โปรแกรม 7 วัน 4 คืน : เดินทางโดยสายการบินEmirates
วันที่ 1 กรุงเทพฯ
22.00 น.
คณะพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ ประตู 9 เคาน์เตอร์ T สายการบินเอมิเรตส์ โดยมีเจ้าหน้าที่คอยต้อนรับและอำนวยความสะดวก
คณะพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ ประตู 9 เคาน์เตอร์ T สายการบินเอมิเรตส์ โดยมีเจ้าหน้าที่คอยต้อนรับและอำนวยความสะดวก
วันที่ 2 กรุงเทพฯ – ดูไบ – ซูริค – น้ำตกไรน์ – ทิทิเซ่ – โดเนาเอส์ชินเกน
01.15 น.
ออกเดินทางสู่ดูไบ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 385
***สำหรับคณะที่ออกเดินทางตั้งแต่เดือนมิถุนายน – กรกฎาคม 2563 จะออกเดินทาง เวลา 01.35 น. และเดินทางถึงดูไบ เวลา 04.45 น.***
04.45 น.
ถึงสนามบินดูไบ รอเปลี่ยนเครื่อง
08.40 น.
ออกเดินทางสู่ซูริค โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 087
13.20 น.
เดินทางถึงสนามบินซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง) หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่เมืองชาฟฟ์เฮาเซิน (Schaffhausen) ชมน้ำตกไรน์ (RhineFall) น้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปสวยงามและตื่นตาตื่นใจ เกิดจาก แม่น้ำไรน์ทั้งสายไหลผ่านหน้าผากว้าง 150 เมตร จึงเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรป
บ่าย
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองทิทิเซ่ (Titisee) เมืองริมทะเลสาบที่ตั้งอยู่ในเขตป่าดำ (Black Forest) ให้ท่านได้อิสระชมความงามของบ้านเรือน ชมทัศนียภาพของทะเลสาบที่มีฉากหลังเป็นป่าสนอยู่บนภูเขา ที่เรียกว่า แบล็กฟอเรสต์ สถานที่อันเป็นต้นกำเนิดนาฬิกากุ๊กกู ให้ท่านได้มีโอกาสชิมเค้กแบล็กฟอเรสต์อันขึ้นชื่อ ณ เมืองต้นตำรับตามอัธยาศัย และเพลิดเพลินกับการเลือกซื้อสินค้าที่ระลึก นำท่านเดินทางสู่เมืองโดเนาเอส์ชินเกน (DONAUESCHINGEN) เมืองป่าสนในทิศตะวันตกเฉียงใต้ของรัฐ ประเทศเยอรมนี
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
ที่พัก
เดินทางเข้าสู่ที่พัก WYNDHAM DONAUESCHINGEN หรือเทียบเท่า
ออกเดินทางสู่ดูไบ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 385
***สำหรับคณะที่ออกเดินทางตั้งแต่เดือนมิถุนายน – กรกฎาคม 2563 จะออกเดินทาง เวลา 01.35 น. และเดินทางถึงดูไบ เวลา 04.45 น.***
04.45 น.
ถึงสนามบินดูไบ รอเปลี่ยนเครื่อง
08.40 น.
ออกเดินทางสู่ซูริค โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 087
13.20 น.
เดินทางถึงสนามบินซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง) หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่เมืองชาฟฟ์เฮาเซิน (Schaffhausen) ชมน้ำตกไรน์ (RhineFall) น้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปสวยงามและตื่นตาตื่นใจ เกิดจาก แม่น้ำไรน์ทั้งสายไหลผ่านหน้าผากว้าง 150 เมตร จึงเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรป
บ่าย
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองทิทิเซ่ (Titisee) เมืองริมทะเลสาบที่ตั้งอยู่ในเขตป่าดำ (Black Forest) ให้ท่านได้อิสระชมความงามของบ้านเรือน ชมทัศนียภาพของทะเลสาบที่มีฉากหลังเป็นป่าสนอยู่บนภูเขา ที่เรียกว่า แบล็กฟอเรสต์ สถานที่อันเป็นต้นกำเนิดนาฬิกากุ๊กกู ให้ท่านได้มีโอกาสชิมเค้กแบล็กฟอเรสต์อันขึ้นชื่อ ณ เมืองต้นตำรับตามอัธยาศัย และเพลิดเพลินกับการเลือกซื้อสินค้าที่ระลึก นำท่านเดินทางสู่เมืองโดเนาเอส์ชินเกน (DONAUESCHINGEN) เมืองป่าสนในทิศตะวันตกเฉียงใต้ของรัฐ ประเทศเยอรมนี
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
ที่พัก
เดินทางเข้าสู่ที่พัก WYNDHAM DONAUESCHINGEN หรือเทียบเท่า
วันที่ 3 โดเนาเอส์ชินเกน – คอนสแตนซ์ – ซุก
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่เมืองคอนสแตนซ์ (Konstanz) เป็นเมืองในรัฐ Baden-Württemberg ประเทศเยอรมนี ตั้งอยู่ทางตะวันตกสุดของทะเลสาบโบเดนซี อยู่ติดกับประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นเหมือนเมืองตากอากาศที่มีบรรยากาศเงียบสงบและมีชื่อเสียงมากเมืองหนึ่งของประเทศเยอรมนี และเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยคอนสแตนซ์ (University of Konstanz) เป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่งของประเทศเยอรมนี นำท่านชมขวิหารคอนสแตนซ์ (Konstanz Cathedral) จากทางด้านนอก โดยวิหารแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปี 615 เพื่อถวายแด่พระแม่มารี ต่อมาในปี ค.ศ. 1052 วิหารได้พังทลายลง และได้มีการบูรณะขึ้นใหม่อีกครั้งโดย Bishop Rumold และมีการบูรณะอีกหลายๆ ครั้งหลังจากนั้นมาจนถึงปัจจุบัน
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
บ่าย
ออกเดินทางสู่เมืองซุก (ZUG) เมืองแห่งศูนย์กลางการคมนาคมของประเทศ โดยตัวเมืองตั้งอยู่บนที่ราบเชิงเขาริมทะเลสาบ ที่มีแม่น้ำ Lorze ไหลผ่านทำให้เมืองนี้ได้รับการกล่าวขานว่ามีทัศนียภาพที่งามดั่งเทพนิยาย นำท่านชมหอนาฬิกาเมืองซุก (Clock Tower) แลนด์มาร์กที่สำคัญแห่งหนึ่งของเมือง ด้วยความสูงของหอถึง 52 เมตรและความโดดเด่นของหลังคาสีน้ำเงินขาวโดดเด่นตัดกับสีหลังคาสีน้ำตาลของบ้านเมืองสวยงามอย่างยิ่ง มีเวลาให้ท่านเดินขึ้นบันไดสู่จุดชมวิวด้านบนของหอนาฬิกา ที่ท่านจะสามารถเห็นวิวที่สวยงามโดยรอบของเมือง นำท่านเข้าชมร้านทำทองที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป (The Oldest house of goldsmiths in Europe) ของครอบครัว Lohri เปิดทำการตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 16 ภายในตัวอาคารมีการตกแต่งในรูปแบบสถาปัตยกรรมสมัยจักวรรดินโปเลียน มีซุ้มประตูและเสาโรมัน มีรูปปั้นและจิตรกรรมฝาผนัง ด้วยการวาดลายหินอ่อนด้วยมือ ในปี 1971 ได้เปิดร้านนี้เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะล้ำค่าและเครื่องประดับหายาก และบางชิ้นมีเพียงชิ้นเดียวในโลก มีเวลาให้ท่านเดินชื่นชมอาคาร งานศิลปะล้ำค่าและเครื่องประดับหายากแล้ว ในส่วนของ Lohri Store ยังมีนาฬิกาชั้นนำระดับโลกให้ท่านเลือกซื้อเลือกชมอาทิ เช่น Patek Philippe, Franck Muller Cartier , Piaget, Parmigiani Fleurier, Panerai, IWC , Omega, Jaeger-LeCoultre, Blancpain, Tag Heuer ฯลฯ และไม่ควรพลาดเค้กเชอร์รี่ Zug Cherry Cake (Zuger Kirschtorte) จากร้าน Speck เค้กที่มีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์และมีขายมากว่าร้อยปี มีบุคคลที่มีชื่อเสียงมากมายต่างเคยลิ้มลองเค้กจากร้านนี้ เช่น Charlie Chaplin, Winston Churchill หรือสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส โดยเมืองซุกนี้มีการทำฟาร์มผลไม้ ทั้งสตวอร์เบอร์รี, บูลเบอร์รี่, ราสเบอร์รี่,ลูกแพร์ ฯลฯ รวมทั้ง เชอร์รี่ ที่มีปลูกมากกว่า 40,000 ต้น
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารจีน
ที่พัก
เดินทางเข้าสู่ที่พัก ARCADE หรือเทียบเท่า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่เมืองคอนสแตนซ์ (Konstanz) เป็นเมืองในรัฐ Baden-Württemberg ประเทศเยอรมนี ตั้งอยู่ทางตะวันตกสุดของทะเลสาบโบเดนซี อยู่ติดกับประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นเหมือนเมืองตากอากาศที่มีบรรยากาศเงียบสงบและมีชื่อเสียงมากเมืองหนึ่งของประเทศเยอรมนี และเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยคอนสแตนซ์ (University of Konstanz) เป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่งของประเทศเยอรมนี นำท่านชมขวิหารคอนสแตนซ์ (Konstanz Cathedral) จากทางด้านนอก โดยวิหารแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปี 615 เพื่อถวายแด่พระแม่มารี ต่อมาในปี ค.ศ. 1052 วิหารได้พังทลายลง และได้มีการบูรณะขึ้นใหม่อีกครั้งโดย Bishop Rumold และมีการบูรณะอีกหลายๆ ครั้งหลังจากนั้นมาจนถึงปัจจุบัน
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
บ่าย
ออกเดินทางสู่เมืองซุก (ZUG) เมืองแห่งศูนย์กลางการคมนาคมของประเทศ โดยตัวเมืองตั้งอยู่บนที่ราบเชิงเขาริมทะเลสาบ ที่มีแม่น้ำ Lorze ไหลผ่านทำให้เมืองนี้ได้รับการกล่าวขานว่ามีทัศนียภาพที่งามดั่งเทพนิยาย นำท่านชมหอนาฬิกาเมืองซุก (Clock Tower) แลนด์มาร์กที่สำคัญแห่งหนึ่งของเมือง ด้วยความสูงของหอถึง 52 เมตรและความโดดเด่นของหลังคาสีน้ำเงินขาวโดดเด่นตัดกับสีหลังคาสีน้ำตาลของบ้านเมืองสวยงามอย่างยิ่ง มีเวลาให้ท่านเดินขึ้นบันไดสู่จุดชมวิวด้านบนของหอนาฬิกา ที่ท่านจะสามารถเห็นวิวที่สวยงามโดยรอบของเมือง นำท่านเข้าชมร้านทำทองที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป (The Oldest house of goldsmiths in Europe) ของครอบครัว Lohri เปิดทำการตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 16 ภายในตัวอาคารมีการตกแต่งในรูปแบบสถาปัตยกรรมสมัยจักวรรดินโปเลียน มีซุ้มประตูและเสาโรมัน มีรูปปั้นและจิตรกรรมฝาผนัง ด้วยการวาดลายหินอ่อนด้วยมือ ในปี 1971 ได้เปิดร้านนี้เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะล้ำค่าและเครื่องประดับหายาก และบางชิ้นมีเพียงชิ้นเดียวในโลก มีเวลาให้ท่านเดินชื่นชมอาคาร งานศิลปะล้ำค่าและเครื่องประดับหายากแล้ว ในส่วนของ Lohri Store ยังมีนาฬิกาชั้นนำระดับโลกให้ท่านเลือกซื้อเลือกชมอาทิ เช่น Patek Philippe, Franck Muller Cartier , Piaget, Parmigiani Fleurier, Panerai, IWC , Omega, Jaeger-LeCoultre, Blancpain, Tag Heuer ฯลฯ และไม่ควรพลาดเค้กเชอร์รี่ Zug Cherry Cake (Zuger Kirschtorte) จากร้าน Speck เค้กที่มีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์และมีขายมากว่าร้อยปี มีบุคคลที่มีชื่อเสียงมากมายต่างเคยลิ้มลองเค้กจากร้านนี้ เช่น Charlie Chaplin, Winston Churchill หรือสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส โดยเมืองซุกนี้มีการทำฟาร์มผลไม้ ทั้งสตวอร์เบอร์รี, บูลเบอร์รี่, ราสเบอร์รี่,ลูกแพร์ ฯลฯ รวมทั้ง เชอร์รี่ ที่มีปลูกมากกว่า 40,000 ต้น
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารจีน
ที่พัก
เดินทางเข้าสู่ที่พัก ARCADE หรือเทียบเท่า
วันที่ 4 ซุก – ยอดเขาริกิ – ลูเซิร์น – เบิร์น
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านนั่งรถไฟไต่เขาริกิ (Rigi) ที่ถือได้ว่าเป็นรถไฟไต่เขาที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป และยังเป็นอันดับ 2 รองจากยอดเขาวอชิงตัน ในมลรัฐนิวแฮมป์เชียร์ ในสหรัฐอเมริกา ความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,797 เมตร ยอดเขาริกิ (Rigi Kulm) นี้มีที่มาจากคำว่า Mons Regina แปลได้ว่า ราชินิแห่งภูเขา(Queen of the mountains) เพราะสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของยอดเขาอื่นๆ ได้รอบ 360 องศา ชมวิวแบบพาโนรามาที่โอบล้อมด้วยธรรมชาติของทะเลสาบ Luzern และ Zug โดยสถานที่แห่งนี้เคยเป็นสถานที่ถ่ายทำละครเรื่อง “อย่าลืมฉัน” และ “รัตนาวดี” อีกด้วย จากนั้นนำท่านลงจากเขาโดยการนั่งกระเช้าเพื่อสัมผัสบรรยากาศของทิวทัศน์ที่สวยอีกเส้นทางหนึ่ง
อิสระอาหารกลางวันตามอัธยาศัย
บ่าย
เดินทางสู่เมืองลูเซิร์น (Lucerne) เมืองท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับหนึ่งของสวิตเซอร์แลนด์ ที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยทะเลสาบและขุนเขา จากนั้นพาท่านชมสิงโตหินแกะสลัก (Dying Lion of Lucerne) ที่แกะสลักบนผาหินธรรมชาติ เพื่อเป็นอนุสรณ์รำลึกถึงการสละชีพอย่างกล้าหาญของทหารสวิสที่เกิดจากการปฏิวัติในฝรั่งเศสเมื่อปี ค.ศ.1792 ชมสะพานไม้ชาเปล (Chapel Bridge) ซึ่งมีความยาวถึง 204 เมตร ทอดข้ามผ่านแม่น้ำรอยส์ (Reuss River) อันงดงามซึ่งเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของเมืองลูเซิร์น เป็นสะพานไม้ที่มีหลังคาที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1333 โดยใต้หลังคาคลุมสะพานมีภาพวาดประวัติศาสตร์ของชาวสวิส ตลอดแนวสะพาน จากนั้นให้ท่านได้อิสระเลือกซื้อสินค้าของสวิส เช่น ช็อกโกแลต, เครื่องหนัง, มีดพับ, นาฬิกายี่ห้อดัง อาทิเช่น Rolex, Omega, Tag Heuer เป็นต้น นำท่านเดินทางสู่กรุงเบิร์น (Bern) ซึ่งได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นเมืองมรดกโลกในปี ค.ศ. 1863 นอกจากนี้เบิร์นยังถูกจัดอันดับอยู่ใน 1 ใน 10 ของเมืองที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดของโลกในปี ค.ศ. 2010 นำท่านชมบ่อหมีสีน้ำตาล (Bear Park) สัตว์ที่เป็นสัญลักษณ์ของกรุงเบิร์น นำท่าน ชมมาร์กาสเซ ย่านเมืองเก่า ปัจจุบันเต็มไปด้วยร้านดอกไม้และบูติค เป็นย่านที่ปลอดรถยนต์ จึงเหมาะกับการเดินเที่ยวชมอาคารเก่า อายุ 200 - 300 ปี นำท่านลัดเลาะชม ถนนจุงเคอร์นกาสเซ ถนนที่มีระดับสูงสุดของเมืองนี้ ถนนกรัมกาสเซ ซึ่งเต็มไปด้วยร้านภาพวาดและร้านขายของเก่าในอาคารโบราณ ชมนาฬิกาไซ้ท์ คล็อคเค่นทรัม อายุ 800 ปี ที่มี “โชว์” ให้ดูทุกๆชั่วโมงในการตีบอกเวลาแต่ละครั้ง นำท่านแวะถ่ายรูปกับโบสถ์ Munster สิ่งก่อสร้างทางศาสนาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1421 ประตูจะมีภาพที่บรรยายถึงการตัดสินครั้งสุดท้ายของพระเจ้า
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารจีน
ที่พัก
เดินทางเข้าสู่ที่พัก HOLIDAY INN WESTSIDE หรือเทียบเท่า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านนั่งรถไฟไต่เขาริกิ (Rigi) ที่ถือได้ว่าเป็นรถไฟไต่เขาที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป และยังเป็นอันดับ 2 รองจากยอดเขาวอชิงตัน ในมลรัฐนิวแฮมป์เชียร์ ในสหรัฐอเมริกา ความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,797 เมตร ยอดเขาริกิ (Rigi Kulm) นี้มีที่มาจากคำว่า Mons Regina แปลได้ว่า ราชินิแห่งภูเขา(Queen of the mountains) เพราะสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของยอดเขาอื่นๆ ได้รอบ 360 องศา ชมวิวแบบพาโนรามาที่โอบล้อมด้วยธรรมชาติของทะเลสาบ Luzern และ Zug โดยสถานที่แห่งนี้เคยเป็นสถานที่ถ่ายทำละครเรื่อง “อย่าลืมฉัน” และ “รัตนาวดี” อีกด้วย จากนั้นนำท่านลงจากเขาโดยการนั่งกระเช้าเพื่อสัมผัสบรรยากาศของทิวทัศน์ที่สวยอีกเส้นทางหนึ่ง
อิสระอาหารกลางวันตามอัธยาศัย
บ่าย
เดินทางสู่เมืองลูเซิร์น (Lucerne) เมืองท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับหนึ่งของสวิตเซอร์แลนด์ ที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยทะเลสาบและขุนเขา จากนั้นพาท่านชมสิงโตหินแกะสลัก (Dying Lion of Lucerne) ที่แกะสลักบนผาหินธรรมชาติ เพื่อเป็นอนุสรณ์รำลึกถึงการสละชีพอย่างกล้าหาญของทหารสวิสที่เกิดจากการปฏิวัติในฝรั่งเศสเมื่อปี ค.ศ.1792 ชมสะพานไม้ชาเปล (Chapel Bridge) ซึ่งมีความยาวถึง 204 เมตร ทอดข้ามผ่านแม่น้ำรอยส์ (Reuss River) อันงดงามซึ่งเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของเมืองลูเซิร์น เป็นสะพานไม้ที่มีหลังคาที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1333 โดยใต้หลังคาคลุมสะพานมีภาพวาดประวัติศาสตร์ของชาวสวิส ตลอดแนวสะพาน จากนั้นให้ท่านได้อิสระเลือกซื้อสินค้าของสวิส เช่น ช็อกโกแลต, เครื่องหนัง, มีดพับ, นาฬิกายี่ห้อดัง อาทิเช่น Rolex, Omega, Tag Heuer เป็นต้น นำท่านเดินทางสู่กรุงเบิร์น (Bern) ซึ่งได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นเมืองมรดกโลกในปี ค.ศ. 1863 นอกจากนี้เบิร์นยังถูกจัดอันดับอยู่ใน 1 ใน 10 ของเมืองที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดของโลกในปี ค.ศ. 2010 นำท่านชมบ่อหมีสีน้ำตาล (Bear Park) สัตว์ที่เป็นสัญลักษณ์ของกรุงเบิร์น นำท่าน ชมมาร์กาสเซ ย่านเมืองเก่า ปัจจุบันเต็มไปด้วยร้านดอกไม้และบูติค เป็นย่านที่ปลอดรถยนต์ จึงเหมาะกับการเดินเที่ยวชมอาคารเก่า อายุ 200 - 300 ปี นำท่านลัดเลาะชม ถนนจุงเคอร์นกาสเซ ถนนที่มีระดับสูงสุดของเมืองนี้ ถนนกรัมกาสเซ ซึ่งเต็มไปด้วยร้านภาพวาดและร้านขายของเก่าในอาคารโบราณ ชมนาฬิกาไซ้ท์ คล็อคเค่นทรัม อายุ 800 ปี ที่มี “โชว์” ให้ดูทุกๆชั่วโมงในการตีบอกเวลาแต่ละครั้ง นำท่านแวะถ่ายรูปกับโบสถ์ Munster สิ่งก่อสร้างทางศาสนาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1421 ประตูจะมีภาพที่บรรยายถึงการตัดสินครั้งสุดท้ายของพระเจ้า
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารจีน
ที่พัก
เดินทางเข้าสู่ที่พัก HOLIDAY INN WESTSIDE หรือเทียบเท่า
วันที่ 5 เบิร์น – มองเทรอซ์ – เซอร์แมท – เขาซุนเนกกา (คณะที่เดินทางช่วงเดือน พ.ค. – ก.ค. 2563 เปลี่ยนเป็นเขาก
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองมองเทรอซ์ (Montreux) เมืองตากอากาศที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบเจนีวา ได้ชื่อว่าริเวียร่าของสวิส ชมความสวยงามของทิวทัศน์ บ้านเรือน ริมทะเลสาบนำท่านถ่ายรูปคู่กับปราสาทชิลยอง ปราสาทโบราณอายุกว่า 800 ปี สร้างขึ้นบนเกาะหินริมทะเลสาบเจนีวา ตั้งแต่ยุคโรมันเรืองอำนาจโดยราชวงศ์ SAVOY โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อควบคุมการเดินทางของนักเดินทางและขบวนสินค้าที่จะสัญจรผ่านไปมาจากเหนือสู่ใต้หรือจากตะวันตกสู่ตะวันออกของสวิตเซอร์แลนด์ เนื่องจากเป็นเส้นทางเดียวที่ไม่ต้องเดินทางข้ามเทือกเขาสูงชัน ปราสาทแห่งนี้จึงเปรียบเสมือนด่านเก็บภาษีซึ่งเอาเปรียบชาวสวิสมานานนับร้อยปี
อิสระอาหารกลางวันตามอัธยาศัย
บ่าย
นำท่านเดินทางสู่สถานีรถไฟเมืองแทซ (Teasch) เพื่อเดินทางสู่เมืองเซอร์แมท (Zermatt) เมืองแห่งสกีรีสอร์ทยอดนิยมที่ได้รับความนิยมสูง เนื่องจากเป็นเมืองที่ปลอดมลพิษทางอากาศเพราะยานพาหนะในเมืองไม่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง แต่ใช้แบตเตอรี่เท่านั้น และยังมีฉากหลังของตัวเมืองเป็นยอดเขาแมททอร์ฮอร์น (Matterhorn) ที่ได้ชื่อว่าเป็นยอดเขาที่มีรูปทรงสวยที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ นำท่านเดินทางโดยรถไฟ หรือ Funicular ที่วิ่งผ่านอุโมงค์เจาะทะลุภูเขาสู่เขาซุนเนกกา (Sunnegga) ที่มีความสูงเพียง 2,228 เมตร แต่เรียกได้ว่าเป็นจุดชมวิวของยอดเขาแมทเทอร์ฮอร์น (Matterhorn) ที่สวยงามมากๆ โดยบริเวณบนยอดเขานี้ยังประกอบไปด้วยทะเลสาบทั้ง 5 โดยจะนำท่านเดินเท้าไปชม 1 ใน 5 ทะเลสาบที่มีกล่าวได้ว่ามีชื่อเสียงและสวยงามที่สุดของการชมวิวยอดเขายอดเขาแมทเทอร์ฮอร์น นั้นคือ ทะเลสาบไลเซ (Leisee Lake) ที่ตั้งบนความสูง 2,232 เมตรจากระดับน้ำทะเล ในช่วงฤดูร้อนน้ำในทะเลสาบที่ใสราวกับกระจก จะสะท้อนภาพของยอดเขาแมทเทอร์ฮอร์นบนผิวน้ำที่สวยงามยิ่งนัก (ถ้าในช่วงฤดูหนาวน้ำในทะเลสาบจะกลายเป็นพื้นน้ำแข็ง) นำท่านเดินทางกลับลงมาที่เมืองเซอร์แมท เชิญท่านอิสระกับการเดินเที่ยวชมเมือง หรือเลือกซื้อของฝากตามอัธยาศัย
***คณะที่เดินทางช่วงเดือนพ.ค. – ก.ค. 2563 ทางบริษัทขอเปลี่ยนโปรแกรมเป็นขึ้นเขากรอนเนอร์แกรตแทน เนื่องจากเขาซุนเนกกาปิดให้บริการในช่วงนั้น***
อิสระอาหารค่ำตามอัธยาศัย
ที่พัก
เดินทางเข้าสู่ที่พัก ELITE หรือเทียบเท่า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองมองเทรอซ์ (Montreux) เมืองตากอากาศที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบเจนีวา ได้ชื่อว่าริเวียร่าของสวิส ชมความสวยงามของทิวทัศน์ บ้านเรือน ริมทะเลสาบนำท่านถ่ายรูปคู่กับปราสาทชิลยอง ปราสาทโบราณอายุกว่า 800 ปี สร้างขึ้นบนเกาะหินริมทะเลสาบเจนีวา ตั้งแต่ยุคโรมันเรืองอำนาจโดยราชวงศ์ SAVOY โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อควบคุมการเดินทางของนักเดินทางและขบวนสินค้าที่จะสัญจรผ่านไปมาจากเหนือสู่ใต้หรือจากตะวันตกสู่ตะวันออกของสวิตเซอร์แลนด์ เนื่องจากเป็นเส้นทางเดียวที่ไม่ต้องเดินทางข้ามเทือกเขาสูงชัน ปราสาทแห่งนี้จึงเปรียบเสมือนด่านเก็บภาษีซึ่งเอาเปรียบชาวสวิสมานานนับร้อยปี
อิสระอาหารกลางวันตามอัธยาศัย
บ่าย
นำท่านเดินทางสู่สถานีรถไฟเมืองแทซ (Teasch) เพื่อเดินทางสู่เมืองเซอร์แมท (Zermatt) เมืองแห่งสกีรีสอร์ทยอดนิยมที่ได้รับความนิยมสูง เนื่องจากเป็นเมืองที่ปลอดมลพิษทางอากาศเพราะยานพาหนะในเมืองไม่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง แต่ใช้แบตเตอรี่เท่านั้น และยังมีฉากหลังของตัวเมืองเป็นยอดเขาแมททอร์ฮอร์น (Matterhorn) ที่ได้ชื่อว่าเป็นยอดเขาที่มีรูปทรงสวยที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ นำท่านเดินทางโดยรถไฟ หรือ Funicular ที่วิ่งผ่านอุโมงค์เจาะทะลุภูเขาสู่เขาซุนเนกกา (Sunnegga) ที่มีความสูงเพียง 2,228 เมตร แต่เรียกได้ว่าเป็นจุดชมวิวของยอดเขาแมทเทอร์ฮอร์น (Matterhorn) ที่สวยงามมากๆ โดยบริเวณบนยอดเขานี้ยังประกอบไปด้วยทะเลสาบทั้ง 5 โดยจะนำท่านเดินเท้าไปชม 1 ใน 5 ทะเลสาบที่มีกล่าวได้ว่ามีชื่อเสียงและสวยงามที่สุดของการชมวิวยอดเขายอดเขาแมทเทอร์ฮอร์น นั้นคือ ทะเลสาบไลเซ (Leisee Lake) ที่ตั้งบนความสูง 2,232 เมตรจากระดับน้ำทะเล ในช่วงฤดูร้อนน้ำในทะเลสาบที่ใสราวกับกระจก จะสะท้อนภาพของยอดเขาแมทเทอร์ฮอร์นบนผิวน้ำที่สวยงามยิ่งนัก (ถ้าในช่วงฤดูหนาวน้ำในทะเลสาบจะกลายเป็นพื้นน้ำแข็ง) นำท่านเดินทางกลับลงมาที่เมืองเซอร์แมท เชิญท่านอิสระกับการเดินเที่ยวชมเมือง หรือเลือกซื้อของฝากตามอัธยาศัย
***คณะที่เดินทางช่วงเดือนพ.ค. – ก.ค. 2563 ทางบริษัทขอเปลี่ยนโปรแกรมเป็นขึ้นเขากรอนเนอร์แกรตแทน เนื่องจากเขาซุนเนกกาปิดให้บริการในช่วงนั้น***
อิสระอาหารค่ำตามอัธยาศัย
ที่พัก
เดินทางเข้าสู่ที่พัก ELITE หรือเทียบเท่า
วันที่ 6 แทซ – โลซานน์ – เจนีวา – สนามบิน
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่เมืองโลซานน์ (Lausanne) ซึ่งตั้งอยู่ตอนเหนือของทะเลสาบเจนีวา เมืองโลซานน์นับได้ว่าเป็นเมืองที่มีเสน่ห์โดยธรรมชาติมากที่สุดเมืองหนึ่งของสวิตเซอร์แลนด์ มีประวัติศาสตร์อันยาวนานมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 4 ในสมัยที่ชาวโรมันมาตั้งหลักแหล่งอยู่บริเวณริมฝั่งทะเลสาบที่นี่ เมืองโลซานน์มีความสวยงามโดยธรรมชาติ ทิวทัศน์ที่สวยงาม และอากาศที่ปราศจากมลพิษ จึงดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้มาพักผ่อนตากอากาศที่นี่ นำท่านชมสวนสาธารณะที่มีรูปปั้นลิง 3 ตัว ปิดหู ปิดปาก ปิดตา อันเป็นสถานที่ทรงโปรดของในหลวงเมื่อทรงพระเยาว์ และถ่ายรูปกับ ศาลาไทย ที่รัฐบาลไทยส่งไปตั้งในสวนสาธารณะของเมืองโลซานน์
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน
บ่าย
นำท่านเดินทางสู่เมืองเจนีวา (Geneva) นำชมเมืองที่เป็นศูนย์กลางการประชุมนานาชาติ เมืองที่ตั้งองค์การสากลระดับโลก อาทิ องค์การการค้าโลก, กาชาดสากล, แรงงานสากล ฯลฯ ถ่ายรูปกับน้ำพุเจทโด ที่ฉีดสายน้ำพุ่งสูงขึ้นไปในอากาศถึง 390 ฟุต (เปิดเฉพาะวันอากาศดี) และถ่ายรูปกับนาฬิกาดอกไม้ สัญลักษณ์ที่สำคัญของเมืองเจนีวา ได้เวลาอันสมควร นำท่านเดินทางสู่สนามบิน เพื่อทำคืนภาษี (Tax Refund) และมีเวลาช้อปปิ้งสินค้าปลอดภาษี (Duty Free) ภายในสนามบิน
21.40 น.
เดินทางสู่เมืองดูไบ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 084
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่เมืองโลซานน์ (Lausanne) ซึ่งตั้งอยู่ตอนเหนือของทะเลสาบเจนีวา เมืองโลซานน์นับได้ว่าเป็นเมืองที่มีเสน่ห์โดยธรรมชาติมากที่สุดเมืองหนึ่งของสวิตเซอร์แลนด์ มีประวัติศาสตร์อันยาวนานมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 4 ในสมัยที่ชาวโรมันมาตั้งหลักแหล่งอยู่บริเวณริมฝั่งทะเลสาบที่นี่ เมืองโลซานน์มีความสวยงามโดยธรรมชาติ ทิวทัศน์ที่สวยงาม และอากาศที่ปราศจากมลพิษ จึงดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้มาพักผ่อนตากอากาศที่นี่ นำท่านชมสวนสาธารณะที่มีรูปปั้นลิง 3 ตัว ปิดหู ปิดปาก ปิดตา อันเป็นสถานที่ทรงโปรดของในหลวงเมื่อทรงพระเยาว์ และถ่ายรูปกับ ศาลาไทย ที่รัฐบาลไทยส่งไปตั้งในสวนสาธารณะของเมืองโลซานน์
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน
บ่าย
นำท่านเดินทางสู่เมืองเจนีวา (Geneva) นำชมเมืองที่เป็นศูนย์กลางการประชุมนานาชาติ เมืองที่ตั้งองค์การสากลระดับโลก อาทิ องค์การการค้าโลก, กาชาดสากล, แรงงานสากล ฯลฯ ถ่ายรูปกับน้ำพุเจทโด ที่ฉีดสายน้ำพุ่งสูงขึ้นไปในอากาศถึง 390 ฟุต (เปิดเฉพาะวันอากาศดี) และถ่ายรูปกับนาฬิกาดอกไม้ สัญลักษณ์ที่สำคัญของเมืองเจนีวา ได้เวลาอันสมควร นำท่านเดินทางสู่สนามบิน เพื่อทำคืนภาษี (Tax Refund) และมีเวลาช้อปปิ้งสินค้าปลอดภาษี (Duty Free) ภายในสนามบิน
21.40 น.
เดินทางสู่เมืองดูไบ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 084
วันที่ 7 ดูไบ – กรุงเทพฯ
06.10 น.
เดินทางถึงดูไบ เพื่อรอเปลี่ยนเครื่อง
09.40 น.
ออกเดินทางกลับสู่กรุงเทพฯ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 372
***สำหรับคณะที่ออกเดินทางวันที่ 02 มิ.ย. – 08 ก.ค. 63 จะออกเดินทาง เวลา 09.40 น. และเดินทางถึงกรุงเทพฯ เวลา 19.15 น.***
18.55 น.
เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ
เดินทางถึงดูไบ เพื่อรอเปลี่ยนเครื่อง
09.40 น.
ออกเดินทางกลับสู่กรุงเทพฯ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 372
***สำหรับคณะที่ออกเดินทางวันที่ 02 มิ.ย. – 08 ก.ค. 63 จะออกเดินทาง เวลา 09.40 น. และเดินทางถึงกรุงเทพฯ เวลา 19.15 น.***
18.55 น.
เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ