โปรแกรม 6 วัน 5 คืน : เดินทางโดยสายการบินSichuan Airlines
วันที่ 1 กรุงเทพฯ(สนามบินสุวรรณภูมิ)-เฉิงตู(สนามบินเฉิงตูซวงหลิว) (3U8146 : 19.05-23.10)
16.00 น.
พร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ ประตู 3 เคาน์เตอร์ E หรือ ประตู 4 เค้าน์เตอร์ G สายการบินเสฉวน แอร์ไลน์ (3U) โดยมีเจ้าหน้าที่ คอยให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวกตรวจเช็คสัมภาระและเอกสารการเดินทางให้กับทุกท่าน
19.05 น.
ออกเดินทางสู่เมืองเฉิงตู(สนามบินซวงหลิว) โดยเที่ยวบินที่ 3U8146
23.10 น.
เดินทางถึง เมืองเฉิงตู (สนามบินซงหลิว) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของมณฑลเสฉวนตั้งอยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำหมินใจกลางมณฑล มีภูมิประเทศรายรอบไปด้วยเทือกเขา และมีสภาพภูมิอากาศที่เหมาะสมต่อการ ประกอบอาชีพเกษตรกรรม โดยมีฤดูร้อนที่อบอุ่น ฤดูหนาวที่ไม่หนาวนักและมีปริมาณความชื้นสูง ประชากรเมืองเฉิงตูมีราว 10 ล้านคน จัดเป็นอันดับ 3 ของประเทศจีน ในปัจจุบันเป็นทั้งศูนย์กลางด้านการเมือง การทหาร และด้านการศึกษาของภูมิภาคตะวันตกเฉียงใต้
ที่พัก
HANGKONG HOTEL OR SAME 3*
(โรงแรมใกล้สนามบิน เพื่อความสะดวกในการต่อไฟล์ท)
พร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ ประตู 3 เคาน์เตอร์ E หรือ ประตู 4 เค้าน์เตอร์ G สายการบินเสฉวน แอร์ไลน์ (3U) โดยมีเจ้าหน้าที่ คอยให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวกตรวจเช็คสัมภาระและเอกสารการเดินทางให้กับทุกท่าน
19.05 น.
ออกเดินทางสู่เมืองเฉิงตู(สนามบินซวงหลิว) โดยเที่ยวบินที่ 3U8146
23.10 น.
เดินทางถึง เมืองเฉิงตู (สนามบินซงหลิว) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของมณฑลเสฉวนตั้งอยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำหมินใจกลางมณฑล มีภูมิประเทศรายรอบไปด้วยเทือกเขา และมีสภาพภูมิอากาศที่เหมาะสมต่อการ ประกอบอาชีพเกษตรกรรม โดยมีฤดูร้อนที่อบอุ่น ฤดูหนาวที่ไม่หนาวนักและมีปริมาณความชื้นสูง ประชากรเมืองเฉิงตูมีราว 10 ล้านคน จัดเป็นอันดับ 3 ของประเทศจีน ในปัจจุบันเป็นทั้งศูนย์กลางด้านการเมือง การทหาร และด้านการศึกษาของภูมิภาคตะวันตกเฉียงใต้
ที่พัก
HANGKONG HOTEL OR SAME 3*
(โรงแรมใกล้สนามบิน เพื่อความสะดวกในการต่อไฟล์ท)
วันที่ 2 เฉิงตู-ลาซา(สนามบินลาซากุงการ์)-พระราชวังโหลวปูหลินคา(3U8697 : 08.35-11.05)
08.35 น.
ออกเดินทางสู่เมืองลาซา (สนามบินลาซากุงการ์) โดยสายการบิน Sichuan Airlines โดยเที่ยวบินที่ 3U8697
(มีอาหารเสิร์ฟบนเครื่อง) (เที่ยวบินภายในประเทศอาจมีการเปลี่ยนแปลงเที่ยวบินและเวลาบิน)
11.05 น.
เดินทางถึง เมืองลาซา (สนามบินลาซากุงการ์) เมืองหลวงของเขตปกครองตนเองทิเบต เมืองศักดิ์สิทธิ์และลึกลับของโลก จุดศูนย์กลางจิตวิญาณของชาวพุทธ อยู่สูงเหนือระดับน้ำทะเล 3,650 เมตร เป็นดินแดนที่ราบสูง ที่ได้รับสมญานามว่า “หลังคาโลก” เมืองลาซาแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ ลาซาเก่า และลาซาใหม่ โดยแบ่งตามลักษณะของเชื้อชาติพลเมือง สถาปัตยกรรม และวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ซึ่งนับว่าเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของเมืองลาซา
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำท่านชม พระราชวังโหลวปูหลินคา ซึ่งเป็นพระราชวังฤดูร้อน คู่กับ พระราชวังฤดูหนาวโปตาลา หรืออีกชื่อเรียกว่า นอร์บูหลิงฆา มีความหมายว่าว่า สวนอัญมณี สร้างขึ้นในช่วงหลังศตวรรษที่ 18 (ตรงกับปี พ.ศ. 2298 ก่อนกรุงศรีอยุธยาจะแตก 12 ปี) โดยดาไลลามะที่ 7 สมัยต่อๆ มา ดะไลลามะองค์อื่นๆ ได้สร้างต่อเติมส่วนของตนเองขึ้นมาเรื่อย ๆ แม้แต่ดาไล ลามะ องค์ที่ 14 ก็ยังได้ต่อเติมพระราชวังของตนเองก่อนที่จะหนีออกจากทิเบต ในบริเวณโถงรับรองมีบัลลังก์เทวราช และงานจิตรกรรมฝาผนังเกี่ยวกับประสบการณชีวิตในแง่มุมต่าง ๆ โดยมีกรอบเป็นภาพเขียนพุทธชาด นำท่านเดินทางสู่โรงแรมที่พัก ให้ท่านพักผ่อนเพื่อมปรับสภาพร่างกาย เนื่องจากเมืองลาซาเป็นเมืองที่อยู่ที่ราบสูง ระยะแรกบางท่านอาจจะมีอาการอ่อนเพลีย ปวดหัว หรืออาเจียน
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
ที่พัก
THANGKA HOTEL OR SAME 4*
คืนนี้ขอให้ท่านพักผ่อนให้เต็มที่เพื่อปรับสภาพร่างกาย ลาซา เป็นเมืองที่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลมาก จึงมีแรงกดอากาศต่ำ มีออกซิเจนน้อย ร่างกายระยะแรกอาจมีอาการอ่อนเพลีย บางท่านอาจจะปวดศีรษะ หรือท้องเสีย ท้องอืด หรือคลื่นไส้ อาเจียน จึงควรนอนพักผ่อนให้มากพอ เมื่อตื่นขึ้นมาจะได้สดชื่น สำคัญ ไม่ควรสูบบุหรี่และดื่มสุรา ไม่ควรอาบน้ำในคืนนี้ ถ้าอาบน้ำ อย่าให้นานเกิน 5-10 นาที
ออกเดินทางสู่เมืองลาซา (สนามบินลาซากุงการ์) โดยสายการบิน Sichuan Airlines โดยเที่ยวบินที่ 3U8697
(มีอาหารเสิร์ฟบนเครื่อง) (เที่ยวบินภายในประเทศอาจมีการเปลี่ยนแปลงเที่ยวบินและเวลาบิน)
11.05 น.
เดินทางถึง เมืองลาซา (สนามบินลาซากุงการ์) เมืองหลวงของเขตปกครองตนเองทิเบต เมืองศักดิ์สิทธิ์และลึกลับของโลก จุดศูนย์กลางจิตวิญาณของชาวพุทธ อยู่สูงเหนือระดับน้ำทะเล 3,650 เมตร เป็นดินแดนที่ราบสูง ที่ได้รับสมญานามว่า “หลังคาโลก” เมืองลาซาแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ ลาซาเก่า และลาซาใหม่ โดยแบ่งตามลักษณะของเชื้อชาติพลเมือง สถาปัตยกรรม และวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ซึ่งนับว่าเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของเมืองลาซา
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำท่านชม พระราชวังโหลวปูหลินคา ซึ่งเป็นพระราชวังฤดูร้อน คู่กับ พระราชวังฤดูหนาวโปตาลา หรืออีกชื่อเรียกว่า นอร์บูหลิงฆา มีความหมายว่าว่า สวนอัญมณี สร้างขึ้นในช่วงหลังศตวรรษที่ 18 (ตรงกับปี พ.ศ. 2298 ก่อนกรุงศรีอยุธยาจะแตก 12 ปี) โดยดาไลลามะที่ 7 สมัยต่อๆ มา ดะไลลามะองค์อื่นๆ ได้สร้างต่อเติมส่วนของตนเองขึ้นมาเรื่อย ๆ แม้แต่ดาไล ลามะ องค์ที่ 14 ก็ยังได้ต่อเติมพระราชวังของตนเองก่อนที่จะหนีออกจากทิเบต ในบริเวณโถงรับรองมีบัลลังก์เทวราช และงานจิตรกรรมฝาผนังเกี่ยวกับประสบการณชีวิตในแง่มุมต่าง ๆ โดยมีกรอบเป็นภาพเขียนพุทธชาด นำท่านเดินทางสู่โรงแรมที่พัก ให้ท่านพักผ่อนเพื่อมปรับสภาพร่างกาย เนื่องจากเมืองลาซาเป็นเมืองที่อยู่ที่ราบสูง ระยะแรกบางท่านอาจจะมีอาการอ่อนเพลีย ปวดหัว หรืออาเจียน
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
ที่พัก
THANGKA HOTEL OR SAME 4*
คืนนี้ขอให้ท่านพักผ่อนให้เต็มที่เพื่อปรับสภาพร่างกาย ลาซา เป็นเมืองที่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลมาก จึงมีแรงกดอากาศต่ำ มีออกซิเจนน้อย ร่างกายระยะแรกอาจมีอาการอ่อนเพลีย บางท่านอาจจะปวดศีรษะ หรือท้องเสีย ท้องอืด หรือคลื่นไส้ อาเจียน จึงควรนอนพักผ่อนให้มากพอ เมื่อตื่นขึ้นมาจะได้สดชื่น สำคัญ ไม่ควรสูบบุหรี่และดื่มสุรา ไม่ควรอาบน้ำในคืนนี้ ถ้าอาบน้ำ อย่าให้นานเกิน 5-10 นาที
วันที่ 3 พระราชวังโปตาลา-วัดโจคัง-ตลาดบาร์ฆอร์-อารามเซรา
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านชม พระราชวังโปตาลา ตั้งอยู่บนยอดเขาแดงซึ่งมี ความสูงประมาณ 117 เมตร พระราชวังโปตาลา เป็นอาคารสูง 13 ชั้น ยาว 400 เมตร กว้าง 350 เมตร มีห้องต่างๆ เกือบ 1,000 ห้องเริ่มสร้างเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 7 โดยกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่ได้รวบรวมทิเบต ให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้สำเร็จ คือ กษัตริย์ ซงจ้าน กัมโป (Songtsen Gampo) แรกเริ่มต้องการเพียงจะสร้างเป็นตำหนักให้แก่ มเหสีชาวจีนและชาวเนปาลของพระองค์เอง ต่อมาทรงใช้ป้อมแห่งนี้เป็นสถานที่ในการศึกษาพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้าจวบจนกระทั่งสมัยเปลี่ยนการปกครองเป็นพระลามะ เป็นผู้ปกครองประเทศ ปัจจุบันนี้ส่วนก่อสร้างเดิม 2 หลังนี้ยังคงเหลือให้เห็นอยู่ท่ามกลางสิ่งก่อสร้างใหม่ที่ต่อเติมในยุคหลัง อาคารที่ต่อเติมในช่วงหลังนี้ส่วนหลักๆ สร้างในสมัยของดาไล ลามะ ที่ 5 ประมาณ ปี ค.ศ. 1645-1693 (องค์ดาไลลามะ องค์ปัจจุบันคือ องค์ที่14) เพื่อให้เป็นพระราชวัง ฤดูหนาว พระราชวังโปตาลา แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนของพระราชวังสีขาว, สีแดงและส่วนเชื่อมที่เป็นสีเหลือง พระราชวังสีขาวเป็นส่วนของสังฆาวาส พระราชวังสีแดงเป็นส่วนพุทธาวาสสำหรับใช้ทำกิจของสงฆ์และบรรจุ พระศพขององค์ดาไลลามะ (ดาไล ลามะองค์ที่ 5,7,8,9,10,11, 12 และ 13) และห้องสมุดที่ใช้สำหรับเก็บพระไตรปิฎก
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำท่านชม วัดโจคัง (Jokhang Temple) หรือ วัดต้าเจาซื่อ เป็นวัดที่ถือว่าเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวธิเบตทั้งมวลเพราะเมื่อมีพิธีถือศีลกัน นักบวชนับล้านก็จะเดินทางมาร่วมกันทำพิธีที่นี่สร้างในสมัยของกษัตริย์ซงจ้าน กัมโปเช่นกัน เพื่อไว้เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปที่มเหสีชาวต่างชาติสององค์ของพระองค์ คือ ชาติจีนและเนปาลนำเข้ามายังธิเบต ศิลปะการก่อสร้างมีจุดเด่นตรงที่นำเอาศิลปะของ 4 ชาติมาผสมกันคือ ทิเบต จีน เนปาลและแคชเมียร์ มีตำนานเล่ากันว่าก่อนที่กษัตริย์ชงเซินกัมโปจะสร้างวัดต้าเจาซื่อได้อธิษฐานว่าพระองค์จะโยนแหวนขึ้นไปบนอากาศหากแหวนนั้นตกลงที่ใดก็จะสร้างวัดลงตรงนั้นปรากฏว่าแหวนลอยลงไปตกในสระน้ำกระทบกับหินที่โผล่ขึ้นมา ทันใดนั้นเองนิมิตของสถูปก็ปรากฏให้แก่คนทั่วไปได้เห็นจึงนับว่าเป็นนิมิตรที่ดีกษัตริย์ซงจ้าน กัมโป ก็เลยสั่งให้สร้างวัดลงตรงนั้นเอง ภายในวัดมีสิ่งสำคัญอยู่หลายสิ่งเป็นสิ่งที่เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์และความเชื่อถือในเรื่องไสยศาสตร์ เช่น รูปปั้นอนุสาวรีย์เป็นยา 2 เม็ดที่สร้างเมื่อ 200 ปีก่อน บอกวิธีการรักษาโรคฝีดาษที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตแต่ปรากฏว่ารูปปั้นนี้ถูกผู้คนแอบแกะไปกินเพื่อรักษาโรคเสียแล้ว นอกจากนี้ยังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปที่พระนางเหวินเฉิง นำมาจากประเทศจีนเมื่อ 1,300 ปีก่อน ซึ่งได้รับการกราบไหว้และยอมรับกันอย่างมากว่าศักดิ์สิทธิ์ที่สุด แม้แต่พวกขบวนการเรดการ์ดหรือกองทัพแดงที่ทำลายทุกอย่างตอนที่มีการปฏิวัติวัฒนธรรมจีนในประเทศจีนยังไม่กล้าแตะต้องพระพุทธรูปองค์นี้เลย นำท่านเดินชม ตลาดบาร์ฆอร์ หรือเรียกว่า ตลาดแปดเหลี่ยมธิเบต ที่ตั้งล้อมรอบวัดต้าเจาซื่อ และชมวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวธิเบต นำท่านชม อารามเซรา ภาษาจีนเรียกว่า เซอราซื่อ ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาตาติปูและสร้างขึ้นบนพื้นที่ซึ่งเคยเป็นที่ตั้งของกระท่อมที่พระชองฆาปา ศึกษาธรรมะปฎิบัติกรรมฐาน สร้างโดยศิษย์รูปหนึ่งของชองฆาปา (Tsong Khapa) เมื่อปี ค.ศ. 1419 โดยพระนิกายหมวกเหลือง ลูกศิษย์ของพระสังกัปปะ (ชองฆาปา มีอายุอยู่ระหว่างปี ค.ศ. 1357-1416 เป็นผู้ก่อตั้งพุทธศาสนา นิกายคุณธรรม หรือ นิกายหมวกเหลือง ตามประวัติเล่ากันว่า ชองฆาปา ก็คือพระอาจารย์ขององค์ ดาไลลามะที่ 1) อารามแห่งนี้เคยมีพระจำวัดอยู่ถึงเกือบ 5,000 รูป เป็นอารามที่รู้จักกันดีทั่วทิเบต ปัจจุบันมีพระจำวัดอยู่ประมาณ 300 รูป เป็นวัดที่ใหญ่อันดับ 2 รองจากวัดเดรปุง มีพระอยู่ประจำมากกว่า 6000 รูป นอกจากนี้อารามเซรา ยังเป็นที่เก็บสมบัติทางพุทธศาสนา เช่น พระพุทธรูปที่ทำจากอัญมณีและหล่อจากทองเหลือง พระคัมภีร์ที่เขียนด้วยหมึกสีทอง ทั้งที่เป็นศิลปะแบบทิเบตและศิลปะแบบอินเดีย และยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งก็คือ จะมีพระสงฆ์ปุจฉา วิสัชนาหลักธรรม
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
ที่พัก
THANGKA HOTEL OR SAME 4*
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านชม พระราชวังโปตาลา ตั้งอยู่บนยอดเขาแดงซึ่งมี ความสูงประมาณ 117 เมตร พระราชวังโปตาลา เป็นอาคารสูง 13 ชั้น ยาว 400 เมตร กว้าง 350 เมตร มีห้องต่างๆ เกือบ 1,000 ห้องเริ่มสร้างเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 7 โดยกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่ได้รวบรวมทิเบต ให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้สำเร็จ คือ กษัตริย์ ซงจ้าน กัมโป (Songtsen Gampo) แรกเริ่มต้องการเพียงจะสร้างเป็นตำหนักให้แก่ มเหสีชาวจีนและชาวเนปาลของพระองค์เอง ต่อมาทรงใช้ป้อมแห่งนี้เป็นสถานที่ในการศึกษาพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้าจวบจนกระทั่งสมัยเปลี่ยนการปกครองเป็นพระลามะ เป็นผู้ปกครองประเทศ ปัจจุบันนี้ส่วนก่อสร้างเดิม 2 หลังนี้ยังคงเหลือให้เห็นอยู่ท่ามกลางสิ่งก่อสร้างใหม่ที่ต่อเติมในยุคหลัง อาคารที่ต่อเติมในช่วงหลังนี้ส่วนหลักๆ สร้างในสมัยของดาไล ลามะ ที่ 5 ประมาณ ปี ค.ศ. 1645-1693 (องค์ดาไลลามะ องค์ปัจจุบันคือ องค์ที่14) เพื่อให้เป็นพระราชวัง ฤดูหนาว พระราชวังโปตาลา แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนของพระราชวังสีขาว, สีแดงและส่วนเชื่อมที่เป็นสีเหลือง พระราชวังสีขาวเป็นส่วนของสังฆาวาส พระราชวังสีแดงเป็นส่วนพุทธาวาสสำหรับใช้ทำกิจของสงฆ์และบรรจุ พระศพขององค์ดาไลลามะ (ดาไล ลามะองค์ที่ 5,7,8,9,10,11, 12 และ 13) และห้องสมุดที่ใช้สำหรับเก็บพระไตรปิฎก
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำท่านชม วัดโจคัง (Jokhang Temple) หรือ วัดต้าเจาซื่อ เป็นวัดที่ถือว่าเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวธิเบตทั้งมวลเพราะเมื่อมีพิธีถือศีลกัน นักบวชนับล้านก็จะเดินทางมาร่วมกันทำพิธีที่นี่สร้างในสมัยของกษัตริย์ซงจ้าน กัมโปเช่นกัน เพื่อไว้เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปที่มเหสีชาวต่างชาติสององค์ของพระองค์ คือ ชาติจีนและเนปาลนำเข้ามายังธิเบต ศิลปะการก่อสร้างมีจุดเด่นตรงที่นำเอาศิลปะของ 4 ชาติมาผสมกันคือ ทิเบต จีน เนปาลและแคชเมียร์ มีตำนานเล่ากันว่าก่อนที่กษัตริย์ชงเซินกัมโปจะสร้างวัดต้าเจาซื่อได้อธิษฐานว่าพระองค์จะโยนแหวนขึ้นไปบนอากาศหากแหวนนั้นตกลงที่ใดก็จะสร้างวัดลงตรงนั้นปรากฏว่าแหวนลอยลงไปตกในสระน้ำกระทบกับหินที่โผล่ขึ้นมา ทันใดนั้นเองนิมิตของสถูปก็ปรากฏให้แก่คนทั่วไปได้เห็นจึงนับว่าเป็นนิมิตรที่ดีกษัตริย์ซงจ้าน กัมโป ก็เลยสั่งให้สร้างวัดลงตรงนั้นเอง ภายในวัดมีสิ่งสำคัญอยู่หลายสิ่งเป็นสิ่งที่เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์และความเชื่อถือในเรื่องไสยศาสตร์ เช่น รูปปั้นอนุสาวรีย์เป็นยา 2 เม็ดที่สร้างเมื่อ 200 ปีก่อน บอกวิธีการรักษาโรคฝีดาษที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตแต่ปรากฏว่ารูปปั้นนี้ถูกผู้คนแอบแกะไปกินเพื่อรักษาโรคเสียแล้ว นอกจากนี้ยังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปที่พระนางเหวินเฉิง นำมาจากประเทศจีนเมื่อ 1,300 ปีก่อน ซึ่งได้รับการกราบไหว้และยอมรับกันอย่างมากว่าศักดิ์สิทธิ์ที่สุด แม้แต่พวกขบวนการเรดการ์ดหรือกองทัพแดงที่ทำลายทุกอย่างตอนที่มีการปฏิวัติวัฒนธรรมจีนในประเทศจีนยังไม่กล้าแตะต้องพระพุทธรูปองค์นี้เลย นำท่านเดินชม ตลาดบาร์ฆอร์ หรือเรียกว่า ตลาดแปดเหลี่ยมธิเบต ที่ตั้งล้อมรอบวัดต้าเจาซื่อ และชมวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวธิเบต นำท่านชม อารามเซรา ภาษาจีนเรียกว่า เซอราซื่อ ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาตาติปูและสร้างขึ้นบนพื้นที่ซึ่งเคยเป็นที่ตั้งของกระท่อมที่พระชองฆาปา ศึกษาธรรมะปฎิบัติกรรมฐาน สร้างโดยศิษย์รูปหนึ่งของชองฆาปา (Tsong Khapa) เมื่อปี ค.ศ. 1419 โดยพระนิกายหมวกเหลือง ลูกศิษย์ของพระสังกัปปะ (ชองฆาปา มีอายุอยู่ระหว่างปี ค.ศ. 1357-1416 เป็นผู้ก่อตั้งพุทธศาสนา นิกายคุณธรรม หรือ นิกายหมวกเหลือง ตามประวัติเล่ากันว่า ชองฆาปา ก็คือพระอาจารย์ขององค์ ดาไลลามะที่ 1) อารามแห่งนี้เคยมีพระจำวัดอยู่ถึงเกือบ 5,000 รูป เป็นอารามที่รู้จักกันดีทั่วทิเบต ปัจจุบันมีพระจำวัดอยู่ประมาณ 300 รูป เป็นวัดที่ใหญ่อันดับ 2 รองจากวัดเดรปุง มีพระอยู่ประจำมากกว่า 6000 รูป นอกจากนี้อารามเซรา ยังเป็นที่เก็บสมบัติทางพุทธศาสนา เช่น พระพุทธรูปที่ทำจากอัญมณีและหล่อจากทองเหลือง พระคัมภีร์ที่เขียนด้วยหมึกสีทอง ทั้งที่เป็นศิลปะแบบทิเบตและศิลปะแบบอินเดีย และยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งก็คือ จะมีพระสงฆ์ปุจฉา วิสัชนาหลักธรรม
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
ที่พัก
THANGKA HOTEL OR SAME 4*
วันที่ 4 ทะเลสาบหยางหู-ลาซา
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านเดินทางสู่ ทะเลสาบหยางหู (ใช้เวลาประมาณ 2.30 ชั่วโมง) หรือเรียกว่า หยุ๋หมู้ เป็นทะเลสาบที่มีน้ำที่ใส ดั่งเป็นอัญมณีที่มีสีฟ้า ถึงสีฟ้าอมเขียว สูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 4,441 เมตร มีพื้นที่ 638 ตารางกิโลเมตร เป็นทะเลสาบติดอันดับ 1 ใน 5 ที่ศักดิ์สิทธ์ของชาวชีจ้าง(ทิเบต) สัมผัสความสวยของน้ำที่ใส วิวทิวทัศน์ของภูเขาที่มีหิมะปกคลุม ชมทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
ได้เวลาอันสมควร นำท่านเดินทางกลับสู่ เมืองลาซา (ใช้เวลาประมาณ 2.30 ชั่วโมง)
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
ที่พัก
THANGKA HOTEL OR SAME 4*
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านเดินทางสู่ ทะเลสาบหยางหู (ใช้เวลาประมาณ 2.30 ชั่วโมง) หรือเรียกว่า หยุ๋หมู้ เป็นทะเลสาบที่มีน้ำที่ใส ดั่งเป็นอัญมณีที่มีสีฟ้า ถึงสีฟ้าอมเขียว สูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 4,441 เมตร มีพื้นที่ 638 ตารางกิโลเมตร เป็นทะเลสาบติดอันดับ 1 ใน 5 ที่ศักดิ์สิทธ์ของชาวชีจ้าง(ทิเบต) สัมผัสความสวยของน้ำที่ใส วิวทิวทัศน์ของภูเขาที่มีหิมะปกคลุม ชมทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
ได้เวลาอันสมควร นำท่านเดินทางกลับสู่ เมืองลาซา (ใช้เวลาประมาณ 2.30 ชั่วโมง)
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
ที่พัก
THANGKA HOTEL OR SAME 4*
วันที่ 5 วัดกานเดน-วัดจือปั้ง
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านสู่ วัดกานเดน วัดที่สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1409 โดยท่านสองขะปะ สร้างขึ้นเมื่อท่านมีอายุได้ 50 ปี และท่านได้พักอาศัยอยู่วัดนี้ตั้งแต่เข้าสู่สมณเพศ วัดกันเดนจัดเป็นวัดใหญ่วัดหนึ่งในทิเบต ซึ่งมีพระอาศัยอยู่มากกว่า 3,300 รูป และมีวิทยาลัยตั้งอยู่ภายในบริเวณวัดหลายแห่งด้วยกัน
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำท่านสู่ วัดจือปั้ง หรือเป็นที่รู้จัดกันในชื่อ วัดเดรปุง สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1416 โดยลูกศิษย์ของท่านสองขะปะชื่อ Jamyang Chojey ถือว่าเป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดในโลกในเวลานั้น เพราะมีพระประจำอยู่มากกว่าหนึ่งหมื่นรูป ปัจจุบันมีพระประจำอยู่ประมษร 500 รุป โดยบริเวณวัดกว้างขวางมาก ซึ่งในอดีตภายในวัดมีวิทยาลัยใหญ่ๆ ของทิเบตตั้งอยู่ถึง 4 แห่ง แต่ได้ถูกประเทศจีนทำลายหมดทุกแห่ง แต่ว่าหลังจากผู้ลี้ภัยชาวทิเบตคนหนึ่งได้มีการบูรณะขึ้นใหม่ในประเทศอินเดีย นั้น วิทยาลัย 2 แห่ง ส่วนเรื่องสถาปัตยกรรมสร้างด้วยศิลปะแกะสลักอย่างวิจิตรพิศดารงดงาม แสดงถึงความศรัทธาที่มีต่อองค์ทะไลลามะ และมีรูปเทพเจ้าประจำเพื่อบูชามากมายอยู่ภายในวัด
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
ที่พัก
THANGKA HOTEL OR SAME 4*
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านสู่ วัดกานเดน วัดที่สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1409 โดยท่านสองขะปะ สร้างขึ้นเมื่อท่านมีอายุได้ 50 ปี และท่านได้พักอาศัยอยู่วัดนี้ตั้งแต่เข้าสู่สมณเพศ วัดกันเดนจัดเป็นวัดใหญ่วัดหนึ่งในทิเบต ซึ่งมีพระอาศัยอยู่มากกว่า 3,300 รูป และมีวิทยาลัยตั้งอยู่ภายในบริเวณวัดหลายแห่งด้วยกัน
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำท่านสู่ วัดจือปั้ง หรือเป็นที่รู้จัดกันในชื่อ วัดเดรปุง สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1416 โดยลูกศิษย์ของท่านสองขะปะชื่อ Jamyang Chojey ถือว่าเป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดในโลกในเวลานั้น เพราะมีพระประจำอยู่มากกว่าหนึ่งหมื่นรูป ปัจจุบันมีพระประจำอยู่ประมษร 500 รุป โดยบริเวณวัดกว้างขวางมาก ซึ่งในอดีตภายในวัดมีวิทยาลัยใหญ่ๆ ของทิเบตตั้งอยู่ถึง 4 แห่ง แต่ได้ถูกประเทศจีนทำลายหมดทุกแห่ง แต่ว่าหลังจากผู้ลี้ภัยชาวทิเบตคนหนึ่งได้มีการบูรณะขึ้นใหม่ในประเทศอินเดีย นั้น วิทยาลัย 2 แห่ง ส่วนเรื่องสถาปัตยกรรมสร้างด้วยศิลปะแกะสลักอย่างวิจิตรพิศดารงดงาม แสดงถึงความศรัทธาที่มีต่อองค์ทะไลลามะ และมีรูปเทพเจ้าประจำเพื่อบูชามากมายอยู่ภายในวัด
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
ที่พัก
THANGKA HOTEL OR SAME 4*
วันที่ 6 ลาซา(สนามบินลาซากุงการ์)-เฉิงตู(สนามบินเฉิงตูซวงหลิว)-กรุงเทพฯ(สนามบินสุวรรณภูมิ)(3U8658 : 09.40-11.
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก หากเวลาไม่ทัน สงวนสิทธิ์จัดเป็นแบบกล่อง
ได้เวลาอันสมควร นำท่านเดินทางสู่ สนามบินลาซากุงการ์
09.40 น.
ออกเดินทางสู่ เฉิงตู(สนามบินเฉิงตูซวงหลิว) โดยเที่ยวบินที่ 3U8658
11.30 น.
เดินทางกลับถึง สนามบินเฉิงตูซวงหลิว
นำท่านผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมือง และเช็คอินรอต่อเครื่อง
14.30 น.
ออกเดินทางสู่ กรุงเทพฯ(สนามบินสุวรรณภูมิ) โดยเที่ยวบินที่ 3U8145
16.35 น.
เดินทางกลับถึง สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิ์ภาพ
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก หากเวลาไม่ทัน สงวนสิทธิ์จัดเป็นแบบกล่อง
ได้เวลาอันสมควร นำท่านเดินทางสู่ สนามบินลาซากุงการ์
09.40 น.
ออกเดินทางสู่ เฉิงตู(สนามบินเฉิงตูซวงหลิว) โดยเที่ยวบินที่ 3U8658
11.30 น.
เดินทางกลับถึง สนามบินเฉิงตูซวงหลิว
นำท่านผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมือง และเช็คอินรอต่อเครื่อง
14.30 น.
ออกเดินทางสู่ กรุงเทพฯ(สนามบินสุวรรณภูมิ) โดยเที่ยวบินที่ 3U8145
16.35 น.
เดินทางกลับถึง สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิ์ภาพ