โปรแกรม 6 วัน 5 คืน : เดินทางโดยสายการบิน
วันที่ 1 กรุงเทพฯ (สนามบินดอนเมือง) - พุทธคยา - สถูปพุทธคยา - ต้นศรีมหาโพธิ์
06.30 น.
คณะพร้อมกันที่สนามบินดอนเมือง อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 3 เคาน์เตอร์ 2 ประตู 1-2 เคาน์เตอร์ สายการบินแอร์เอเชีย (Air Asia) โดยมีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกจัดเตรียมเอกสารการเดินทางและสัมภาระให้กับท่าน
08.20 น.
ออกเดินทางสู่ เมืองคยา โดยสายการบินแอร์เอเชีย เที่ยวบินที่ FD122 (ใช้เวลาเดินทางโดยประมาณ 03.20 ชม.) (มีบริการอาหารบนเครื่อง)
10.10 น.
ถึงสนามบินคยา เมืองคยา ประเทศอินเดีย (เวลาท้องถิ่น ช้ากว่าประเทศไทย 01.30 ชั่วโมง) และผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร คณะออกเดินทางเข้าสู่เมืองพุทธคยาใช้เวลาเดินทางโดยประมาณ 45 นาที เมืองพุทธคยา สถานที่เชื่อกันว่าเป็นที่ตรัสรู้ ของพระพุทธเจ้าซึ่งค้นพบโดยนักโบราณคดีชาวอังกฤษ ชื่อ เซอร์ อเลกซานเดอร์ คันนิงแฮม เมื่อร้อยกว่าปีก่อนแล้ว
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน
นำท่านนมัสการ สถูปพุทธคยา ทรงศิขระที่ได้รับการบูรณะใหม่ภายในประดิษฐานพระพุทธรูป “พระพุทธเมตตา” ปางมารวิชัย แล้วนำนมัสการต้นศรีมหาโพธิ์ที่ได้นำพันธุ์มาปลูกตรงที่เชื่อกันว่าเป็นจุดที่พระพุทธเจ้าประทับนั่งบำเพ็ญเพียรจนตรัสรู้สมโพธิญาณ แล้วนำชม สัตตมหาสถาน สถานที่พระพุทธเจ้าเสวยวิมุติสุขหลังจากตรัสรู้แล้วเจ็ดแห่ง แห่งละสัปดาห์รอบๆพุทธคยาเพื่อทบทวนความรู้ก่อนที่จะเสด็จออกสั่งสอนผู้คน อันประกอบไปด้วย 1.เสด็จประทับบนพระแท่นวัชรอาสน์ ใต้ต้นศรีมหาโพธิ์พร้อมเสวยวิมุตติสุขตลอด ๗ วัน ในสัปดาห์ที่ ๑ 2.เสด็จประทับ ณ อนิมิสเจดีย์ ทรงยืนจ้องพระเนตรดูต้นศรีมหาโพธิ์ โดยมิได้กระพริบพระเนตรตลอด ๗ วัน ในสัปดาห์ที่ ๒ 3.เสด็จประทับ ณ รัตนจงกรมเจดีย์ ทรงนิมิตจงกรมขึ้น แล้วเสด็จจงกรมเป็นเวลา ๗ วัน ในสัปดาห์ที่ ๓ 4.เสด็จประทับ ณ รัตนฆรเจดีย์ โดยเสด็จไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของต้นศรีมหาโพธิ์ และประทับนั่งขัดสมาธิในเรือนแก้วซึ่งเทวดานิรมิตถวาย ทรงพิจารณาพระอภิธรรม๗ วัน ในสัปดาห์ที่ ๔ 5.เสด็จไปประทับนั่งขัดสมาธิใต้ต้นไทร อชปาลนิโครธ ซึ่งเป็นที่พักของคนเลี้ยงแกะ ในสัปดาห์ที่๕ 6.เสด็จไปประทับนั่งขัดสมาธิใต้ต้นจิก มุจลินทร์ ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของต้นศรีมหาโพธิ์ ในสัปดาห์ที่ ๖ 7.เสด็จไปประทับใต้ต้นเกด ราชายตนะ ประทับนั่งเสวยวิมุติสุขตลอด ๗วัน
นำท่านชม พระมหาโพธิ์เจดีย์ อนุสรณ์สถานแห่งการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ภายในประดิษฐานพระพุทธเมตตาพระพุทธรูปที่รอดจากการถูกทำลายจากพระเจ้าศศางกา พระพุทธ รูปองค์นี้เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยแบบศิลปะปาละ เป็นที่เคารพศรัทธาของชาวพุทธทั่วโลก จากนั้นนำท่านชมศิลปะอินเดียสมัยพระเจ้าอโศกอายุกว่า ๒,๒๐๐ ปี ชมเสาพระเจ้าอโศกที่ทรงให้สร้างเพื่อประกาศศาสนาและถวายเป็นพุทธบูชาแก่สังเวชนียสถาน ชมประตูโทรณะที่สลัก เรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติ แล้วชมสถูปและภาพสลักอดีตพระพุทธเจ้าศิลปะสมัยปาละอายุราว ๑,๒๐๐ ปี “สมัยปาละเป็นช่วงที่พุทธศาสนารุ่งเรืองแผ่ขยายอยู่ในอินเดียภาคเหนือโดยมีศูนย์กลางอยู่ที่มหาวิทยาลัยนาลันทา รัฐพิหารตามหลักฐานการบันทึกจดหมายเหตุการณ์เดินทางมาสืบทอดพุทธศาสนาของหลวงจีนเหี้ยนจัง (พระถังซัมจั๋ง) และหลวงจีนอี้จิง จากประเทศจีน” ได้เวลาสมควรนำท่านเดินทางกลับสู่ที่พัก
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ
ที่พัก
โรงแรม Bodhgaya Gautam Hotel หรือเทียบเท่า,เมืองคยา
คณะพร้อมกันที่สนามบินดอนเมือง อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 3 เคาน์เตอร์ 2 ประตู 1-2 เคาน์เตอร์ สายการบินแอร์เอเชีย (Air Asia) โดยมีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกจัดเตรียมเอกสารการเดินทางและสัมภาระให้กับท่าน
08.20 น.
ออกเดินทางสู่ เมืองคยา โดยสายการบินแอร์เอเชีย เที่ยวบินที่ FD122 (ใช้เวลาเดินทางโดยประมาณ 03.20 ชม.) (มีบริการอาหารบนเครื่อง)
10.10 น.
ถึงสนามบินคยา เมืองคยา ประเทศอินเดีย (เวลาท้องถิ่น ช้ากว่าประเทศไทย 01.30 ชั่วโมง) และผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร คณะออกเดินทางเข้าสู่เมืองพุทธคยาใช้เวลาเดินทางโดยประมาณ 45 นาที เมืองพุทธคยา สถานที่เชื่อกันว่าเป็นที่ตรัสรู้ ของพระพุทธเจ้าซึ่งค้นพบโดยนักโบราณคดีชาวอังกฤษ ชื่อ เซอร์ อเลกซานเดอร์ คันนิงแฮม เมื่อร้อยกว่าปีก่อนแล้ว
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน
นำท่านนมัสการ สถูปพุทธคยา ทรงศิขระที่ได้รับการบูรณะใหม่ภายในประดิษฐานพระพุทธรูป “พระพุทธเมตตา” ปางมารวิชัย แล้วนำนมัสการต้นศรีมหาโพธิ์ที่ได้นำพันธุ์มาปลูกตรงที่เชื่อกันว่าเป็นจุดที่พระพุทธเจ้าประทับนั่งบำเพ็ญเพียรจนตรัสรู้สมโพธิญาณ แล้วนำชม สัตตมหาสถาน สถานที่พระพุทธเจ้าเสวยวิมุติสุขหลังจากตรัสรู้แล้วเจ็ดแห่ง แห่งละสัปดาห์รอบๆพุทธคยาเพื่อทบทวนความรู้ก่อนที่จะเสด็จออกสั่งสอนผู้คน อันประกอบไปด้วย 1.เสด็จประทับบนพระแท่นวัชรอาสน์ ใต้ต้นศรีมหาโพธิ์พร้อมเสวยวิมุตติสุขตลอด ๗ วัน ในสัปดาห์ที่ ๑ 2.เสด็จประทับ ณ อนิมิสเจดีย์ ทรงยืนจ้องพระเนตรดูต้นศรีมหาโพธิ์ โดยมิได้กระพริบพระเนตรตลอด ๗ วัน ในสัปดาห์ที่ ๒ 3.เสด็จประทับ ณ รัตนจงกรมเจดีย์ ทรงนิมิตจงกรมขึ้น แล้วเสด็จจงกรมเป็นเวลา ๗ วัน ในสัปดาห์ที่ ๓ 4.เสด็จประทับ ณ รัตนฆรเจดีย์ โดยเสด็จไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของต้นศรีมหาโพธิ์ และประทับนั่งขัดสมาธิในเรือนแก้วซึ่งเทวดานิรมิตถวาย ทรงพิจารณาพระอภิธรรม๗ วัน ในสัปดาห์ที่ ๔ 5.เสด็จไปประทับนั่งขัดสมาธิใต้ต้นไทร อชปาลนิโครธ ซึ่งเป็นที่พักของคนเลี้ยงแกะ ในสัปดาห์ที่๕ 6.เสด็จไปประทับนั่งขัดสมาธิใต้ต้นจิก มุจลินทร์ ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของต้นศรีมหาโพธิ์ ในสัปดาห์ที่ ๖ 7.เสด็จไปประทับใต้ต้นเกด ราชายตนะ ประทับนั่งเสวยวิมุติสุขตลอด ๗วัน
นำท่านชม พระมหาโพธิ์เจดีย์ อนุสรณ์สถานแห่งการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ภายในประดิษฐานพระพุทธเมตตาพระพุทธรูปที่รอดจากการถูกทำลายจากพระเจ้าศศางกา พระพุทธ รูปองค์นี้เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยแบบศิลปะปาละ เป็นที่เคารพศรัทธาของชาวพุทธทั่วโลก จากนั้นนำท่านชมศิลปะอินเดียสมัยพระเจ้าอโศกอายุกว่า ๒,๒๐๐ ปี ชมเสาพระเจ้าอโศกที่ทรงให้สร้างเพื่อประกาศศาสนาและถวายเป็นพุทธบูชาแก่สังเวชนียสถาน ชมประตูโทรณะที่สลัก เรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติ แล้วชมสถูปและภาพสลักอดีตพระพุทธเจ้าศิลปะสมัยปาละอายุราว ๑,๒๐๐ ปี “สมัยปาละเป็นช่วงที่พุทธศาสนารุ่งเรืองแผ่ขยายอยู่ในอินเดียภาคเหนือโดยมีศูนย์กลางอยู่ที่มหาวิทยาลัยนาลันทา รัฐพิหารตามหลักฐานการบันทึกจดหมายเหตุการณ์เดินทางมาสืบทอดพุทธศาสนาของหลวงจีนเหี้ยนจัง (พระถังซัมจั๋ง) และหลวงจีนอี้จิง จากประเทศจีน” ได้เวลาสมควรนำท่านเดินทางกลับสู่ที่พัก
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ
ที่พัก
โรงแรม Bodhgaya Gautam Hotel หรือเทียบเท่า,เมืองคยา
วันที่ 2 พุทธคยา – เวสาลี - วัดป่ามหาวัน - กุสินารา
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
เดินทางสู่ เมืองเวสาลี (ใช้เวลาเดินทางโดยประมาณ 6 ชั่วโมง)
นำท่านชมเมืองหลวงของอาณาจักรวัชชี หนึ่งในสิบหกแค้วนของชมพูทวีปในสมัยโบราณ เมืองนี้มีชื่อหลายชื่อคือ ไพสาลี ไวสาลี และเมืองนี้เป็นศูนย์กลางการเผยแพร่พุทธศาสนาที่สำคัญแห่งหนึ่ง รวมทั้งเป็นที่กำเนิดของพระมหาวีระศาสดาของศาสนาเชนและที่เป็นต้นกำเนิดของการทำน้ำมนต์ในพุทธศาสนา เนื่องจากได้เกิดทุพิกขภัยร้ายแรงทั่วเมืองเวสาลีมีคนตายมากมาย กษัตริย์ลิจฉวีจึงได้นิมนต์ให้พระพุทธเจ้าได้มาโปรดชาวเมือง พระพุทธเจ้าจึงนำเหล่าภิกษุ ๕๐๐ รูป เดินทางไปโปรดที่เมืองไวสาลี พร้อมทั้งได้มีการประพรมน้ำมนต์ทั่วทั้งเมือง นำท่านเที่ยวชม วัดป่ามหาวัน ชมเสาอโศกที่สมบูรณ์ที่สุดและงดงามที่สุดของอินเดีย เมืองเวสาลีมีความสำคัญมาตั้งแต่สมัยก่อนพุทธกาล โดยเป็นเมืองหลวงแห่งแคว้นที่มีความเจริญรุ่งเรืองมากแคว้นหนึ่งในบรรดา ๑๖ แคว้นของชมพูทวีป มีการปกครองด้วยระบบสามัคคีธรรมหรือคณาธิปไตย ที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นการปกครองแบบประชาธิปไตยระบบหนึ่ง คือไม่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขทรงอำนาจสิทธิ์ขาด มีแต่ผู้เป็นประมุขแห่งรัฐซึ่งบริหารงานโดยความเห็นชอบจากรัฐสภา ซึ่งจะประกอบไปด้วยเหล่าสมาชิกจากเจ้าวงศ์ต่าง ๆ ซึ่งรวมเป็นคณะผู้ครองแคว้น ในคัมภีร์พระพุทธศาสนากล่าวว่าเจ้าวงศ์ต่างๆ มีถึง ๘วงศ์ และในจำนวนนี้วงศ์เจ้าลิจฉวีแห่งเวสาลีและวงศ์เจ้าวิเทหะแห่งเมืองมิถิลาเป็นวงศ์ที่มีอิทธิพลที่สุด ในสมัยพุทธกาลพระพุทธเจ้าเคยเสด็จมาที่เวสาลีหลายครั้ง แต่ละครั้งจะทรงประทับที่กูฏาคารศาลาป่ามหาวันเป็นส่วนใหญ่ พระสูตรหลายพระสูตรเกิดขึ้นที่เมืองแห่งนี้ และที่กูฏาคารศาลานี่เองที่เป็นที่ๆ พระพุทธองค์ทรงอนุญาตให้พระนางมหาปชาบดีโคตมีเถรี พระน้านางของพระพุทธองค์ พร้อมกับบริวาร สามารถอุปสมบทเป็นภิกษุณีได้เป็นครั้งแรกในโลก และในการเสด็จครั้งสุดท้ายของพระพุทธองค์ พระองค์ได้ทรงรับสวนมะม่วงของนางอัมพปาลี นางคณิกาประจำเมืองเวสาลี ซึ่งนางได้อุทิศถวายเป็นอารามในพระพุทธศาสนา พระพุทธองค์ได้ทรงจำพรรษาสุดท้ายที่เวฬุวคาม และได้ทรงปลงอายุสังขารที่ปาวาลเจดีย์ และเมื่อหลังพุทธปรินิพพานแล้วได้ ๑๐๐ ปี ได้มีการทำสังคายนาครั้งที่ ๒ ณ วาลิการาม ซึ่งทั้งหมดล้วนอยู่ในเมืองเวสาลี
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน
นำท่านเดินทางสู่ เมืองกุสินารา (ใช้เวลาเดินทางโดยประมาณ 4-5 ชั่วโมง) ซึ่งเป็นสถานที่ปรินิพพานของพระพุทธเจ้า
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ
ที่พัก
โรงแรม Om Residency Hotel หรือเทียบเท่า,เมืองกุสินารา
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
เดินทางสู่ เมืองเวสาลี (ใช้เวลาเดินทางโดยประมาณ 6 ชั่วโมง)
นำท่านชมเมืองหลวงของอาณาจักรวัชชี หนึ่งในสิบหกแค้วนของชมพูทวีปในสมัยโบราณ เมืองนี้มีชื่อหลายชื่อคือ ไพสาลี ไวสาลี และเมืองนี้เป็นศูนย์กลางการเผยแพร่พุทธศาสนาที่สำคัญแห่งหนึ่ง รวมทั้งเป็นที่กำเนิดของพระมหาวีระศาสดาของศาสนาเชนและที่เป็นต้นกำเนิดของการทำน้ำมนต์ในพุทธศาสนา เนื่องจากได้เกิดทุพิกขภัยร้ายแรงทั่วเมืองเวสาลีมีคนตายมากมาย กษัตริย์ลิจฉวีจึงได้นิมนต์ให้พระพุทธเจ้าได้มาโปรดชาวเมือง พระพุทธเจ้าจึงนำเหล่าภิกษุ ๕๐๐ รูป เดินทางไปโปรดที่เมืองไวสาลี พร้อมทั้งได้มีการประพรมน้ำมนต์ทั่วทั้งเมือง นำท่านเที่ยวชม วัดป่ามหาวัน ชมเสาอโศกที่สมบูรณ์ที่สุดและงดงามที่สุดของอินเดีย เมืองเวสาลีมีความสำคัญมาตั้งแต่สมัยก่อนพุทธกาล โดยเป็นเมืองหลวงแห่งแคว้นที่มีความเจริญรุ่งเรืองมากแคว้นหนึ่งในบรรดา ๑๖ แคว้นของชมพูทวีป มีการปกครองด้วยระบบสามัคคีธรรมหรือคณาธิปไตย ที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นการปกครองแบบประชาธิปไตยระบบหนึ่ง คือไม่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขทรงอำนาจสิทธิ์ขาด มีแต่ผู้เป็นประมุขแห่งรัฐซึ่งบริหารงานโดยความเห็นชอบจากรัฐสภา ซึ่งจะประกอบไปด้วยเหล่าสมาชิกจากเจ้าวงศ์ต่าง ๆ ซึ่งรวมเป็นคณะผู้ครองแคว้น ในคัมภีร์พระพุทธศาสนากล่าวว่าเจ้าวงศ์ต่างๆ มีถึง ๘วงศ์ และในจำนวนนี้วงศ์เจ้าลิจฉวีแห่งเวสาลีและวงศ์เจ้าวิเทหะแห่งเมืองมิถิลาเป็นวงศ์ที่มีอิทธิพลที่สุด ในสมัยพุทธกาลพระพุทธเจ้าเคยเสด็จมาที่เวสาลีหลายครั้ง แต่ละครั้งจะทรงประทับที่กูฏาคารศาลาป่ามหาวันเป็นส่วนใหญ่ พระสูตรหลายพระสูตรเกิดขึ้นที่เมืองแห่งนี้ และที่กูฏาคารศาลานี่เองที่เป็นที่ๆ พระพุทธองค์ทรงอนุญาตให้พระนางมหาปชาบดีโคตมีเถรี พระน้านางของพระพุทธองค์ พร้อมกับบริวาร สามารถอุปสมบทเป็นภิกษุณีได้เป็นครั้งแรกในโลก และในการเสด็จครั้งสุดท้ายของพระพุทธองค์ พระองค์ได้ทรงรับสวนมะม่วงของนางอัมพปาลี นางคณิกาประจำเมืองเวสาลี ซึ่งนางได้อุทิศถวายเป็นอารามในพระพุทธศาสนา พระพุทธองค์ได้ทรงจำพรรษาสุดท้ายที่เวฬุวคาม และได้ทรงปลงอายุสังขารที่ปาวาลเจดีย์ และเมื่อหลังพุทธปรินิพพานแล้วได้ ๑๐๐ ปี ได้มีการทำสังคายนาครั้งที่ ๒ ณ วาลิการาม ซึ่งทั้งหมดล้วนอยู่ในเมืองเวสาลี
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน
นำท่านเดินทางสู่ เมืองกุสินารา (ใช้เวลาเดินทางโดยประมาณ 4-5 ชั่วโมง) ซึ่งเป็นสถานที่ปรินิพพานของพระพุทธเจ้า
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ
ที่พัก
โรงแรม Om Residency Hotel หรือเทียบเท่า,เมืองกุสินารา
วันที่ 3 กุสินารา – มหาปรินิพพานสถูป - มกุฎพันธเจดีย์ - ลุมพินี (เนปาล)
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านชมสังเวชนีย เมืองกุสินารา ในสมัยพุทธกาลเป็นเมืองเอกหนึ่งในสองของแคว้นมัลละ อยู่ตรงข้ามฝั่งแม่น้ำคู่กับเมืองปาวา เป็นที่ตั้งของสาลวโนทยานหรือป่าไม้สาละ ที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานและเป็นสถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธเจ้า “สาลวโนทาย” สถานที่เสด็จดับขันธปรินิพพาน มีชื่อเรียกในท้องถิ่นว่า มาถากุนวะระกาโกฏ (Matha-Kunwar-Ka-Kot) ซึ่งแปลว่า ตำบลเจ้าชายสิ้นชีพ ปรากฏตามคัมภีร์ว่า เมืองนี้เคยเป็นที่ปรินิพพานของพระพุทธเจ้าพระนามว่าผุสสะ เป็นที่เกิดบำเพ็ญบารมีของพระโพธิสัตว์หลายครั้ง เคยเป็นราชธานีนามว่ากุสาวดีของพระเจ้ามหาสุทัสสนจักรพรรดิ นำท่านนมัสการอนุสรณ์สถานที่สำคัญคือ มหาปรินิพพานสถูป ซึ่งพระเจ้าอโศกมหาราชสร้างไว้และบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ วิหารปรินิพพานซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางปรินิพพานอยู่ภายในและมีซากศาสนสถานโบราณโดยรอบมากมาย
จากนั้นนำท่านนมัสการสถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธเจ้าที่มกุฎพันธเจดีย์ แล้วนำนั่งสมาธิที่วิหารพระรูปพระพุทธไสยาสน์ มีจารึกกำหนดอายุเก่าแก่กว่า ๑,๔๐๐ปี แสดงตอนเสด็จปรินิพพาน
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน
นำท่านเดินทางสู่ เมืองลุมพินี (ใช้เวลาเดินทางโดยประมาณ 4-5 ชั่วโมง) ซึ่งเป็นสถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้า *** โปรดเตรียมหนังสือเดินทางติดตัวไว้เพื่อประทับตราออกจากประเทศอินเดียเข้าสู่ประเทศเนปาล ***
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ
ที่พัก
โรงแรม Nansc Hotel หรือเทียบเท่า,เมืองลุมพินี
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านชมสังเวชนีย เมืองกุสินารา ในสมัยพุทธกาลเป็นเมืองเอกหนึ่งในสองของแคว้นมัลละ อยู่ตรงข้ามฝั่งแม่น้ำคู่กับเมืองปาวา เป็นที่ตั้งของสาลวโนทยานหรือป่าไม้สาละ ที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานและเป็นสถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธเจ้า “สาลวโนทาย” สถานที่เสด็จดับขันธปรินิพพาน มีชื่อเรียกในท้องถิ่นว่า มาถากุนวะระกาโกฏ (Matha-Kunwar-Ka-Kot) ซึ่งแปลว่า ตำบลเจ้าชายสิ้นชีพ ปรากฏตามคัมภีร์ว่า เมืองนี้เคยเป็นที่ปรินิพพานของพระพุทธเจ้าพระนามว่าผุสสะ เป็นที่เกิดบำเพ็ญบารมีของพระโพธิสัตว์หลายครั้ง เคยเป็นราชธานีนามว่ากุสาวดีของพระเจ้ามหาสุทัสสนจักรพรรดิ นำท่านนมัสการอนุสรณ์สถานที่สำคัญคือ มหาปรินิพพานสถูป ซึ่งพระเจ้าอโศกมหาราชสร้างไว้และบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ วิหารปรินิพพานซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางปรินิพพานอยู่ภายในและมีซากศาสนสถานโบราณโดยรอบมากมาย
จากนั้นนำท่านนมัสการสถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธเจ้าที่มกุฎพันธเจดีย์ แล้วนำนั่งสมาธิที่วิหารพระรูปพระพุทธไสยาสน์ มีจารึกกำหนดอายุเก่าแก่กว่า ๑,๔๐๐ปี แสดงตอนเสด็จปรินิพพาน
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน
นำท่านเดินทางสู่ เมืองลุมพินี (ใช้เวลาเดินทางโดยประมาณ 4-5 ชั่วโมง) ซึ่งเป็นสถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้า *** โปรดเตรียมหนังสือเดินทางติดตัวไว้เพื่อประทับตราออกจากประเทศอินเดียเข้าสู่ประเทศเนปาล ***
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ
ที่พัก
โรงแรม Nansc Hotel หรือเทียบเท่า,เมืองลุมพินี
วันที่ 4 สวนลุมพินีวัน - เสาหินพระเจ้าอโศกมหาราช - วิหารมายาเทวี - พาราณสี
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านชม สังเวชนียสถาน สวนลุมพินีวัน เป็นสถานที่พระนางสิริมหามายาประสูติเจ้าชายสิทธัตถะกุมาร เมื่อวันศุกร์ วันเพ็ญเดือน ๖ ปีจอ ก่อนพุทธศักราช ๘๐ปี ซึ้งภายในบริเวณมีวิหารมหามายา สระโบกขรณี และเสาพระเจ้าอโศกที่มีขนาดความสูง ๒๒ ฟุต ๔ นิ้วและมีข้อความจารึกเป็นหลักฐานว่า “ณ ที่นี่คือ สถานที่ประสูติของเจ้าชายสิทธัตถะ และพระเจ้าอโศกเสด็จมาบูชาในปีที่ ๒๐ แห่งรัชกาลของพระองค์” (ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๓ ) ปัจจุบันลุมพินีวันได้รับการบูรณะและมีถาวรวัตถุสำคัญที่ชาวพุทธนิยมไปสักการะ คือ “เสาหินพระเจ้าอโศกมหาราช” ที่ระบุว่าสถานที่นี้เป็นสถานที่ประสูติของเจ้าชายสิทธัตถะ นอกจากนี้ยังมี “วิหารมายาเทวี” ภายในประดิษฐานภาพหินแกะสลักพระรูปพระนางสิริมหามายาประสูติพระราชโอรส โดยเป็นวิหารเก่ามีอายุร่วมสมัยกับเสาหินพระเจ้าอโศก ปัจจุบันทางการเนปาลได้สร้างวิหารใหม่ทับวิหารมายาเทวีหลังเก่า และได้ขุดค้นพบศิลาจารึกรูปคล้ายรอยเท้า สันนิษฐานว่าเป็นจารึกรอยเท้าก้าวที่เจ็ดของเจ้าชายสิทธัตถะที่ทรงดำเนินได้เจ็ดก้าวในวันประสูติ ปัจจุบันลุมพินีวันอยู่ในเขตประเทศเนปาล ติดชายแดนประเทศอินเดียทางเหนือเมืองโคราฆปุระ ห่างจากเมืองติเลาราโกต (หรือ นครกบิลพัสดุ์) ทางทิศตะวันออก ๑๑ กิโลเมตร และห่างจากสิทธารถนคร (หรือนครเทวทหะ) ทางทิศตะวันตก๑๑กิโลเมตร ซึ่งถูกต้องตามตำราพระพุทธศาสนาที่กล่าวว่าลุมพินีวันสถานที่ประสูติตั้งอยู่ระหว่างเมืองกบิลพัสดุ์และเมืองเทวทหะ ปัจจุบันลุมพินีวันมีเนื้อที่ประมาณ ๒,๐๐๐ ไร่ ทางการเรียกสถานที่นี้ว่า รุมมินเด มีสภาพเป็นชนบท มีผู้อาศัยอยู่ไม่มากมีสิ่งปลูกสร้างเป็นพุทธสถานเพียงเล็กน้อย แต่มีวัดพุทธอยู่ในบริเวณนี้หลายวัด รวมทั้งวัดไทยลุมพินี ลุมพินีวันได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกประเภทมรดกทางวัฒนธรรมตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๔๐
กลางวัน
รับประทานอาหารกลาง
นำเดินทางสู่ เมืองพาราณสี (ใช้เวลาเดินทางโดยประมาณ 6-7 ชั่วโมง) สถานที่แสดงปฐมเทศนา ดินแดนแห่งการแสวงบุญชำระบาป มรดกโลกที่มีชีวิตสี่พันปีของอินเดียและเป็นเมืองหลวงแคว้นกาสี มีแม่น้ำคงคาอันศักดิ์สิทธิ์ไหลผ่าน มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 4,000 ปี จัดเป็นเมืองสุทธาวาสที่สถิตแห่งศิวเทพและถือว่าเป็นเมืองอมตะของอินเดีย เป็นที่แสวงบุญทั้งของชาวฮินดูและชาวพุทธทั่วโลก
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ
ที่พัก
โรงแรม City Inn Hotel หรือเทียบเท่า,เมืองพาราณสี
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านชม สังเวชนียสถาน สวนลุมพินีวัน เป็นสถานที่พระนางสิริมหามายาประสูติเจ้าชายสิทธัตถะกุมาร เมื่อวันศุกร์ วันเพ็ญเดือน ๖ ปีจอ ก่อนพุทธศักราช ๘๐ปี ซึ้งภายในบริเวณมีวิหารมหามายา สระโบกขรณี และเสาพระเจ้าอโศกที่มีขนาดความสูง ๒๒ ฟุต ๔ นิ้วและมีข้อความจารึกเป็นหลักฐานว่า “ณ ที่นี่คือ สถานที่ประสูติของเจ้าชายสิทธัตถะ และพระเจ้าอโศกเสด็จมาบูชาในปีที่ ๒๐ แห่งรัชกาลของพระองค์” (ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๓ ) ปัจจุบันลุมพินีวันได้รับการบูรณะและมีถาวรวัตถุสำคัญที่ชาวพุทธนิยมไปสักการะ คือ “เสาหินพระเจ้าอโศกมหาราช” ที่ระบุว่าสถานที่นี้เป็นสถานที่ประสูติของเจ้าชายสิทธัตถะ นอกจากนี้ยังมี “วิหารมายาเทวี” ภายในประดิษฐานภาพหินแกะสลักพระรูปพระนางสิริมหามายาประสูติพระราชโอรส โดยเป็นวิหารเก่ามีอายุร่วมสมัยกับเสาหินพระเจ้าอโศก ปัจจุบันทางการเนปาลได้สร้างวิหารใหม่ทับวิหารมายาเทวีหลังเก่า และได้ขุดค้นพบศิลาจารึกรูปคล้ายรอยเท้า สันนิษฐานว่าเป็นจารึกรอยเท้าก้าวที่เจ็ดของเจ้าชายสิทธัตถะที่ทรงดำเนินได้เจ็ดก้าวในวันประสูติ ปัจจุบันลุมพินีวันอยู่ในเขตประเทศเนปาล ติดชายแดนประเทศอินเดียทางเหนือเมืองโคราฆปุระ ห่างจากเมืองติเลาราโกต (หรือ นครกบิลพัสดุ์) ทางทิศตะวันออก ๑๑ กิโลเมตร และห่างจากสิทธารถนคร (หรือนครเทวทหะ) ทางทิศตะวันตก๑๑กิโลเมตร ซึ่งถูกต้องตามตำราพระพุทธศาสนาที่กล่าวว่าลุมพินีวันสถานที่ประสูติตั้งอยู่ระหว่างเมืองกบิลพัสดุ์และเมืองเทวทหะ ปัจจุบันลุมพินีวันมีเนื้อที่ประมาณ ๒,๐๐๐ ไร่ ทางการเรียกสถานที่นี้ว่า รุมมินเด มีสภาพเป็นชนบท มีผู้อาศัยอยู่ไม่มากมีสิ่งปลูกสร้างเป็นพุทธสถานเพียงเล็กน้อย แต่มีวัดพุทธอยู่ในบริเวณนี้หลายวัด รวมทั้งวัดไทยลุมพินี ลุมพินีวันได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกประเภทมรดกทางวัฒนธรรมตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๔๐
กลางวัน
รับประทานอาหารกลาง
นำเดินทางสู่ เมืองพาราณสี (ใช้เวลาเดินทางโดยประมาณ 6-7 ชั่วโมง) สถานที่แสดงปฐมเทศนา ดินแดนแห่งการแสวงบุญชำระบาป มรดกโลกที่มีชีวิตสี่พันปีของอินเดียและเป็นเมืองหลวงแคว้นกาสี มีแม่น้ำคงคาอันศักดิ์สิทธิ์ไหลผ่าน มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 4,000 ปี จัดเป็นเมืองสุทธาวาสที่สถิตแห่งศิวเทพและถือว่าเป็นเมืองอมตะของอินเดีย เป็นที่แสวงบุญทั้งของชาวฮินดูและชาวพุทธทั่วโลก
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ
ที่พัก
โรงแรม City Inn Hotel หรือเทียบเท่า,เมืองพาราณสี
วันที่ 5 ล่องเรือแม่น้ำคงคา - สารนารถ - สถูปเจาคันธี - ธรรมเมขสถูป - พิพิธภัณฑ์แห่งเมืองสารนาถ – พุทธคยา
05.00 น.
อรุณสวัสดิ์ยามเช้ากับเช้าวันใหม่ที่สดใส นำท่านล่องเรือแม่น้ำคงคา สัมผัสกับความหลากหลายของผู้คนและที่แม่น้ำคงคาที่ชาวฮินดูเชื่อว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากเป็นจุดที่ตุ้มหู ของพระศิวะตกอยู่ใต้แม่น้ำแห่งนี้ ในทางพุทธศาสนาเองเชื่อกันว่าเป็นสถานที่ได้นำพระอัฐิของพระพุทธเจ้ามาลอยอังคารที่แม่น้ำแห่งนี้ด้วย นำท่านถวายกระทงเป็นพุทธบูชา ณ ที่นี่เองท่านจะได้สัมผัสวิถีชีวิตของชาวฮินดูซึ่งจะมาอาบน้ำ ดื่มน้ำรวมทั้งท่าน้ำที่นี่จะมีพิธีเผาศพในช่วงเช้าตรู่ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น จากนั้นนำท่านเดินทางกลับโรงแรม
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านชมสังเวชนียสถาน เมืองสารนารถ สถานที่แสดงปฐมเทศนา นมัสการสถูปเจาคันธี สถานที่พระพุทธเจ้าพบปัจจัคคีอีกครั้งหลังจากตรัสรู้แล้ว นำนมัสการธรรมเมขสถูป ที่เชื่อกันว่าเป็นสถานที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนาหัวข้อธรรมจักกัปปวัตตนสูตรทำให้พระโกณฑัญญะบรรลุโสดาบันพระพุทธศาสนาจึงมีพระรัตนตรัยครบ ๓ ประการ แล้วนำชมวิหารมูลคันธกุฏิหลังใหม่ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางปฐมเทศนาเลียนแบบคุปตะและจิตรกรรมฝาผนังเล่าเรื่องพุทธประวัติฝีมือช่างชาวญี่ปุ่น
แล้วนำท่านชมพิพิธภัณฑ์แห่งเมืองสารนาถ ชมหัวเสาพระเจ้าอโศก ทำเป็นรูปสิงห์บางท่านอธิบายว่าเป็นสัญลักษณ์ของศากยสิงห์พระราชวงศ์ของพระพุทธเจ้า เสามีฐานบัวคว่ำ มีบัลลังก์สี่เหลี่ยมรอบสลักเป็นรูปธรรมจักรและรูปช้าง ม้า สิงห์และโค แล้วนำชมโบราณวัตถุที่ขุดค้นพบในบริเวณเมืองสารนาถและเมืองใกล้เคียง อาทิเช่น พระพุทธรูปศิลปะแบบคันธาระ แบบมถุรา แบบคุปตะ และ แบบปาละ ฯลฯ แล้วนำชมโบราณวัตถุชิ้นเอกของพิพิธภัณฑ์ พระพุทธรูปแบบคุปตะปางปฐมเทศนา ที่ค้นพบบริเวณใกล้ๆกับ มูลคันธกุฎี สถานที่จำพรรษาของพระพุทธเจ้า “อนึ่งศิลปะคุปตะได้รับการยกย่องว่ามีความงดงามและสมบูรณ์แบบที่สุดในศิลปะอินเดียทั้งมวลและเมืองสารนาถยังเป็นศูนย์กลางของโรงเรียนสกุลช่างคุปตะ ที่อายุเก่าแก่ถึง ๑,๔๐๐ ปีมาแล้ว
กลางวัน
รับประทานอาหารกลาง
นำท่านเดินทางกลับไปยัง เมืองพุทธคยา (ใช้เวลาเดินทางโดยประมาณ 5-6 ชั่วโมง)
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ
ที่พัก
โรงแรม Bodhgaya Gautam Hotel หรือเทียบเท่า,เมืองคยา
อรุณสวัสดิ์ยามเช้ากับเช้าวันใหม่ที่สดใส นำท่านล่องเรือแม่น้ำคงคา สัมผัสกับความหลากหลายของผู้คนและที่แม่น้ำคงคาที่ชาวฮินดูเชื่อว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากเป็นจุดที่ตุ้มหู ของพระศิวะตกอยู่ใต้แม่น้ำแห่งนี้ ในทางพุทธศาสนาเองเชื่อกันว่าเป็นสถานที่ได้นำพระอัฐิของพระพุทธเจ้ามาลอยอังคารที่แม่น้ำแห่งนี้ด้วย นำท่านถวายกระทงเป็นพุทธบูชา ณ ที่นี่เองท่านจะได้สัมผัสวิถีชีวิตของชาวฮินดูซึ่งจะมาอาบน้ำ ดื่มน้ำรวมทั้งท่าน้ำที่นี่จะมีพิธีเผาศพในช่วงเช้าตรู่ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น จากนั้นนำท่านเดินทางกลับโรงแรม
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านชมสังเวชนียสถาน เมืองสารนารถ สถานที่แสดงปฐมเทศนา นมัสการสถูปเจาคันธี สถานที่พระพุทธเจ้าพบปัจจัคคีอีกครั้งหลังจากตรัสรู้แล้ว นำนมัสการธรรมเมขสถูป ที่เชื่อกันว่าเป็นสถานที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนาหัวข้อธรรมจักกัปปวัตตนสูตรทำให้พระโกณฑัญญะบรรลุโสดาบันพระพุทธศาสนาจึงมีพระรัตนตรัยครบ ๓ ประการ แล้วนำชมวิหารมูลคันธกุฏิหลังใหม่ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางปฐมเทศนาเลียนแบบคุปตะและจิตรกรรมฝาผนังเล่าเรื่องพุทธประวัติฝีมือช่างชาวญี่ปุ่น
แล้วนำท่านชมพิพิธภัณฑ์แห่งเมืองสารนาถ ชมหัวเสาพระเจ้าอโศก ทำเป็นรูปสิงห์บางท่านอธิบายว่าเป็นสัญลักษณ์ของศากยสิงห์พระราชวงศ์ของพระพุทธเจ้า เสามีฐานบัวคว่ำ มีบัลลังก์สี่เหลี่ยมรอบสลักเป็นรูปธรรมจักรและรูปช้าง ม้า สิงห์และโค แล้วนำชมโบราณวัตถุที่ขุดค้นพบในบริเวณเมืองสารนาถและเมืองใกล้เคียง อาทิเช่น พระพุทธรูปศิลปะแบบคันธาระ แบบมถุรา แบบคุปตะ และ แบบปาละ ฯลฯ แล้วนำชมโบราณวัตถุชิ้นเอกของพิพิธภัณฑ์ พระพุทธรูปแบบคุปตะปางปฐมเทศนา ที่ค้นพบบริเวณใกล้ๆกับ มูลคันธกุฎี สถานที่จำพรรษาของพระพุทธเจ้า “อนึ่งศิลปะคุปตะได้รับการยกย่องว่ามีความงดงามและสมบูรณ์แบบที่สุดในศิลปะอินเดียทั้งมวลและเมืองสารนาถยังเป็นศูนย์กลางของโรงเรียนสกุลช่างคุปตะ ที่อายุเก่าแก่ถึง ๑,๔๐๐ ปีมาแล้ว
กลางวัน
รับประทานอาหารกลาง
นำท่านเดินทางกลับไปยัง เมืองพุทธคยา (ใช้เวลาเดินทางโดยประมาณ 5-6 ชั่วโมง)
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ
ที่พัก
โรงแรม Bodhgaya Gautam Hotel หรือเทียบเท่า,เมืองคยา
วันที่ 6 พุทธคยา - กรุงเทพฯ (สนามบินดอนเมือง)
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
ได้เวลาสมควร นำท่านเดินทางสู่สนามบินพุทธคยา
10.40 น.
ออกเดินทางกลับสู่กรุงเทพฯ ประเทศไทย โดยสายการบินแอร์เอเชีย (Air Asia) เที่ยวบินที่ FD123 (ใช้เวลาเดินทางโดยประมาณ 02.40 ชม.) (มีบริการอาหารบนเครื่อง)
14.50 น.
ถึงสนามบินดอนเมือง กรุงเทพมหานคร โดยความสวัสดิภาพ
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
ได้เวลาสมควร นำท่านเดินทางสู่สนามบินพุทธคยา
10.40 น.
ออกเดินทางกลับสู่กรุงเทพฯ ประเทศไทย โดยสายการบินแอร์เอเชีย (Air Asia) เที่ยวบินที่ FD123 (ใช้เวลาเดินทางโดยประมาณ 02.40 ชม.) (มีบริการอาหารบนเครื่อง)
14.50 น.
ถึงสนามบินดอนเมือง กรุงเทพมหานคร โดยความสวัสดิภาพ