวังสายลม (Hawa Mahal) สร้างในปีค.ศ.1799 โดยมหาราชาสะหวาย ประธาป สิงห์ (Maharaja Sawai Pratap Singh) ออกแบบโดยลาล ชันด์ อุสถัด (Lal Chand Ustad) โดยถอดแบบมาจากรูปทรงของมงกุฏพระนารายณ์ โดยมีสิ่งก่อสร้างที่โดดเด่นคือ บริเวณด้านหน้าอาคารมีหน้าบันสูงห้าชั้นและมีลักษณะคล้ายรังผึ้งสร้างจากหินทรายสีแดงสดฉลุหินให้เป็นช่องหน้าต่างลวดลายเล็กๆ ละเอียดยิบมีช่องหน้าต่างถึง 953 บางแต่ปิดไว้ด้วยหินทรายฉลุทำให้นางในฮาเร็มพระสนมที่อยู่ด้านในสามารถมองออกมาข้างนอกได้โดยที่คนภายนอกมองเข้าไปข้างในไม่เห็นและประโยชน์อีกอย่างคือเป็นช่องแสงและช่องลมจนเป็นที่มาของชื่อ “Palace Of Wind”
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ
ที่พัก
โรงแรม Park Ocean Hotel หรือเทียบเท่า,เมืองชัยปุระ
เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติอินทิรา คานธี ประเทศอินเดีย นำท่านผ่านพิธีการศุลการกรและรับกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 1.30 ชั่วโมง) จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พักโรงแรมที่เมืองเดลลี เพื่อไม่ให้ท่านต้องนั่งหลับบนรถตลอด ไม่ลำบาก และ ไม่เหนื่อยเกินไป โรงแรม Delhi Hotel หรือเทียบเท่า,เมืองเดลลี
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารภายในโรงแรม
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองชัยปุระ (Jaipur) โดย เมืองชัยปุระ นครแห่งชัยชนะ คนอินเดียเรียกเมืองนี้ว่า จัยปูร์ หรือ จัยเปอร์ รัฐราชสถานได้ชื่อว่า นครสีชมพู (Pink city) เป็นศูนย์กลางทางการค้าซึ่งทันสมัยสุดของรัฐราชสถาน สิ่งที่น่าสนใจในเมืองชัยปุระคือ ผังเมืองที่เป็นระเบียบเรียบร้อย และ สิ่งก่อสร้างดั้งเดิม รวมทั้งประตูเมืองซึ่งยังคงอยู่ในสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ นอกจากนี้สีชมพูของเมืองก็กลายเป็นเอกลักษณ์ จนทำให้เมืองนี้เป็นจุดหมายของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก นับว่าเป็นหนึ่งในเมืองยอดฮิตสำหรับการท่องเที่ยวอินเดีย
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำท่านนั่งรถขึ้นรถจี๊ปขึ้นสู่พระราชวังแอมเบอร์ฟอร์ท (Amber Fort) ตั้งโดดเด่นอยู่บนผาหินเหนือทะเลสาบเมาตา (Maota) สร้างโดยมหาราชา มาน สิงห์ที่ 1 โดยรอบเป็นกำแพงขนาดใหญ่ หรือ ใช้เป็นป้อมปราการ เป็นสถาปัตยกรรมซึ่งผสมผสานกันระหว่างศิลปะฮินดูและศิลปะราชปุตอันเป็นเอกลักษณ์ ความสวยงามของป้อมแอมเบอร์ ซ่อนอยู่ภายในกำแพงคือส่วนของพระราชวัง ที่แบ่งเป็นทั้งหมด 4 ชั้น โดยภายในเป็นหมู่พระที่นั่งซึ่งสร้างจากหินทรายสีแดงและหินอ่อน หมู่พระที่นั่งภายในป้อม ประกอบด้วยท้องพระโรง, ท้องพระโรงส่วนพระองค์, พระตำหนักซึ่งเป็นห้องทรงประดับกระจกสำหรับมหาราชา และ ตำหนักอยู่บนชั้นสอง รวมถึงสวนจาร์บาค (Charbagh) ซึ่งเป็นสวนสวยจัดเป็นรูปดาวแฉกแบบโมกุลคั่นกลางระหว่างอาคาร ,พระตำหนักที่ใช้การปรับอากาศภายในพระตำหนักให้เย็นลงด้วยการทำให้ลมเป่าผ่านรางน้ำตกที่มีอยู่โดยรอบภายในพระตำหนัก ทำให้ภายในตำหนักนี้มีอากาศเย็นอยู่เสมอ ป้อมนี้เคยเป็นที่ประทับของราชปุต มหาราชา และพระราชวงศ์ของอาเมร์ในอดีต
จากนั้นนำท่านเข้าสู่ตัวเมืองชัยปุระ เพื่อชมพระราชวังหลวง (City Palace) ซึ่งเดิมเป็นพระราชวังของมหาราชใจสิงห์ (Jai Singh) พระราชวัง ถูกสร้างขยายออกในสมัยหลัง ปัจจุบัน ได้รวบเป็นพิพิธภัณฑ์ Sawai Man Singh Museum ประกอบด้วย 4 ส่วนที่น่าสนใจคือ ส่วนแรกคือส่วนของพระราชวังส่วนที่สองเป็นส่วนของพิพิธภัณฑ์ ที่จัดแสดงฉลองพระองค์ของกษัตริย์ และมเหสี ซึ่งมีการตัดเย็บอย่างวิจิตร ส่วนที่สามเป็นส่วนของอาวุธ และชุดศึกสงคราม ที่จัดแสดงไว้อย่างน่าทึ่งมากมายหลายหลาก บางชิ้น ก็เป็นอาวุธได้อย่างน่าพิศวง และส่วนที่สี่ คือส่วนของศิลปะภาพวาด รูปถ่าย และราชรถ พรมโบราณ ซึ่งได้รับการจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ ตรงกลางอาคารมีหม้อน้ำขนาดมหึมา 2 ใบ ทำจากโลหะเงิน สูง 1.50 เมตร มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เชื่อกันว่าเป็นหม้อน้ำที่กษัตริย์ Madho Singh ได้รับมาจากงานราชาภิเษกของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 ซึ่งบรรจุน้ำจากแม่น้ำคงคาอันศักดิ์สิทธิ์
หลังจากนั้นนำท่านชมภายนอกของ ฮาวา มาฮาล หรือ พระราชวังสายลม (Hawa Mahal) สร้างในปีค.ศ.1799 โดยมหาราชาสะหวาย ประธาป สิงห์ (Maharaja Sawai Pratap Singh) ออกแบบโดยลาล ชันด์ อุสถัด (Lal Chand Ustad) โดยถอดแบบมาจากรูปทรงของมงกุฏพระนารายณ์ โดยมีสิ่งก่อสร้างที่โดดเด่นคือ บริเวณด้านหน้าอาคารมีหน้าบันสูงห้าชั้นและมีลักษณะคล้ายรังผึ้งสร้างจากหินทรายสีแดงสดฉลุหินให้เป็นช่องหน้าต่างลวดลายเล็กๆ ละเอียดยิบมีช่องหน้าต่างถึง 953 บางแต่ปิดไว้ด้วยหินทรายฉลุทำให้นางในฮาเร็มพระสนมที่อยู่ด้านในสามารถมองออกมาข้างนอกได้โดยที่คนภายนอกมองเข้าไปข้างในไม่เห็นและประโยชน์อีกอย่างคือเป็นช่องแสงและช่องลมจนเป็นที่มาของชื่อ “Palace Of Wind”
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ
ที่พัก
โรงแรม Park Ocean Hotel หรือเทียบเท่า,เมืองชัยปุระ
วันที่ 3 ชัยปุระ – วัดพระพิฆเนศ – บ่อน้ำจันเบารี - อักรา – อัครา ฟอร์ด - ทัชมาฮาล
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่วัดพระพิฆเนศ Ganesh Temple (Moti Dungri) วัดพระพิฆเนศที่ชื่อเสียงโด่งดังเป็นอันดับ 1 ของเมืองชัยปุระ วัดนี้สร้างขึ้นโดย Seth Jai Ram Paliwal ในช่วงต้นศตวรรษที่ 18 ตั้งอยู่ใจกลางเมือง บริเวณเนินเขาเล็กๆ พระวิหารแห่งนี้เปรียบเสมือนชีวิตแห่งการค้นหาความสุขนิรันดร์ ซึ่งพระพิฆเนศวรช้างหัวเทพในศาสนาฮินดูถือว่าเป็นพระเจ้าแห่งความเป็นมงคลปัญญา ความรู้ และความมั่งคั่ง วัดพระพิฆเนศแห่งนี้เป็นที่นิยมมากที่สุดของนักท่องเที่ยวทั้งชาวอินเดียและชาวต่างชาติ เชิญท่านขอพรจากองค์พระพิฆเนศตามอัธยาศัย จากนั้นนำท่านชม บ่อน้ำจันเบารี (Chand Baori) ซึ่งเชื่อกันว่าถูกสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 10 หรือพันกว่าปีมาแล้ว ตอนนั้นแคว้นราชาสถานเป็นแคว้นที่ร่ำรวยมาก เนื่องจากเป็นเส้นทางสายสำคัญในการเดินทางไปยังตะวันออกกลาง ซึ่งพอเดินทางผ่านกันบ่อยๆ ก็ทำให้เกิดการค้าขายขึ้น พอรวยแล้วก็เริ่มมีการลงทุนในการสร้างปราสาทราชวังและป้อมปราการ แต่ด้วยความที่ภูมิประเทศของที่นี่เป็นทะเลทราย ที่มีความแห้งแล้งมาก น้ำฝนที่ตกเพียงปีละไม่กี่ครั้งก็จะซึมหายผ่านทรายไปอย่างรวดเร็วแบบที่คนไทยซึ่งเติบโตมากับสายน้ำอย่างเราๆ จินตนาการไม่ถูก มหาราชาของแคว้นราชาสถานเลยต้องพยายามหาวิธีสร้างบ่อน้ำเพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ให้ได้นานที่สุด เพราะการเก็บน้ำไว้ใช้ก็ถือเป็นทั้งความมั่นคงของชาติ การผ่อนคลาย และสิ่งสำคัญสำหรับการประกอบพิธีทางศาสนาในหนึ่งเดียว ยิ่งไปกว่านั้น มหาราชายังต้องการให้คนลงไปตักน้ำจากบ่อมาใช้ได้อย่างสะดวกแม้ยามที่ระดับน้ำลดต่ำติดก้นบ่อด้วย บ่อน้ำแชนด์ เบารี ที่ถือกำเนิดขึ้นเลยมีดีไซน์สุดล้ำทุกส่วนทุกด้านของบ่อเป็นบันไดเชื่อมถึงกันทั้งหมด เพื่อให้คนเดินลงไปตักน้ำได้พร้อมกันหลายคน และตักได้จนถึงหยดสุดท้ายแม้ว่าบ่อจะลึกถึงประมาณตึก 10 ชั้น หรือ 33 เมตร ตัวบันไดที่สร้างขึ้นมานั้นแบ่งเป็น 13 ชั้น มีขั้นบันไดรวมแล้วกว่า 3,500 ขั้น นับเป็นบ่อน้ำที่ลึกและใหญ่ที่สุดในอินเดียที่มีความยิ่งใหญ่ทั้งขนาดและการออกแบบก่อสร้าง
หลังจากนั้นนำท่านออกเดินทางสู่ เมืองอัครา (Agra) อดีตเมืองหลวงของอินเดียต่อจาก ในยุคสมัยที่ยังเรียกชื่อว่า "ฮินดูสถาน" เมื่อราวศตวรรษที่ 16 เป็นศูนย์กลางปกครองของอินเดียสมัยราชวงศ์โมกุล (Mughal Empire India) เมืองอัครา (Agra) ตั้งอยู่ริมแม่น้ำยมุนา (Yamuna River) เมืองที่เป็นสถานที่ตั้งของอนุสรณ์สถานแห่งความรัก ทัชมาฮาล (Taj Mahal) หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน
นำท่านเข้าชมอักราฟอร์ด (Agra Fort) ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 1983 ทิ่ติดริมแม่น้ำยมุนาสร้างโดยพระเจ้าอัคบาร์มหาราชแห่งราชวงศ์โมกุล เมื่อปี ค.ศ. 1565 เป็นทั้งพระราชวังที่ประทับและเป็นป้อมปราการ ได้มีการก่อสร้างเพิ่มเติมมาเรื่อย จนมาสำเร็จเสร็จสิ้นในรัชสมัยของพระเจ้าชาห์จาฮาน (Shah Jahan) จนพระราชวังแห่งนี้มีขนาดใหญ่โต มีอาคารมากถึง 500 อาคาร นำท่านเข้าชมป้อมผ่านประตู อำมรรสิงห์ ส่วนที่เป็นพระราชวัง ผ่านลานสวนประดับ อ่างหินทรายสีแดงขนาดยักษ์สำหรับสรงน้ำ ท่านจะได้เห็นสถาปัตยกรรมสามยุคสมัยตามรสนิยมที่แตกต่างกันของสามกษัตริย์ เข้าชมด้านในพระตำหนักต่างๆที่สลักลวดลายศิลปะแบบโมกุลที่มีอิทธิพลจากศิลปะอินเดีย ผสมผสานกับศิลปะเปอร์เซีย นำชมห้องที่ประทับของกษัตริย์ ,พระโอรส, พระธิดาและองค์ต่างๆ ชมพระตำหนัก มาซัมมัน บูร์ช มีเฉลียงมุขแปดเหลี่ยมซึ่งสามารถมองเห็นชมทิวทัศน์ลำน้ำยมุนาและทัชมาฮาลได้ นำชมบริวเณ Diwan-i-Am หรือ ท้องพระโรง ที่ชั้นบนด้านหนึ่งเคยเป็นที่ประดิษฐานบัลลังก์นกยูง (Peacock Throne) อันยิ่งใหญ่ (ปัจจุบันอยู่ในประเทศอิหร่าน)
จากนั้นนำท่านเข้าชมทัชมาฮาล (Taj Mahal) สถาปัตยกรรมแห่งความรักที่สวยที่สุดในโลก ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกและเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ที่สำคัญของโลก สร้างขึ้นเป็นอนุสรณ์สถานแห่งความรักอันยิ่งใหญ่และอมตะของพระเจ้าชาห์จาฮาน (Shah Jahan) ที่มีต่อพระมเหสีมุมตัช มาฮาล (Mumtaz Mahal) โดยสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1631 นำท่านเดินสู่ประตูสุสานที่สลักตัวหนังสือภาษาอาระบิคที่เป็นถ้อยคำอุทิศและอาลัยต่อบุคคลอันเป็นที่รักที่จากไป นำท่านถ่ายรูปกับลานน้ำพุที่มีอาคารทัชมาฮาลอยู่เบื้องหลัง นำท่านเข้าสู่ตัวอาคารที่สร้างจากหินอ่อนสีขาวบริสุทธิ์จากเมืองมกรานะ ที่ประดับลวดลายด้วยเทคนิคฝังหินสีต่างๆ ลงไปในเนื้อหิน ที่เป็นสถาปัตยกรรมชิ้นเอกของโลกที่ออกแบบโดยช่างจากเปอร์เซีย โดยอาคารตรงกลางจะเป็นรูปโดมซึ่งมีหอคอยสี่เสาล้อมรอบ ตรงกลางด้านในเป็นที่ฝังพระศพของพระนางมุมตัซ มาฮาล และ พระเจ้าชาห์จาฮัน ได้อยู่คู่เคียงกันตลอดชั่วนิรันดร์ ทัชมาฮาลแห่งนี้ใช้เวลาก่อสร้างทั้งหมด 12 ปี โดยสิ้นเงินไป 41 ล้านรูปี มีการใช้ทองคำประดับตกแต่งส่วนต่างๆ ของอาคาร หนัก 500 กิโลกรัม และใช้คนงานกว่า 20,000 คน
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ
ที่พัก
โรงแรม The Taj Vilas Hotel หรือเทียบเท่า,เมืองอักรา
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่วัดพระพิฆเนศ Ganesh Temple (Moti Dungri) วัดพระพิฆเนศที่ชื่อเสียงโด่งดังเป็นอันดับ 1 ของเมืองชัยปุระ วัดนี้สร้างขึ้นโดย Seth Jai Ram Paliwal ในช่วงต้นศตวรรษที่ 18 ตั้งอยู่ใจกลางเมือง บริเวณเนินเขาเล็กๆ พระวิหารแห่งนี้เปรียบเสมือนชีวิตแห่งการค้นหาความสุขนิรันดร์ ซึ่งพระพิฆเนศวรช้างหัวเทพในศาสนาฮินดูถือว่าเป็นพระเจ้าแห่งความเป็นมงคลปัญญา ความรู้ และความมั่งคั่ง วัดพระพิฆเนศแห่งนี้เป็นที่นิยมมากที่สุดของนักท่องเที่ยวทั้งชาวอินเดียและชาวต่างชาติ เชิญท่านขอพรจากองค์พระพิฆเนศตามอัธยาศัย จากนั้นนำท่านชม บ่อน้ำจันเบารี (Chand Baori) ซึ่งเชื่อกันว่าถูกสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 10 หรือพันกว่าปีมาแล้ว ตอนนั้นแคว้นราชาสถานเป็นแคว้นที่ร่ำรวยมาก เนื่องจากเป็นเส้นทางสายสำคัญในการเดินทางไปยังตะวันออกกลาง ซึ่งพอเดินทางผ่านกันบ่อยๆ ก็ทำให้เกิดการค้าขายขึ้น พอรวยแล้วก็เริ่มมีการลงทุนในการสร้างปราสาทราชวังและป้อมปราการ แต่ด้วยความที่ภูมิประเทศของที่นี่เป็นทะเลทราย ที่มีความแห้งแล้งมาก น้ำฝนที่ตกเพียงปีละไม่กี่ครั้งก็จะซึมหายผ่านทรายไปอย่างรวดเร็วแบบที่คนไทยซึ่งเติบโตมากับสายน้ำอย่างเราๆ จินตนาการไม่ถูก มหาราชาของแคว้นราชาสถานเลยต้องพยายามหาวิธีสร้างบ่อน้ำเพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ให้ได้นานที่สุด เพราะการเก็บน้ำไว้ใช้ก็ถือเป็นทั้งความมั่นคงของชาติ การผ่อนคลาย และสิ่งสำคัญสำหรับการประกอบพิธีทางศาสนาในหนึ่งเดียว ยิ่งไปกว่านั้น มหาราชายังต้องการให้คนลงไปตักน้ำจากบ่อมาใช้ได้อย่างสะดวกแม้ยามที่ระดับน้ำลดต่ำติดก้นบ่อด้วย บ่อน้ำแชนด์ เบารี ที่ถือกำเนิดขึ้นเลยมีดีไซน์สุดล้ำทุกส่วนทุกด้านของบ่อเป็นบันไดเชื่อมถึงกันทั้งหมด เพื่อให้คนเดินลงไปตักน้ำได้พร้อมกันหลายคน และตักได้จนถึงหยดสุดท้ายแม้ว่าบ่อจะลึกถึงประมาณตึก 10 ชั้น หรือ 33 เมตร ตัวบันไดที่สร้างขึ้นมานั้นแบ่งเป็น 13 ชั้น มีขั้นบันไดรวมแล้วกว่า 3,500 ขั้น นับเป็นบ่อน้ำที่ลึกและใหญ่ที่สุดในอินเดียที่มีความยิ่งใหญ่ทั้งขนาดและการออกแบบก่อสร้าง
หลังจากนั้นนำท่านออกเดินทางสู่ เมืองอัครา (Agra) อดีตเมืองหลวงของอินเดียต่อจาก ในยุคสมัยที่ยังเรียกชื่อว่า "ฮินดูสถาน" เมื่อราวศตวรรษที่ 16 เป็นศูนย์กลางปกครองของอินเดียสมัยราชวงศ์โมกุล (Mughal Empire India) เมืองอัครา (Agra) ตั้งอยู่ริมแม่น้ำยมุนา (Yamuna River) เมืองที่เป็นสถานที่ตั้งของอนุสรณ์สถานแห่งความรัก ทัชมาฮาล (Taj Mahal) หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน
นำท่านเข้าชมอักราฟอร์ด (Agra Fort) ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 1983 ทิ่ติดริมแม่น้ำยมุนาสร้างโดยพระเจ้าอัคบาร์มหาราชแห่งราชวงศ์โมกุล เมื่อปี ค.ศ. 1565 เป็นทั้งพระราชวังที่ประทับและเป็นป้อมปราการ ได้มีการก่อสร้างเพิ่มเติมมาเรื่อย จนมาสำเร็จเสร็จสิ้นในรัชสมัยของพระเจ้าชาห์จาฮาน (Shah Jahan) จนพระราชวังแห่งนี้มีขนาดใหญ่โต มีอาคารมากถึง 500 อาคาร นำท่านเข้าชมป้อมผ่านประตู อำมรรสิงห์ ส่วนที่เป็นพระราชวัง ผ่านลานสวนประดับ อ่างหินทรายสีแดงขนาดยักษ์สำหรับสรงน้ำ ท่านจะได้เห็นสถาปัตยกรรมสามยุคสมัยตามรสนิยมที่แตกต่างกันของสามกษัตริย์ เข้าชมด้านในพระตำหนักต่างๆที่สลักลวดลายศิลปะแบบโมกุลที่มีอิทธิพลจากศิลปะอินเดีย ผสมผสานกับศิลปะเปอร์เซีย นำชมห้องที่ประทับของกษัตริย์ ,พระโอรส, พระธิดาและองค์ต่างๆ ชมพระตำหนัก มาซัมมัน บูร์ช มีเฉลียงมุขแปดเหลี่ยมซึ่งสามารถมองเห็นชมทิวทัศน์ลำน้ำยมุนาและทัชมาฮาลได้ นำชมบริวเณ Diwan-i-Am หรือ ท้องพระโรง ที่ชั้นบนด้านหนึ่งเคยเป็นที่ประดิษฐานบัลลังก์นกยูง (Peacock Throne) อันยิ่งใหญ่ (ปัจจุบันอยู่ในประเทศอิหร่าน)
จากนั้นนำท่านเข้าชมทัชมาฮาล (Taj Mahal) สถาปัตยกรรมแห่งความรักที่สวยที่สุดในโลก ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกและเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ที่สำคัญของโลก สร้างขึ้นเป็นอนุสรณ์สถานแห่งความรักอันยิ่งใหญ่และอมตะของพระเจ้าชาห์จาฮาน (Shah Jahan) ที่มีต่อพระมเหสีมุมตัช มาฮาล (Mumtaz Mahal) โดยสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1631 นำท่านเดินสู่ประตูสุสานที่สลักตัวหนังสือภาษาอาระบิคที่เป็นถ้อยคำอุทิศและอาลัยต่อบุคคลอันเป็นที่รักที่จากไป นำท่านถ่ายรูปกับลานน้ำพุที่มีอาคารทัชมาฮาลอยู่เบื้องหลัง นำท่านเข้าสู่ตัวอาคารที่สร้างจากหินอ่อนสีขาวบริสุทธิ์จากเมืองมกรานะ ที่ประดับลวดลายด้วยเทคนิคฝังหินสีต่างๆ ลงไปในเนื้อหิน ที่เป็นสถาปัตยกรรมชิ้นเอกของโลกที่ออกแบบโดยช่างจากเปอร์เซีย โดยอาคารตรงกลางจะเป็นรูปโดมซึ่งมีหอคอยสี่เสาล้อมรอบ ตรงกลางด้านในเป็นที่ฝังพระศพของพระนางมุมตัซ มาฮาล และ พระเจ้าชาห์จาฮัน ได้อยู่คู่เคียงกันตลอดชั่วนิรันดร์ ทัชมาฮาลแห่งนี้ใช้เวลาก่อสร้างทั้งหมด 12 ปี โดยสิ้นเงินไป 41 ล้านรูปี มีการใช้ทองคำประดับตกแต่งส่วนต่างๆ ของอาคาร หนัก 500 กิโลกรัม และใช้คนงานกว่า 20,000 คน
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ
ที่พัก
โรงแรม The Taj Vilas Hotel หรือเทียบเท่า,เมืองอักรา
วันที่ 4 อักรา – เดลลี – กุตุบมีนาร์ - ประตูชัย (India Gate) – สนามบิน
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านเดินทางเข้าสู่กรุงนิวเดลลี (New Deli) ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 5,000 ปี และเป็นศูนย์กลางการปกครองของอาณาจักรอินเดียโบราณ 7 อาณาจักร ต่อมาในปี 1857 อังกฤษได้เข้ามามีบทบาทในการปกครองประเทศอินเดียและได้ย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่โกลกัตตา และได้ย้ายกลับมาเป็นเมืองหลวงอีกครั้งหนึ่งในปี 1911 หลังจากอินเดียได้รับเอกราชจากประเทศอังกฤษในปี 1947 ก็ได้มีการสร้างสถานที่ทำการราชการโดยสร้างเมืองใหม่ชื่อว่า “นิวเดลลี”
กลางวัน
รับประทานอาหารกลาง
นำท่านเข้าชมกุตุบมีนาร์ (Qutb Minar) เป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่นที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงนิวเดลี ได้รับสถานะมรดกโลกเมื่อ พ.ศ. 2536 เป็นหอสูงที่สร้างด้วยหินทรายแดง (เช่นเดียวกับสุสานหุมายูน) และหินอ่อนเป็นทรงเสาสูงปลายฐานกว้าง 14 เมตรเศษ ส่วนชั้นบนสุดยอดกว้าง 2.7 เมตร มีความสูง 72.5 เมตร (ประมาณตึกสูง 20 ชั้น) จากนั้นนำท่านผ่านชม ประตูชัย (India Gate) เป็นอนุสรณ์สถานของเหล่าทหารหาญที่เสียชีวิตจากการร่วมรบกับอังกฤษในสมัยสงครามโลก ครั้งที่ 1 และสงครามอัฟกานิสถาน ประตูชัยแห่งนี้จึงถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งหนึ่งของกรุงนิวเดลลี โดยซุ้มประตูแห่งนี้มีสถาปัตยกรรมคล้ายประตูชัยของกรุงปารีสและนครเวียงจันทน์ ซึ่งมีความสูง 42 เมตร สร้างขึ้นจากหินทรายเมื่อปีคริสต์ศักราชที่ 1931 บนพื้นผิวของประตูชัยแห่งนี้จะปรากฏรายนามของทหารที่เสียชีวิตถูกแกะสลักไว้ และบริเวณใต้โค้งประตูจะปรากฏคบเพลิงที่ไฟไม่เคยมอดดับเพื่อเป็นการรำลึกถึงผู้เสียชีวิตในสงครามอินเดีย-ปากีสถาน เมื่อปีคริสต์ศักราชที่ 1971 มีทหารยามเฝ้าบริเวณประตูชัยตลอดเวลาเพื่อป้องกันการก่อวินาศกรรม นำท่านสู่ ตลาดจันปาท (JanpathMarket) อิสระให้ท่านเลือกซื้อสินค้าพื้นเมืองและงานหัตถกรรมต่างๆ เช่น ผ้าไหมอินเดีย, เครื่องประดับอัญมณี, ไม้จันทน์หมแกะสลัก, ของตกแต่งประดับบ้าน ฯลฯ **ขอสงวนสิทธิในการเปลี่ยนแปลงไม่ไปตลาดจันปาทหากมีเวลาไม่เพียงพอ**
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ
ได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางสู่ท่าอากาศยานนานาชาติอินทิรา คานธี
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านเดินทางเข้าสู่กรุงนิวเดลลี (New Deli) ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 5,000 ปี และเป็นศูนย์กลางการปกครองของอาณาจักรอินเดียโบราณ 7 อาณาจักร ต่อมาในปี 1857 อังกฤษได้เข้ามามีบทบาทในการปกครองประเทศอินเดียและได้ย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่โกลกัตตา และได้ย้ายกลับมาเป็นเมืองหลวงอีกครั้งหนึ่งในปี 1911 หลังจากอินเดียได้รับเอกราชจากประเทศอังกฤษในปี 1947 ก็ได้มีการสร้างสถานที่ทำการราชการโดยสร้างเมืองใหม่ชื่อว่า “นิวเดลลี”
กลางวัน
รับประทานอาหารกลาง
นำท่านเข้าชมกุตุบมีนาร์ (Qutb Minar) เป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่นที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงนิวเดลี ได้รับสถานะมรดกโลกเมื่อ พ.ศ. 2536 เป็นหอสูงที่สร้างด้วยหินทรายแดง (เช่นเดียวกับสุสานหุมายูน) และหินอ่อนเป็นทรงเสาสูงปลายฐานกว้าง 14 เมตรเศษ ส่วนชั้นบนสุดยอดกว้าง 2.7 เมตร มีความสูง 72.5 เมตร (ประมาณตึกสูง 20 ชั้น) จากนั้นนำท่านผ่านชม ประตูชัย (India Gate) เป็นอนุสรณ์สถานของเหล่าทหารหาญที่เสียชีวิตจากการร่วมรบกับอังกฤษในสมัยสงครามโลก ครั้งที่ 1 และสงครามอัฟกานิสถาน ประตูชัยแห่งนี้จึงถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งหนึ่งของกรุงนิวเดลลี โดยซุ้มประตูแห่งนี้มีสถาปัตยกรรมคล้ายประตูชัยของกรุงปารีสและนครเวียงจันทน์ ซึ่งมีความสูง 42 เมตร สร้างขึ้นจากหินทรายเมื่อปีคริสต์ศักราชที่ 1931 บนพื้นผิวของประตูชัยแห่งนี้จะปรากฏรายนามของทหารที่เสียชีวิตถูกแกะสลักไว้ และบริเวณใต้โค้งประตูจะปรากฏคบเพลิงที่ไฟไม่เคยมอดดับเพื่อเป็นการรำลึกถึงผู้เสียชีวิตในสงครามอินเดีย-ปากีสถาน เมื่อปีคริสต์ศักราชที่ 1971 มีทหารยามเฝ้าบริเวณประตูชัยตลอดเวลาเพื่อป้องกันการก่อวินาศกรรม นำท่านสู่ ตลาดจันปาท (JanpathMarket) อิสระให้ท่านเลือกซื้อสินค้าพื้นเมืองและงานหัตถกรรมต่างๆ เช่น ผ้าไหมอินเดีย, เครื่องประดับอัญมณี, ไม้จันทน์หมแกะสลัก, ของตกแต่งประดับบ้าน ฯลฯ **ขอสงวนสิทธิในการเปลี่ยนแปลงไม่ไปตลาดจันปาทหากมีเวลาไม่เพียงพอ**
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ
ได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางสู่ท่าอากาศยานนานาชาติอินทิรา คานธี
วันที่ 5 กรุงเทพฯ (สนามบินดอนเมือง)
01.55 น.
นำท่านเดินทางกลับสู่ กรุงเทพฯ (สนามบินดอนเมือง) ประเทศไทย เที่ยวบินที่ XW305
07.15 น.
เดินทางกลับถึงท่าอากาศยานดอนเมือง กรุงเทพฯ ประเทศไทย โดยสวัสดิภาพ
นำท่านเดินทางกลับสู่ กรุงเทพฯ (สนามบินดอนเมือง) ประเทศไทย เที่ยวบินที่ XW305
07.15 น.
เดินทางกลับถึงท่าอากาศยานดอนเมือง กรุงเทพฯ ประเทศไทย โดยสวัสดิภาพ