โปรแกรม 7 วัน 4 คืน : เดินทางโดยสายการบินThai Airways International
วันที่ 1 กรุงเทพฯ (สนามบินสุวรรณภูมิ ) – โอซาก้า (สนามบินคันไซ) (TG622 23.15-06.25) อาหาร (เช้า/กลางวัน/เย็น)
19.00 น.
คณะพร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ ประตูหมายเลข 2 เคาน์เตอร์ C สายการบินไทยเจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวกด้านเอกสารและสัมภาระ
23.15 น.
ออกเดินทางสู่ สนามบินคันไซ ประเทศญี่ปุ่น โดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG622 (สายการบินมีบริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง)
วันที่ 2 โอซาก้า (สนามบินคันไซ) - นารา – วัดโทไดจิ – เกียวโต – อาราชิยาม่า – ป่าไผ่ – สะพานโทเก็ตสึเคียว – ศา อาหาร (เช้า/กลางวัน/เย็น)
วันที่ 1
กรุงเทพฯ (สนามบินสุวรรณภูมิ ) – โอซาก้า (สนามบินคันไซ) (TG622 23.15-06.25)
19.00 น.
คณะพร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ ประตูหมายเลข 2 เคาน์เตอร์ C สายการบินไทยเจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวกด้านเอกสารและสัมภาระ
23.15 น.
ออกเดินทางสู่ สนามบินคันไซ ประเทศญี่ปุ่น โดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG622 (สายการบินมีบริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง)
วันที่ 2
โอซาก้า (สนามบินคันไซ) - นารา – วัดโทไดจิ – เกียวโต – อาราชิยาม่า – ป่าไผ่ – สะพานโทเก็ตสึเคียว – ศาลเจ้าฟุชิมิ อินาริ – ช้อปปิ้ง JR KYOTO STATION
06.25 น.
เดินทางถึง สนามบินคันไซ ประเทศญี่ปุ่น (เวลาท้องถิ่นเร็วกว่าเวลาประเทศไทย 2 ชม.)
ผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมือง ด่านศุลกากร และรับกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว [สำคัญมาก!!ไม่อนุญาตให้นำอาหารสด จำพวก เนื้อสัตว์ พืช ผัก ผลไม้ เข้าประเทศญี่ปุ่นหากฝ่าฝืนมีโทษจับปรับได้]
เมืองนารา ( Nara ) อดีตเมืองหลวงเก่าของชาวญี่ปุ่น ที่ตั้งขึ้นมาในปี 710 และได้รับอิทธิพลของศาสนาพุทธอย่างเต็มที่ จนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้ยังคงมีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์มากมาย รวมไปถึงวัดวาอารามที่เก่าแก่ที่สุดอีกด้วย วัดโทไดจิ (Todaiji) วัดหลวงพ่อโตแห่งเมืองนารา หรือ ไดบุทสึ (Daibutsu of Nara) นับเป็นหนึ่งในวัดที่มีชื่อเสียงมากที่สุดและมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของประเทศญี่ปุ่นอย่างมาก จุดเด่น คืออาคารหลักของวัดแห่งนี้ เป็นอาคารไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก หลวงพ่อโตหรือ ไดบุตสึ ยังเด่นที่ประดิษฐานด้านในอาคารหลักนี่ ซึ่งก็เรียกได้ว่ามีขนาดที่ใหญ่มากที่สุดของญี่ปุ่น มีความสูงมากถึง 15 เมตร วัดแห่งนี้นั้นถูก สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 752 สามารถตรัสรู้ได้ และเป็นที่ชื่นชอบสำหรับนักท่องเที่ยวก็คือเจ้ากวางน้อยใหญ่ที่เดินควักไขว่ไปมา ซึ่งก็สามารถให้อาหารกวางเหล่านั้นด้วยขนมแซมเบ้ที่ทำมาสำหรับกวางโดยเฉพาะ โดยจะมีร้านที่ขายราคาก็จะอยู่ประมาณห่อละ 150 เยน
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหาร
เมืองเกียวโต (Kyoto) อดีตเมืองหลวงและที่พำนักของจักรพรรดิญี่ปุ่น ในช่วงปี 794 – 1868 และปัจจุบันนี้ก็เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 7 ของประเทศ รวมทั้งมีประชากรอีกราวๆ 1.4 ล้านคน ซึ่งสภาพบ้านเมืองยังคงอนุรักษ์เอาไว้ในสภาพอดีตซะเป็นส่วนมาก อาราชิยาม่า (Arashiyama) เป็นอีกเขตหนึ่งที่นักท่องเที่ยวนิยมมากัน อยู่ทางตะวักตกของเกียวโต โดยเริ่มเป็นที่นิยมตั้งแต่สมัยเฮอัน (794-1185) เป็นต้นมา และจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวชมกันอย่างคับคั่งในช่วงที่ดอกซากุระบานและช่วงใบไม้แดงหรือใบไม้เปลี่ยนสี ตัวเมืองอาราชิยาม่านั้นจะคึกคักมากในช่วงวันหยุด มีทั้งร้านค้า ร้านอาหาร และบริเวณโดยรอบก็สามารถเดินเที่ยวได้เรื่อยๆ สถานที่ที่ได้รับความนิยมอีกที่หนึ่งเมื่อมาถึงเมืองนี้ก็คือ อุโมงค์ป่าไผ่ (Bamboo) ทางเดินที่โอบล้อมด้วยต้นไผ่สีเขียวที่สูงมาก ส่วนทางตอนเหนือของเมืองนั้นจะมีวัดเล็กๆ กระจายอยู่ทั่วไปตามภูเขาที่เขียวชะอุ่ม
จุดท่องเที่ยวที่สวยงามอีกทีนึงก็คือซากาโน่ ที่ตั้งของ สะพานโทเก็ตสึเคียว (Togetsukyo) ซึ่งเป็นเหมือนสัญลักษณ์อาราชิยาม่า เป็นสะพานที่ใช้ข้ามแม่น้ำสายใหญ่ของเมือง ซึ่งอยู่ไม่ใกล้กับตัวเมืองมากนัก จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ย่านการค้าของเกียวโต
ศาลเจ้าฟุชิมิ อินาริ (Fujimi-inari) หรือ ศาลเจ้าจิ้งจอกเป็นศาลเจ้าชินโต (Shinto) ที่มีความสำคัญแห่งหนึ่งของเมืองเกียวโต มีชื่อเสียงโด่งดังจาก ประตูโทริอิ (Torii Gate) หรือเสาประตูสีแดงที่เรียงตัวกันข้างหลังศาลเจ้าจำนวนหลายหมื่นต้นจนเป็นทางเดินได้ทั่วทั้งภูเขาอินาริ (Mt. Inari) ที่ผู้คนเชื่อกันว่าเป็นภูเขาศักสิทธ์ โดย เทพอินาริ (หรือ พระแม่โพสพ ตามความเชื่อของไทย) จะเป็นตัวแทนของความอุดมสมบูรณ์ การเก็บเกี่ยวข้าว รวมไปถึงพืชผลไร่นาต่างๆ และมักจะมีจิ้งจอกเป็นสัตว์คู่กาย (บ้างก็ว่าท่านชอบแปลงร่างเป็นจิ้งจอก) จึงสามารถพบเห็นรูปปั้นจิ้งจอกมากมายด้วยเช่นกัน ศาลเจ้าแห่งนี้มีความเก่าแก่มากถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ก่อนสร้างเมืองเกียวโตซะอีก คาดกันว่าจะเป็นช่วงประมาณปีค.ศ. 794 หรือกว่าพันปีมาแล้ว อีกทั้งที่แห่งนี้ยังได้เป็นส่วนหนึ่งของภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด เรื่อง MEMOIRS OF GEISHA อีกด้วย
สถานีรถไฟเกียวโต [JR KYOTO STATION] เป็นสถานีรถไฟสายหลักของเกียวโต และเป็นหนึ่งในสถานีรถไฟที่ใหญ่ที่สุดของประเทศญี่ปุ่น มีการออกแบบอาคารให้ดูสมัยใหม่ และยังเป็นแหล่งศูนย์รวมร้านค้า ร้านอาหารมากมายตั้งอยู่เรียงรายทั้งด้านในและด้านนอกสถานี แถมที่นี้ยังมีศูนย์การค้า Porta ขนาดใหญ่ให้ได้ช้อปปิ้งกันอีกด้วย
อิสระรับประทานอาหารค่ำตามอัธยาศัย ณ แหล่งช้อปปิ้ง
ที่พัก
นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก KYOTO HOTEL หรือเทียบเท่า
วันที่ 3 ทะเลสาบ บิวะ – ศาลเจ้าชิราฮิเงะ – ถนนต้นสน Metasequoia Namiki – ช้อปปิ้ง MITSUI OUTLET JAZZ DREAM – อาหาร (เช้า/กลางวัน/-)
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
ทะเลสาบบิวะ (Lake Biwa) หรือ “บิวะโกะ” (Biwa-Ko) ทะเลสาบน้ำจืดตั้งอยู่ในจังหวัดชิงะ บนเกาะฮอนชู หากเคยอ่านวรรณกรรมโบราณหลายเรื่องของญี่ปุ่นก็จะพบกับชื่อของทะเลสาบบิหวะนี้อยู่บ่อยครั้งเนื่องจากสถานที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากเมืองเกียวโตซึ่งเป็นอดีตเมืองหลวงของญี่ปุ่น วรรณกรรมในสมัยนั้นจึงใช้ทะเลสาบบิวะเป็นเป็นฉากประกอบซะส่วนมาก และ ทะเลสาบนี้ยังเป็นศูนย์รวมของแม่น้ำหลายสายที่ไหลมาบรรจบกันจนกลายเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ครอบคลุมพื้นที่ราว 670 ตารางกิโลเมตร ชื่อเดิมของทะเลสาบคือ “โอมิ” (Omi) แต่มาเปลี่ยนเป็น บิหวะโกะในสมัยเอโดะ และจากข้อมูลของนักวิทยาศาสตร์สรุปได้ว่าทะเลสาบบิหวะมีอายุเก่าแก่เป็นอันดับ 3 ของโลกเลยทีเดียว
ศาลเจ้าชิระฮิเงะ (Shirahige Shrine) เป็นศาลเจ้าที่ปัจจุบันได้รับความสนใจจากผู้คนจำนวนมากในฐานะจุดเสริมดวงชะตา ตั้งอยู่ในเมืองทะคะชิมะ (Takashima City) ทางฝั่งตะวันตกของทะเลสาบบิวะ สร้างขึ้นเมื่อราว 1,900 ปีก่อน และเป็นศาลเจ้าที่มีประวัติศาสตร์เก่าแก่ยาวนานที่สุดในจังหวัดชิงะ (Shiga) เชื่อกันว่าศาลเจ้าแห่งนี้เป็นที่สถิตย์ของเทพเจ้าที่ให้พรเพื่อให้มีอายุยืนยาว มี เสาโทริอิ สีแดงซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของศาลเจ้ายืนตระหง่านอยู่กลางทะเลสาบ เป็นภาพภูมิทัศน์ที่งดงามราวภาพวาด
กลางวัน
บริการอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหาร
ถนนต้นสน Metasequoia Namiki ถนนที่เส้นตรงที่ปกคลุมไปด้วยต้นสนพันธุ์ Metasequoia หรือเรียกอีกชื่อว่า ต้นเมต้า ตั้งอยู่ชานทะคะชิมะ (Takashima City) สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นเมต้าจำนวนกว่า 500 ต้น แต่ละต้นปลูกเรียงรายอย่างเป็นระเบียบทั้งสองข้างทาง บางช่วงกิ่งก้านของต้นเมต้าจะโน้มเข้าหากัน ราวกับเป็นอุโมงค์ต้นไม้เป็นวิวที่น่าตื่นตาตื่นใจ ความงามของถนนทิวสนนี้สามารถชมได้ทุกฤดู คือในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนทิวสนจะเขียวชอุ่มเป็นพุ่มสวยงาม ส่วนช่วงฤดูใบไม้ร่วงคือประมาณกลางเดือนพฤศจิกายนเป็นช่วงที่ต้นเมต้าผลัดใบเป็นสีส้มเหลือง ส่วนในฤดูหนาวกิ่งก้านของต้นเมต้าจะถูกปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลน เป็นทัศนียภาพที่งดงามหายากในญี่ปุ่น
MITSUI OUTLET JAZZ DREAM NAGASHIMA ให้ท่านอิสระเพลิดเพลินกับการช้อปปิ้งร้านค้าแบรนด์เนมชั้นนำและร้านอาหารญี่ปุ่นและอาหารนานาชาติกว่า 240 ร้านเลยทีเดียว ที่นี่ถือเอ้าท์เลตที่มีขนาดใหญ่อีกแห่งหนึ่งในญี่ปุ่นมีความมีความใหญ่ประมาณ 39,000 ตารางเมตร และถูกออกแบบให้มีลักษณะคล้ายกับเมืองนิวออร์ลีนส์ซึ่งเป็นเมืองท่าทางตะวันตกของอเมริกาอีกด้วย
ค่ำ
บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
ที่พัก
นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก GUJO HACHIMAN ONSEN หรือเทียบเท่า หลังอาหารค่ำ ให้ท่านได้ผ่อนคลายกับการแช่น้ำจากแร่ธรรมชาติสไตล์ญี่ปุ่น
วันที่ 4 เมืองกุโจฮาจิมัง – พิพิธภัณฑ์กุโจฮะจิมัง – ชมการสาธิตระบำพื้นเมือง – ร้านมีด Hamono-ya Sansu – หมู่บ อาหาร (เช้า/กลางวัน/-)
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
เมืองกุโจฮาจิมัง เมืองที่หลงเหลือบรรยากาศแบบย้อนยุคสมัยอดีต กุโจฮาจิมังมีรางน้ำจำนวนมากจนถูกเรียกว่าเป็นเมืองแห่งสายน้ำ ซึ่งจะได้ยินเสียงน้ำไหลสะท้อนไปทั่วทั้งตัวเมือง ด้วยบรรยากาศที่ทำให้หวนนึกถึงอดีตนั้น ทำให้ทั้งเมืองเสมือนกับเป็นอีกโลกหนึ่งก็ว่าได้ เพียงแค่เดินในเมืองแห่งนี้ ก็จะสามารถสัมผัสบรรยากาศราวกับย้อนเวลาไปอดีตได้อย่างแน่นอน
พิพิธภัณฑ์กุโจฮะจิมัง ฮาคุรันคัง ที่รวบรวมเสน่ห์ของเมืองกุโจฮะจิมังเอาไว้ นักท่องเที่ยวสามารถเรียนรู้วิธีการร่ายรำกุโจโอโดริ ซึ่งเป็นการร่ายรำประจำเมืองที่ในทุกช่วงฤดูร้อนจะมีการจัดเทศกาลการร่ายรำสุดยิ่งใหญ่ 1 ใน 3 ของญี่ปุ่นขึ้น โดยจะจัดต่อเนื่องกันถึง 33 คืน ตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคมถึงต้นเดือนกันยายน นอกจากนี้ยังมีโซนเรียนรู้ประวัติศาสตร์และการร่ายรำจากผู้รู้อย่างใกล้ชิด รวมถึงจุดจำหน่ายขนมและของฝากประจำเมืองกุโจอีกด้วย พร้อมโขว์การสาธิตระบำพื้นเมือง Odori Dance คือการเต้นรำชนิดหนึ่งของญี่ปุ่น ผู้แสดงจะแต่งกายสีสันสดใสมาร่วมเต้นรำ เครื่องดนตรีประกอบไปด้วย ชามิเซ็ง, กลองไทโกะ และขลุ่ย ธีมหลักของงานก็คือการบ้าไปด้วยกัน หรือ อาจจะมีชื่อเรียกอีกอย่างว่างานเต้นของคนบ้านั้นเอง
ร้านมีด Hamono-ya Sansu เป็นร้านที่เครื่องมีดต้นตำหรับของเมืองเซกิ ซึ่งมีประวัติยาวนานกว่า 75 ปี สถานที่ที่ผลิตมีดได้คมสุด ๆ อีกทั้งยังเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงเรื่องการตีดาบญี่ปุ่นอย่างดาบเซกิ สำหรับที่ร้านซันชูนี้มีเครื่องใช้ของมีคมต่าง ๆ มากมายกว่า 3,000 ชิ้น ไม่ว่าจะเป็นมีดหรือกรรไกรตัดแต่งกิ่งและสวน กรรไกรตัดเล็บ กรรไกรหลากขนาด หรือมีดสำหรับทำครัวหลากหลายรูปแบบที่ช่วยให้การเตรียมวัตถุดิบของคุณง่ายยิ่งขึ้ นอกจากนี้ยังมีดาบญี่ปุ่น ขนมและเครื่องดื่มเย็น ๆ จำหน่ายอีกด้วย พร้อมทั้งสามารถชมสุดยอดการแสดงดาบของวิชาอิไอกิริ ได้แบบใกล้ๆ ด้วยการใช้ดาบซามูไรฟันฉับเดียวต้นไผ่ขาดเป็น 2 ท่อน!!
กลางวัน
บริการอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหาร
หมู่บ้านมรดกโลกชิราคาวาโกะ ที่ยังคงอนุรักษ์บ้านสไตล์ญี่ปุ่นขนานแท้ดั้งเดิม และยังได้รับเลือกจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก ในเดือนธันวาคม 1995 โครงสร้างของบ้านสามารถรองรับหิมะที่ตกหนักในช่วงฤดูหนาวได้ดี และรูปร่างของหลังคาเหมือนกับสองมือพนมของพระเจ้า จึงเรียกหมู่บ้านสไตล์นี้ว่า “กัสโช” และมีผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกหลั่งไหลไปชมความงามในแต่ละปีไม่ต่ำกว่า 680,000 คน เลยทีเดียว
ค่ำ
บริการอาหารค่ำ ณ ร้านอาหาร
ที่พัก
นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก TAKAYAMA HOTEL หรือเทียบเท่า
วันที่ 5 ทะเลสาบคาวากูจิโกะ – กิจกรรมชงชา – ภูเขาไฟฟูจิ ชั้น 5 (ตามสภาพอากาศ) – โตเกียว – ช้อปปิ้งชินจูกุ
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
ทะเลสาบคาวากูจิโกะ (Kawaguchiko) ที่เป็นหนึ่งในห้าทะเลสาบล้อมรอบภูเขาไฟฟูจิ ซึ่งทะเลสาบแห่งนี้เป็นที่นิยมสำหรับนักท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็นคนญี่ปุ่นหรือต่างชาติก็ตามมักจะมาหาที่พักผ่อนในบริเวณนี้มากกว่าทะเลสาบที่เหลืออีกสี่แห่ง ดังนั้นรอบๆ บริเวณนี้จึงเต็มไปด้วยโรงแรม, ร้านอาหาร, และร้านขายของที่ระลึกมากมาย
สัมผัสวัฒนธรรมดั้งเดิมของชาวญี่ปุ่น นั่นก็คือ การเรียนพิธีชงชาญี่ปุ่น (Sado) โดยการชงชาตามแบบญี่ปุ่นนั้น มีขั้นตอนมากมาย เริ่มตั้งแต่การชงชา การจับถ้วยชา และการดื่มชา ทุกขั้นตอนนั้นล้วนมีขั้นตอนที่มีรายละเอียดที่ประณีตและสวยงามเป็นอย่างมาก และท่านยังมีโอกาสได้ลองชงชาด้วยตัวท่านเองอีกด้วย ซึ่งก่อนกลับให้ท่านอิสระเลือกซื้อของที่ฝากของที่ระลึกตามอัธยาศัย
กลางวัน
บริการอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหาร
ภูเขาไฟฟูจิ (Mt.Fuji) ที่ตั้งตระหง่านอยู่เหนือเกาะญี่ปุ่นด้วยความสูง3,776เมตร จากระดับน้ำทะเล นำท่านขึ้นชมความงามกันแบบใกล้ชิดยังบริเวณ “ชั้น 5” ของภูเขาไฟฟูจิ (ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศ) เพื่อชมทัศนียภาพโดยรอบของภูเขาไฟที่ สามารถมองเห็นทะเลสาบทั้งห้ากระจายอยู่โดยรอบ ให้ท่านได้สัมผัสอากาศอันบริสุทธิ์บนยอดเขาฟูจิ ถ่ายภาพที่ระลึกกับภูเขาไฟที่ได้ชื่อว่ามีสัดส่วนสวยงามที่สุดในโลก ซึ่งเป็นภูเขาไฟที่ยังดับไม่สนิท และมีความสูงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น
เมืองโตเกียว (Tokyo) นำท่านช้อปปิ้งที่ ย่านชินจูกุ (Shinjuku) แหล่งบันเทิงและแหล่งช้อปปิ้งขนาดใหญ่ใจกลางเมืองหลวงโตเกียว เป็นศูนย์รวมแฟชั่นเก๋ๆ เท่ห์ๆ ของเหล่าบรรดาแฟชั่นนิสต้า มีสถานีรถไฟชินจูกุที่เป็นเหมือนศูนย์กลางของของย่านนี้ ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานีที่คึกคักที่สุดในญี่ปุ่น ในแต่ละวันมีผู้คนจำนวนมากถึง 2.5 ล้านคนที่ใช้บริการสถานีแห่งนี้ ทางด้านตะวันตกย่านนี้ที่เต็มไปด้วยตึกระฟ้าหลายอาคาร มีทั้งโรงแรมชั้นนำ และในส่วนทางด้านตะวันออกนั้นคือ คาบูกิโจ (Kabuki-jo) เป็นย่านที่เต็มไปด้วยห้างสรรพสินค้า, ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่อย่าง Big Camera และย่านบันเทิงยามราตรีที่มีร้านอาหารเยอะแยะมากมาย เช่นร้านอิซากายะ (Izakaya)
อิสระรับประทานอาหารค่ำตามอัธยาศัย ณ แหล่งช้อปปิ้ง
วันที่ 6 สวนฮิตาชิ ซีไซด์ พาร์ค – ทุ่งดอกโคเคีย [ตามสภาพอากาศ] – ชิบูย่า – โอไดบะ - ไดเวอร์ซิตี้ – อควาซิตี้
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
สวนฮิตาชิ ซีไซค์ พาร์ค (Hitachi Seaside Park) ตั้งอยู่ใน เมืองฮิตาชินากะ ในจังหวัดอิบารากิ เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่มีเนื้อที่กว้าง 1,187.5 ไร่ ที่นี่เป็นสวรรค์ของคนรักดอกไม้เพราะเต็มไปด้วยไม้ดอกนานาชนิดที่จะหมุนเวียนเปลี่ยนกันบานให้นักเที่ยวได้ชมตลอดทั้งปี ชมทุ่งดอกโคเชีย [ตามสภาพอากาศ] เป็นไม้พุ่มที่จะเปลี่ยนสี 3 ฤดู โดยช่วงแรกจะเป็นสีเขียวในช่วงหน้าร้อนประมาณเดือนกรกฏาคม หลังจากนั้นจะเปลี่ยนเป็นสีแดงในช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วง และจากแดงเป็นเหลืองน้ำตาลในช่วงฤดูใบไม้ร่วงประมาณเดือนกันยายน – เดือนตุลาคม ด้วยบรรยากาศที่แตกต่างกัน กลายเป็นสิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวชมทั้งสองฤดูกาล
ย่านชิบูย่า (Shibuya) แหล่งช้อปปิ้งสตรีทที่ยิ่งใหญ่สุดๆในโตเกียว รายล้อมไปด้วยห้างฯต่างๆและร้านค้าอีกนับพัน ซึ่งมีห้างฯ SHIBUYA 109 ที่รวบรวมร้านค้าแฟชั่นไว้มากมายรวมทั้งมีรูปปั้น “ฮาจิโกะ” หรือเจ้าหมาแสนซื่อสัตย์ฮาจิ ที่เฝ้ารอคอยเจ้านายหน้าสถานีชิบูย่า ตราบจนวันตายของมัน
อิสระรับประทานอาหารกลางวันตามอัธยาศัย ณ แหล่งช้อปปิ้ง
ไดเวอร์ ซิตี้ โอไดบะ (Diver city Odaiba) ย่านเมืองใหม่ที่เกิดจากการถมทะเลขึ้นมาเป็นเกาะ ให้ท่านได้ช้อปปิ้งสินค้าหลากหลายชนิดที่ห้างไดเวอร์ซิตี้ ซึ่งภายในมีร้านค้า ร้านอาหาร และแหล่งบันเทิงมากมาย และให้ท่านถ่ายรูปกับกันดั้มตัวใหม่ RX-0 Unicorn รวมถึงห้างสรรพสินค้าอควาซิตี้ ห้างดังของย่านนี้ที่ไม่ควรพลาด เพราะทั้งร้านค้าไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าต่างๆ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ และโรงภาพยนตร์ที่มีถึง 13 โรงด้วยกัน จุดเด่นของที่นี่อยู่ที่ชั้น 5 เป็น ราเม็ง ฟู๊ด ทีมพาร์ค รวบรวมราเม็งชนิดต่างๆจากทั่วประเทศญี่ปุ่นมาไว้ที่นี่ สำคัญด้านหน้าของห้างสรรพสินค้าสามารถมองเห็นสะพานสายรุ้งได้อย่างชัดเจน
อิสระรับประทานอาหารค่ำตามอัธยาศัย ณ แหล่งช้อปปิ้ง
สมควรแก่เวลาเดินทางนำท่านเดินทางสู่สนามบินฮาเนดะ
วันที่ 7 กรุงเทพฯ (สนามบินสุวรรรภูมิ) (TG661 00.20-05.25)
00.20 น.
ออกเดินทางสู่ กรุงเทพฯ โดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG677 สายการบินมีบริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง
05.25 น.
เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจ