โปรแกรม 10 วัน 7 คืน : เดินทางโดยสายการบินEmirates
วันที่ 1 กรุงเทพฯ
23.30 น.
คณะพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ ประตู 9 เคาน์เตอร์ T สายการบินเอมิเรตส์ โดยมีเจ้าหน้าที่คอยต้อนรับและอำนวยความสะดวก
คณะพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ ประตู 9 เคาน์เตอร์ T สายการบินเอมิเรตส์ โดยมีเจ้าหน้าที่คอยต้อนรับและอำนวยความสะดวก
วันที่ 2 กรุงเทพฯ – ดูไบ – เวนิส – เกาะเวนิส – เมสเตร้
03.30 น.
ออกเดินทางสู่ดูไบ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 377
06.55 น.
เดินทางถึงสนามบินดูไบ เพื่อรอเปลี่ยนเครื่อง
09.05 น.
ออกเดินทางสู่เมืองเวนิส โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบิน EK 135
13.25 น.
ถึงสนามบินมาร์โค โปโล เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง) นำท่านเดินทางสู่ท่าเรือ ตรอนเคตโต้ (Tronchetto) นำท่านล่องเรือผ่านชมบ้านเรือนของชาวเวนิส สู่เกาะเวนิส หรือ เวเนเซีย (Venezia) ดินแดนแสนโรแมนติก เป็นเมืองที่ไม่เหมือนใคร โดยใช้เรือแทนรถ ใช้คลองแทนถนน มีสมญานามว่าเป็น "ราชินีแห่งทะเลเอเดรียติก" มีเกาะน้อยใหญ่กว่า 118 เกาะ และมีสะพานเชื่อมถึงกันกว่า 400 แห่ง ขึ้นฝั่งที่บริเวณ ซานมาร์โค ศูนย์กลางของเกาะเวนิส จากนั้นนำท่านเดินชมความงามของเกาะเวนิส ชมสะพานถอนหายใจ ( Bridge of Sighs) ที่มีเรื่องราวน่าสนใจในอดีต เมื่อนักโทษที่เดินออกจากห้องพิพากษาไปสู่คุกจะได้มีโอกาสเห็นแสงสว่างและโลกภายนอกเป็นครั้งสุดท้ายระหว่างเดินผ่านช่องหน้าต่างที่สะพานนี้ ซึ่งเชื่อมต่อกับวังดอดจ์ (Doge’s Palace) อันเป็นสถานที่พำนักของเจ้าผู้ครองนครเวนิสในอดีต ซึ่งนักโทษชื่อดังที่เคยเดินผ่านสะพานนี้มาเเล้วคือ คาสโนว่านั่นเอง นำท่านถ่ายรูปบริเวณจัตุรัสซานมาร์โค (St.Mark’s Square) ที่นโปเลียนเคยกล่าวไว้ว่า “เป็นห้องนั่งเล่นที่สวยที่สุดในยุโรป” จัตุรัสถูกล้อมรอบด้วยอาเขตอันงดงาม รวมทั้งโบสถ์ซานมาร์โค (St.Mark’s Bacilica) ที่มีโดมใหญ่ 5 โดม ตามแบบศิลปะไบแซนไทน์ จากนั้นอิสระให้ท่านได้มีเวลาเดินเที่ยวชมเกาะอันสุดแสนโรแมนติกแห่งนี้ตามอัธยาศัย เช่น เดินเล่นชมมนต์เสน่ห์แห่งนครเวนิส, เข้าชมโบสถ์ซานมาร์โคที่สวยงาม, ช๊อปปิ้งสินค้าของที่ระลึก อาทิเช่น เครื่องแก้วมูราโน่,หน้ากากเวนิส เลือกซื้อสินค้าแฟชั่นชั้นนำ หรือนั่งจิบกาแฟในร้าน Café Florian ที่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1720 หรือ นั่งเรือกอนโดล่า ล่องชมคลองเวนิส
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง (สปาเก็ตตี้หมึกดำ) จากนั้นเดินทางสู่แผ่นดินใหญ่ Venice Mestre
ที่พัก
เดินทางเข้าสู่ที่พัก RUSSOTT HOTEL หรือเทียบเท่า
ออกเดินทางสู่ดูไบ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 377
06.55 น.
เดินทางถึงสนามบินดูไบ เพื่อรอเปลี่ยนเครื่อง
09.05 น.
ออกเดินทางสู่เมืองเวนิส โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบิน EK 135
13.25 น.
ถึงสนามบินมาร์โค โปโล เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง) นำท่านเดินทางสู่ท่าเรือ ตรอนเคตโต้ (Tronchetto) นำท่านล่องเรือผ่านชมบ้านเรือนของชาวเวนิส สู่เกาะเวนิส หรือ เวเนเซีย (Venezia) ดินแดนแสนโรแมนติก เป็นเมืองที่ไม่เหมือนใคร โดยใช้เรือแทนรถ ใช้คลองแทนถนน มีสมญานามว่าเป็น "ราชินีแห่งทะเลเอเดรียติก" มีเกาะน้อยใหญ่กว่า 118 เกาะ และมีสะพานเชื่อมถึงกันกว่า 400 แห่ง ขึ้นฝั่งที่บริเวณ ซานมาร์โค ศูนย์กลางของเกาะเวนิส จากนั้นนำท่านเดินชมความงามของเกาะเวนิส ชมสะพานถอนหายใจ ( Bridge of Sighs) ที่มีเรื่องราวน่าสนใจในอดีต เมื่อนักโทษที่เดินออกจากห้องพิพากษาไปสู่คุกจะได้มีโอกาสเห็นแสงสว่างและโลกภายนอกเป็นครั้งสุดท้ายระหว่างเดินผ่านช่องหน้าต่างที่สะพานนี้ ซึ่งเชื่อมต่อกับวังดอดจ์ (Doge’s Palace) อันเป็นสถานที่พำนักของเจ้าผู้ครองนครเวนิสในอดีต ซึ่งนักโทษชื่อดังที่เคยเดินผ่านสะพานนี้มาเเล้วคือ คาสโนว่านั่นเอง นำท่านถ่ายรูปบริเวณจัตุรัสซานมาร์โค (St.Mark’s Square) ที่นโปเลียนเคยกล่าวไว้ว่า “เป็นห้องนั่งเล่นที่สวยที่สุดในยุโรป” จัตุรัสถูกล้อมรอบด้วยอาเขตอันงดงาม รวมทั้งโบสถ์ซานมาร์โค (St.Mark’s Bacilica) ที่มีโดมใหญ่ 5 โดม ตามแบบศิลปะไบแซนไทน์ จากนั้นอิสระให้ท่านได้มีเวลาเดินเที่ยวชมเกาะอันสุดแสนโรแมนติกแห่งนี้ตามอัธยาศัย เช่น เดินเล่นชมมนต์เสน่ห์แห่งนครเวนิส, เข้าชมโบสถ์ซานมาร์โคที่สวยงาม, ช๊อปปิ้งสินค้าของที่ระลึก อาทิเช่น เครื่องแก้วมูราโน่,หน้ากากเวนิส เลือกซื้อสินค้าแฟชั่นชั้นนำ หรือนั่งจิบกาแฟในร้าน Café Florian ที่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1720 หรือ นั่งเรือกอนโดล่า ล่องชมคลองเวนิส
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง (สปาเก็ตตี้หมึกดำ) จากนั้นเดินทางสู่แผ่นดินใหญ่ Venice Mestre
ที่พัก
เดินทางเข้าสู่ที่พัก RUSSOTT HOTEL หรือเทียบเท่า
วันที่ 3 เมสเตร้ – โรวินจ์ – โอพาเทีย
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่เมืองโรวินจ์ (Rovinj) ประเทศโครเอเชีย เมืองแสนสวยชายทะเลที่ตั้งอยู่บนแหลมอีสเตรีย มีลักษณะเป็นเกาะที่แยกออกมาจากแผ่นดินใหญ่ แต่ได้มีการถมทะเลเพื่ออำนวยความสะดวกต่อการเดินทาง เมืองโรวินจ์นั้นเคยถูกปกครองโดยชาวเวเนเชียน จึงทำให้สถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมของเมืองนี้มีกลิ่นอายคล้ายคลึงกับอิตาลีเป็นอย่างมาก จึงได้สมญานามว่า "เวนิชแห่งโครเอเชีย"
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมือง
บ่าย
นำท่านถ่ายรูปกับโบสถ์เซนต์ อูเฟเมียร์ (St. Euphemia) แลนมาร์คสำคัญของเมืองแห่งนี้ที่ตั้งอยู่บนเนินเขา เป็นสไตล์บาโรก และมียอดสูงตระหง่าน ถึง 61 เมตร ซึ่งสูงที่สุดในแคว้นอีสเตรีย นำท่านเดินชมเมืองเก่าที่เต็มไปด้วยความงดงามของตึกรามบ้านช่อง ที่ตั้งเรียงรายเป็นตรอกซอยแคบๆ และที่พื้นทางเดินนั้นถูกปูด้วยหินอย่างสวยงามและคลาสสิก จากนั้นนําท่านออกเดินทางสู่เมืองโอพาเทีย (Opatija) เมืองที่ได้รับสมญานามว่าเป็น “ไข่มุขแห่งทะเลอาเดรียติก” มีบ้านพักตากอากาศสไตล์ออสเตรียที่เรียงรายอยู่ตามชายฝั่ง แวะถ่ายรูปกับรูปปั้นหญิงสาวกับนกนางนวล (Maiden with the Seagull) เป็นรูปปั้นหญิงสาวที่งดงามโดยมีนกนางนวลเกาะอยู่ที่มือ เที่ยวชมเมืองที่เต็มเปี่ยมไปด้วยมนต์เสน่ห์ของบ้านพักริมชายฝั่งทะเลที่สุดแสนโรแมนติก
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารพื้นเมือง
ที่พัก
เดินทางเข้าสู่ที่พัก HOTEL PARIS หรือเทียบเท่า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่เมืองโรวินจ์ (Rovinj) ประเทศโครเอเชีย เมืองแสนสวยชายทะเลที่ตั้งอยู่บนแหลมอีสเตรีย มีลักษณะเป็นเกาะที่แยกออกมาจากแผ่นดินใหญ่ แต่ได้มีการถมทะเลเพื่ออำนวยความสะดวกต่อการเดินทาง เมืองโรวินจ์นั้นเคยถูกปกครองโดยชาวเวเนเชียน จึงทำให้สถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมของเมืองนี้มีกลิ่นอายคล้ายคลึงกับอิตาลีเป็นอย่างมาก จึงได้สมญานามว่า "เวนิชแห่งโครเอเชีย"
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมือง
บ่าย
นำท่านถ่ายรูปกับโบสถ์เซนต์ อูเฟเมียร์ (St. Euphemia) แลนมาร์คสำคัญของเมืองแห่งนี้ที่ตั้งอยู่บนเนินเขา เป็นสไตล์บาโรก และมียอดสูงตระหง่าน ถึง 61 เมตร ซึ่งสูงที่สุดในแคว้นอีสเตรีย นำท่านเดินชมเมืองเก่าที่เต็มไปด้วยความงดงามของตึกรามบ้านช่อง ที่ตั้งเรียงรายเป็นตรอกซอยแคบๆ และที่พื้นทางเดินนั้นถูกปูด้วยหินอย่างสวยงามและคลาสสิก จากนั้นนําท่านออกเดินทางสู่เมืองโอพาเทีย (Opatija) เมืองที่ได้รับสมญานามว่าเป็น “ไข่มุขแห่งทะเลอาเดรียติก” มีบ้านพักตากอากาศสไตล์ออสเตรียที่เรียงรายอยู่ตามชายฝั่ง แวะถ่ายรูปกับรูปปั้นหญิงสาวกับนกนางนวล (Maiden with the Seagull) เป็นรูปปั้นหญิงสาวที่งดงามโดยมีนกนางนวลเกาะอยู่ที่มือ เที่ยวชมเมืองที่เต็มเปี่ยมไปด้วยมนต์เสน่ห์ของบ้านพักริมชายฝั่งทะเลที่สุดแสนโรแมนติก
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารพื้นเมือง
ที่พัก
เดินทางเข้าสู่ที่พัก HOTEL PARIS หรือเทียบเท่า
วันที่ 4 โอพาเทีย – อุทยานแห่งชาติพลิทวิเซ่ – ซาเกรบ
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
เดินทางเข้าสู่อุทยานแห่งชาติพลิทวิเซ่ (Plitvice National Park) ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ ในปีค.ศ. 1979 อุทยานแห่งนี้มีพื้นที่ประมาณ 29,482 เฮคเตอร์ หรือประมาณ 295 ตารางกิโลเมตร โดย 223 ตารางกิโลเมตรเป็นพื้นที่ป่าและพื้นน้ำครอบคลุมประมาณ 2.17 ตารางกิโลเมตร มีทะเลสาบสีเธอร์คอยซ์ถึง 16 แห่งที่มีความงดงามแตกต่างกัน นำท่านเข้าชมความงามของอุทยาน Lower Lake โดยล่องเรือข้ามทะเลสาบ Jezero Kozjak ***ในกรณีที่ทะเลสาบเป็นน้ำแข็งจนไม่สามารถล่องเรือได้ ทางบริษัทคืนเงินท่านละ 5 ยูโร*** ซึ่งเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในอุทยานแห่งนี้ อีกทั้งยังเป็นทะเลสาบที่เชื่อมระหว่างอุทยานตอนล่างขึ้นสู่ทะเลสาบชั้นบนของอุทยาน เพลิดเพลินกับธรรมชาติอันงดงามและความอลังการของ Lower Lake ที่ประกอบด้วยทะเลสาบ Milanovac, Gavanovac และ Kaluderovac เป็นต้น นำท่านเดินชมทะเลสาบต่างๆ ตามทางเดินสะพานไม้ที่เชื่อมแต่ละทะเลสาบเข้าด้วยกัน ชม Veliki Slip จุดชมน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในอุทยานมีความสูงถึง 70 เมตร
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมือง
บ่าย
นำท่านเดินทางมาที่เมืองซาเกรบ (Zagreb) เมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศโครเอเชีย ซึ่งมีความเก่าแก่แฝงด้วยเสน่ห์และมนต์ขลัง ซาเกรบเป็นเมืองแห่งศิลปวัฒนธรรมและเจริญรุ่งเรืองมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 11 ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของที่ราบแพนโนเนีย ซึ่งเชื่อมโยงไปยังบริเวณเทือกเขาแอลป์ เทือกเขาไดนาริกแอลป์ ทะเลอาเดรียติก และภูมิภาคแพนโนเนีย ทำให้สามารถติดต่อและคมนาคมขนส่งกับภูมิภาคยุโรปกลางกับทะเลอาเดรียติกได้อย่างดี และเป็นศูนย์กลางการขนส่ง อุตสาหกรรม และสถาบันวิจัยทางวิทยาศาสตร์ของเมืองนี้ก็เป็นพื้นฐานที่ทำให้ซาเกรบเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์กลางการปกครอง การบริหาร และเป็นที่ตั้งของกระทรวง หน่วยงานราชการต่าง ๆ ของประเทศอีกด้วยปัจจุบันชาวโครเอเชีย มีวิถีชีวิตเหมือนกับชาวยุโรปที่เจริญโดยทั่วไป ทั้งการคมนาคมภายในกรุงซาเกรบก็สะดวกสบาย และนิยมใช้รถรางเป็นพาหนะทั่วทั้งเมือง นำท่านถ่ายรูปกับมหาวิหารเซนต์สตีเฟน (St. Stephen Cathedral) ซึ่งมียอดแหลมทรงกลวยคู่บนยอดวิหารตกแต่งอย่างงดงาม มหาวิหารนี้ก็ได้รับการบูรณะใหม่อีกหลายครั้ง จนกระทั่งรูปร่างมหาวิหารงดงามในรูปแบบนิโอ-โกธิค ดังปัจจุบัน ซึ่งได้รับอิทธิพลจากการบูรณะก่อสร้างในปี ค.ศ. 1880 ชมจัตุรัสรูปปั้นนายพล บาน โจซิฟ เจลาซิค (Ban Josip Jelacic) ที่ถูกยกย่องว่าเป็นวีรบุรุษของประเทศ และบริเวณนี้เป็นศูนย์รวมความเจริญตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน จัตุรัสแห่งนี้มีมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 17 อาคารที่รายรอบจัตุรัสที่เก่าแก่ที่สุดก็ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 18
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารพื้นเมือง
ที่พัก
เดินทางเข้าสู่ที่พัก PANORAMA ZAGREB HOTEL หรือเทียบเท่า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
เดินทางเข้าสู่อุทยานแห่งชาติพลิทวิเซ่ (Plitvice National Park) ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ ในปีค.ศ. 1979 อุทยานแห่งนี้มีพื้นที่ประมาณ 29,482 เฮคเตอร์ หรือประมาณ 295 ตารางกิโลเมตร โดย 223 ตารางกิโลเมตรเป็นพื้นที่ป่าและพื้นน้ำครอบคลุมประมาณ 2.17 ตารางกิโลเมตร มีทะเลสาบสีเธอร์คอยซ์ถึง 16 แห่งที่มีความงดงามแตกต่างกัน นำท่านเข้าชมความงามของอุทยาน Lower Lake โดยล่องเรือข้ามทะเลสาบ Jezero Kozjak ***ในกรณีที่ทะเลสาบเป็นน้ำแข็งจนไม่สามารถล่องเรือได้ ทางบริษัทคืนเงินท่านละ 5 ยูโร*** ซึ่งเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในอุทยานแห่งนี้ อีกทั้งยังเป็นทะเลสาบที่เชื่อมระหว่างอุทยานตอนล่างขึ้นสู่ทะเลสาบชั้นบนของอุทยาน เพลิดเพลินกับธรรมชาติอันงดงามและความอลังการของ Lower Lake ที่ประกอบด้วยทะเลสาบ Milanovac, Gavanovac และ Kaluderovac เป็นต้น นำท่านเดินชมทะเลสาบต่างๆ ตามทางเดินสะพานไม้ที่เชื่อมแต่ละทะเลสาบเข้าด้วยกัน ชม Veliki Slip จุดชมน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในอุทยานมีความสูงถึง 70 เมตร
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมือง
บ่าย
นำท่านเดินทางมาที่เมืองซาเกรบ (Zagreb) เมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศโครเอเชีย ซึ่งมีความเก่าแก่แฝงด้วยเสน่ห์และมนต์ขลัง ซาเกรบเป็นเมืองแห่งศิลปวัฒนธรรมและเจริญรุ่งเรืองมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 11 ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของที่ราบแพนโนเนีย ซึ่งเชื่อมโยงไปยังบริเวณเทือกเขาแอลป์ เทือกเขาไดนาริกแอลป์ ทะเลอาเดรียติก และภูมิภาคแพนโนเนีย ทำให้สามารถติดต่อและคมนาคมขนส่งกับภูมิภาคยุโรปกลางกับทะเลอาเดรียติกได้อย่างดี และเป็นศูนย์กลางการขนส่ง อุตสาหกรรม และสถาบันวิจัยทางวิทยาศาสตร์ของเมืองนี้ก็เป็นพื้นฐานที่ทำให้ซาเกรบเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์กลางการปกครอง การบริหาร และเป็นที่ตั้งของกระทรวง หน่วยงานราชการต่าง ๆ ของประเทศอีกด้วยปัจจุบันชาวโครเอเชีย มีวิถีชีวิตเหมือนกับชาวยุโรปที่เจริญโดยทั่วไป ทั้งการคมนาคมภายในกรุงซาเกรบก็สะดวกสบาย และนิยมใช้รถรางเป็นพาหนะทั่วทั้งเมือง นำท่านถ่ายรูปกับมหาวิหารเซนต์สตีเฟน (St. Stephen Cathedral) ซึ่งมียอดแหลมทรงกลวยคู่บนยอดวิหารตกแต่งอย่างงดงาม มหาวิหารนี้ก็ได้รับการบูรณะใหม่อีกหลายครั้ง จนกระทั่งรูปร่างมหาวิหารงดงามในรูปแบบนิโอ-โกธิค ดังปัจจุบัน ซึ่งได้รับอิทธิพลจากการบูรณะก่อสร้างในปี ค.ศ. 1880 ชมจัตุรัสรูปปั้นนายพล บาน โจซิฟ เจลาซิค (Ban Josip Jelacic) ที่ถูกยกย่องว่าเป็นวีรบุรุษของประเทศ และบริเวณนี้เป็นศูนย์รวมความเจริญตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน จัตุรัสแห่งนี้มีมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 17 อาคารที่รายรอบจัตุรัสที่เก่าแก่ที่สุดก็ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 18
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารพื้นเมือง
ที่พัก
เดินทางเข้าสู่ที่พัก PANORAMA ZAGREB HOTEL หรือเทียบเท่า
วันที่ 5 ซาเกรบ – กราซ – ช้อปปิ้ง – เวียนนา
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำเดินทางสู่เมืองกราซ (Graz) เมืองใหญ่อันดับสองของประเทศออสเตรีย รองจากกรุงเวียนนา ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเมอร์ (Mur) ในอดีตเป็นเมืองหน้าด่านที่มีป้อมปราการอันแข็งแกร่งไว้ป้องกันการรุกรานจากพวกเติร์ก เป็นศูนย์กลางของสถาปัตยกรรมต่างๆจากทุกสมัย ทั้งโกธิค เรอเนส์ซองส์ และบาโรก อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยกราซ มหาวิทยาลัยที่มีความเก่าแก่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1585 ในปัจจุบันยังคงอนุรักษ์สิ่งก่อสร้างต่างๆ ไว้ค่อนข้างสมบูรณ์มาก เนื่องจากว่าในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้นเมืองนี้ไม่ค่อยโดนผลกระทบมากนัก ต่อมาในปี ค.ศ. ตัวเมืองเก่าของกราซได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก ในปี และในปี 2003 ก็ได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองหลวงแห่งวัฒนธรรมของยุโรปอีกด้วย นำท่านชมเขตเมืองเก่า (Old Town) เขตมรดกโลกซึ่งเป็นศูนย์รวมของบ้านเรือนโบราณกว่า 1,000 เข้าชมวิหารกราซ (Graz Cathedral) ภายนอกของวิหารถูกตกแต่งให้ดูเรียบง่าย แต่เมื่อเข้ามาชมบริเวณภายในนั้นถูกตกแต่งอย่างโอ่อ่า อลังการ ด้วยสไตล์บาโรก และมีออร์แกนขนาดใหญ่มีท่อจำนวนมากถึง 5,345 ท่อ และวิหารแห่งนี้เป็นที่ประทับของบิชอบแห่งกราซ – เซคเคา (Bishop of Graz-Seckau)
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมือง
บ่าย
นำท่านเดินทางสู่ McArthurGlen Designer Outlet in Parndorf ให้เวลาท่านได้อิสระช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมมากมาย อาทิ เช่น GUCCI, BALLY, HUGO BOSS, BENETTON, BURBERRY, CALVIN KLEIN, CROCS, GEOX, GUESS, LACOSTE, NIKE, OAKLEY, DIESEL และอื่นๆ อีกมากมาย
อิสระอาหารค่ำตามอัธยาศัย จากนั้นเดินทางสู่กรุงเวียนนา (Vienna) เมืองหลวงของออสเตรีย
ที่พัก
เดินทางเข้าสู่ที่พัก AZIMUT VIENNA หรือเทียบเท่า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำเดินทางสู่เมืองกราซ (Graz) เมืองใหญ่อันดับสองของประเทศออสเตรีย รองจากกรุงเวียนนา ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเมอร์ (Mur) ในอดีตเป็นเมืองหน้าด่านที่มีป้อมปราการอันแข็งแกร่งไว้ป้องกันการรุกรานจากพวกเติร์ก เป็นศูนย์กลางของสถาปัตยกรรมต่างๆจากทุกสมัย ทั้งโกธิค เรอเนส์ซองส์ และบาโรก อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยกราซ มหาวิทยาลัยที่มีความเก่าแก่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1585 ในปัจจุบันยังคงอนุรักษ์สิ่งก่อสร้างต่างๆ ไว้ค่อนข้างสมบูรณ์มาก เนื่องจากว่าในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้นเมืองนี้ไม่ค่อยโดนผลกระทบมากนัก ต่อมาในปี ค.ศ. ตัวเมืองเก่าของกราซได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก ในปี และในปี 2003 ก็ได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองหลวงแห่งวัฒนธรรมของยุโรปอีกด้วย นำท่านชมเขตเมืองเก่า (Old Town) เขตมรดกโลกซึ่งเป็นศูนย์รวมของบ้านเรือนโบราณกว่า 1,000 เข้าชมวิหารกราซ (Graz Cathedral) ภายนอกของวิหารถูกตกแต่งให้ดูเรียบง่าย แต่เมื่อเข้ามาชมบริเวณภายในนั้นถูกตกแต่งอย่างโอ่อ่า อลังการ ด้วยสไตล์บาโรก และมีออร์แกนขนาดใหญ่มีท่อจำนวนมากถึง 5,345 ท่อ และวิหารแห่งนี้เป็นที่ประทับของบิชอบแห่งกราซ – เซคเคา (Bishop of Graz-Seckau)
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมือง
บ่าย
นำท่านเดินทางสู่ McArthurGlen Designer Outlet in Parndorf ให้เวลาท่านได้อิสระช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมมากมาย อาทิ เช่น GUCCI, BALLY, HUGO BOSS, BENETTON, BURBERRY, CALVIN KLEIN, CROCS, GEOX, GUESS, LACOSTE, NIKE, OAKLEY, DIESEL และอื่นๆ อีกมากมาย
อิสระอาหารค่ำตามอัธยาศัย จากนั้นเดินทางสู่กรุงเวียนนา (Vienna) เมืองหลวงของออสเตรีย
ที่พัก
เดินทางเข้าสู่ที่พัก AZIMUT VIENNA หรือเทียบเท่า
วันที่ 6 เวียนนา – เชสกี้ ครุมลอฟ – เชสกี้ บูดาโจวิค
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านชมถนนสายวงแหวน (Ringstrasse) ที่แวดล้อมไปด้วยอาคารอันงดงามที่มีสถาปัตยกรรมเก่าแก่ ผ่านชมโรงละครโอเปร่า ที่สร้างขึ้นในระหว่างปีค.ศ.1863 - 1869 แต่ตัวอาคารได้ถูกทำลายไปในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 และเปิดใหม่อีกครั้งในปีค.ศ.1955, จากนั้นนำชมบริเวณรอบนอกโบสถ์สเตเฟ่นส์ (St. Stephen’s Cathedral) สัญลักษณ์ของกรุงเวียนนา ซึ่งพระเจ้าคาร์ลที่ 6 โปรดให้สร้างขึ้นในปีค.ศ.1713 เพื่อเป็นการแก้บนต่อความทุกข์ยากของประชาชน นำท่านเข้าชมความงดงามของพระราชวังเชินบรุนน์ (Schoenbrunn Palace) แห่งราชวงศ์ ฮับสบวร์ก ซึ่งมีประวัติการสร้างมาตั้งแต่กลางคริสต์ศตวรรษที่ 16 และต่อมาพระนางมาเรีย เทเรซ่า ให้สร้างขึ้นใหม่อย่างสง่างามด้วยจำนวนห้องถึง 1,441 ห้อง ในระหว่างปีค.ศ. 1744 - 1749 เพื่อใช้เป็นพระราชวังฤดูร้อน ชมความโอ่อ่าของท้องพระโรง และพลับพลาที่ประทับ ซึ่งได้รับการตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจงสวยงามไม่แพ้พระราชวังแวร์ซายของฝรั่งเศส
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน
บ่าย
นำท่านเดินทางสู่เมืองมรดกโลก เชสกี้ ครุมลอฟ (Cesky Krumlov) นำชมเมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นเพชรน้ำงามแห่งโบฮีเมีย เมืองที่ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นเมืองมรดกโลกใน ค.ศ.1992 (World Heritage) เมืองนี้ตั้งอยู่ริมสองฝั่งของแม่น้ำวัลตาวา ความโดดเด่นของเมืองที่มีอาคารเก่าแก่ตั้งแต่ยุคกลางกว่า 300 ปี หลังได้รับการอนุรักษ์และขึ้นทะเบียนไว้ให้เป็นสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก จากนั้นนำชมบริเวณภายนอกปราสาทครุมลอฟ (Krumlov Castle) ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ.1250 ถือเป็นปราสาทที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศรองลงมาจากปราสาทปราก มีอายุเก่าแก่กว่า 700 ปี ซึ่งตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำวอลตา-วา (Valtawa River) ตรงบริเวณคุ้งน้ำฝั่งตรงข้ามเป็นย่านเมืองเก่าคลาสสิก Senete Square และโบสถ์เก่ากลางเมือง
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารพื้นเมือง
นำท่านเดินทางไปยังเมือง เชสกี้ บูดาโจวิค (Ceske Budejovice)
ที่พัก
เดินทางเข้าสู่ที่พัก SPA HOTEL VITA หรือเทียบเท่า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านชมถนนสายวงแหวน (Ringstrasse) ที่แวดล้อมไปด้วยอาคารอันงดงามที่มีสถาปัตยกรรมเก่าแก่ ผ่านชมโรงละครโอเปร่า ที่สร้างขึ้นในระหว่างปีค.ศ.1863 - 1869 แต่ตัวอาคารได้ถูกทำลายไปในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 และเปิดใหม่อีกครั้งในปีค.ศ.1955, จากนั้นนำชมบริเวณรอบนอกโบสถ์สเตเฟ่นส์ (St. Stephen’s Cathedral) สัญลักษณ์ของกรุงเวียนนา ซึ่งพระเจ้าคาร์ลที่ 6 โปรดให้สร้างขึ้นในปีค.ศ.1713 เพื่อเป็นการแก้บนต่อความทุกข์ยากของประชาชน นำท่านเข้าชมความงดงามของพระราชวังเชินบรุนน์ (Schoenbrunn Palace) แห่งราชวงศ์ ฮับสบวร์ก ซึ่งมีประวัติการสร้างมาตั้งแต่กลางคริสต์ศตวรรษที่ 16 และต่อมาพระนางมาเรีย เทเรซ่า ให้สร้างขึ้นใหม่อย่างสง่างามด้วยจำนวนห้องถึง 1,441 ห้อง ในระหว่างปีค.ศ. 1744 - 1749 เพื่อใช้เป็นพระราชวังฤดูร้อน ชมความโอ่อ่าของท้องพระโรง และพลับพลาที่ประทับ ซึ่งได้รับการตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจงสวยงามไม่แพ้พระราชวังแวร์ซายของฝรั่งเศส
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน
บ่าย
นำท่านเดินทางสู่เมืองมรดกโลก เชสกี้ ครุมลอฟ (Cesky Krumlov) นำชมเมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นเพชรน้ำงามแห่งโบฮีเมีย เมืองที่ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นเมืองมรดกโลกใน ค.ศ.1992 (World Heritage) เมืองนี้ตั้งอยู่ริมสองฝั่งของแม่น้ำวัลตาวา ความโดดเด่นของเมืองที่มีอาคารเก่าแก่ตั้งแต่ยุคกลางกว่า 300 ปี หลังได้รับการอนุรักษ์และขึ้นทะเบียนไว้ให้เป็นสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก จากนั้นนำชมบริเวณภายนอกปราสาทครุมลอฟ (Krumlov Castle) ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ.1250 ถือเป็นปราสาทที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศรองลงมาจากปราสาทปราก มีอายุเก่าแก่กว่า 700 ปี ซึ่งตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำวอลตา-วา (Valtawa River) ตรงบริเวณคุ้งน้ำฝั่งตรงข้ามเป็นย่านเมืองเก่าคลาสสิก Senete Square และโบสถ์เก่ากลางเมือง
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารพื้นเมือง
นำท่านเดินทางไปยังเมือง เชสกี้ บูดาโจวิค (Ceske Budejovice)
ที่พัก
เดินทางเข้าสู่ที่พัก SPA HOTEL VITA หรือเทียบเท่า
วันที่ 7 เชสกี้ บูดาโจวิค – มาเรียนส์เก ลาซเน – คาร์โลวี วารี – ปราก
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่เมืองมาเรียนส์เก ลาซเน (Marianske Lazne) ที่มีชื่อเสียงทางด้านบ่อน้ำแร่ น้ำพุร้อน ระดับโลกอีกแห่งหนึ่งของสาธารณรัฐเช็ก อีกทั้งยังได้รับการขนานนามว่าเป็น "เมืองแห่งสปา" ที่ถูกโอบล้อมด้วยขุนเขา และความสวยงามจากอาคารบ้านเรือนรูปทรงเก่าโบราณที่ดูคลาสสิกให้ความรู้ถึงสึกความโรแมนติกและน่าหลงใหล นำท่านชมและถ่ายรูปกับลานน้ำพุเต้นระบําหรือ ลานน้ำพุดนตรี ที่ตั้งอยู่บริเวณใจกลางเมือง ซึ่งในทุกๆ ชั่วโมงจะเปิดเพลงบรรเลงไปพร้อมๆกับการพวยพุ่งของน้ำพุ, บ่อน้ำพุร้อนครีโซวี (Kížový pramen) หรือ ครอสสปริง เป็นบ่อน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงและเก่าแก่ที่สุดที่สุดของเมือง โดยบ่อน้ำพุร้อนครีโซวี เป็นบ่อน้ำพุร้อนที่มีธาตุเหล็กสูง อีกทั้งยังมีความเชื่อว่าน้ำในบ่อนั้นยังมีสรรพคุณช่วยในเรื่องของการรักษาโรค โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารรวมไปถึงโรคภูมิแพ้ด้วย
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมือง
บ่าย
นำเดินทางสู่เมืองคาร์โลวี วารี (Karlovy vary) ที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งสปา ที่ใหญ่ที่สุดของสาธารณรัฐเช็ก เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกว่าเป็นศูนย์กลางการบำบัดโรคภัยต่างๆ นำท่านเดินชมเมืองคาร์โลวี วารี ปัจจุบันเป็นที่นิยมของผู้คนทั่วโลกที่จะมาใช้บริการรักษาสุขภาพ ตามความเชื่อที่มีมาแต่สมัยโบราณ เชิญท่านทดลองดื่มน้ำแร่ ซึ่งต้องดื่มกับแก้วพิเศษโดยเฉพาะ เป็นแก้วพอร์ซเลนที่มีปากยื่นออกมาเหมือนกาน้ำ เดินทางสู่กรุงปราก (Prague) เมืองหลวงของประเทศสาธารณรัฐเช็ก อดีตเมืองหลวงของสาธารณรัฐเชโกสโลวาเกีย ซึ่งได้รับสมญานามมากมาย เช่น นครแห่งปราสาท และโรมแห่งอุดรทิศ
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารจีน
ที่พัก
เดินทางเข้าสู่ที่พัก INTERNATIONAL PRAGUE หรือเทียบเท่า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่เมืองมาเรียนส์เก ลาซเน (Marianske Lazne) ที่มีชื่อเสียงทางด้านบ่อน้ำแร่ น้ำพุร้อน ระดับโลกอีกแห่งหนึ่งของสาธารณรัฐเช็ก อีกทั้งยังได้รับการขนานนามว่าเป็น "เมืองแห่งสปา" ที่ถูกโอบล้อมด้วยขุนเขา และความสวยงามจากอาคารบ้านเรือนรูปทรงเก่าโบราณที่ดูคลาสสิกให้ความรู้ถึงสึกความโรแมนติกและน่าหลงใหล นำท่านชมและถ่ายรูปกับลานน้ำพุเต้นระบําหรือ ลานน้ำพุดนตรี ที่ตั้งอยู่บริเวณใจกลางเมือง ซึ่งในทุกๆ ชั่วโมงจะเปิดเพลงบรรเลงไปพร้อมๆกับการพวยพุ่งของน้ำพุ, บ่อน้ำพุร้อนครีโซวี (Kížový pramen) หรือ ครอสสปริง เป็นบ่อน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงและเก่าแก่ที่สุดที่สุดของเมือง โดยบ่อน้ำพุร้อนครีโซวี เป็นบ่อน้ำพุร้อนที่มีธาตุเหล็กสูง อีกทั้งยังมีความเชื่อว่าน้ำในบ่อนั้นยังมีสรรพคุณช่วยในเรื่องของการรักษาโรค โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารรวมไปถึงโรคภูมิแพ้ด้วย
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมือง
บ่าย
นำเดินทางสู่เมืองคาร์โลวี วารี (Karlovy vary) ที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งสปา ที่ใหญ่ที่สุดของสาธารณรัฐเช็ก เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกว่าเป็นศูนย์กลางการบำบัดโรคภัยต่างๆ นำท่านเดินชมเมืองคาร์โลวี วารี ปัจจุบันเป็นที่นิยมของผู้คนทั่วโลกที่จะมาใช้บริการรักษาสุขภาพ ตามความเชื่อที่มีมาแต่สมัยโบราณ เชิญท่านทดลองดื่มน้ำแร่ ซึ่งต้องดื่มกับแก้วพิเศษโดยเฉพาะ เป็นแก้วพอร์ซเลนที่มีปากยื่นออกมาเหมือนกาน้ำ เดินทางสู่กรุงปราก (Prague) เมืองหลวงของประเทศสาธารณรัฐเช็ก อดีตเมืองหลวงของสาธารณรัฐเชโกสโลวาเกีย ซึ่งได้รับสมญานามมากมาย เช่น นครแห่งปราสาท และโรมแห่งอุดรทิศ
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารจีน
ที่พัก
เดินทางเข้าสู่ที่พัก INTERNATIONAL PRAGUE หรือเทียบเท่า
วันที่ 8 ปราก – คุทนา ฮอร่า – ปราก
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่เมืองคุทนา ฮอร่า (Kutna Hora) เมืองที่สำคัญและมีความสวยงามไม่แพ้กรุงปราก เนื่องจากเป็นเหมืองแร่เงินของยุโรปมาตั้งแต่ยุคกลาง จึงทำให้เมืองนี้มีความร่ำรวยไม่แพ้กรุงปราก และยังมีความสวยงามทางธรรมชาติและสิ่งก่อสร้างที่เก่าแก่ จนได้รับการจดทะเบียนเข้าเป็นมรดกโลกจาก UNESCO ในปี ค.ศ 1995 นำท่านชมความสวยงามของโบสถ์ประจำเมืองจากทางด้านนอกของโบสถ์เซ็นต์บาบารา (St. Barbara Church) โบสถ์สไตล์โกธิกที่นับว่าสวยงาม และสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ ซึ่งได้ก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 1388 และเสร็จสมบูรณ์ในปี 1905 ใช้เวลาในการก่อสร้างนานกว่า 500 ปี แวะถ่ายรูปด้านนอกกับโบสถ์โครงกระดูก (Sedlec Ossuary) อันโด่งดัง สถานที่ที่แปลกที่สุดในเมืองนี้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นโบสถ์ที่แปลกที่สุดในโลก เนื่องจากโบสถ์นี้ตกแต่งไปด้วยโครงกระดูกมนุษย์กว่า 70,000 ชิ้น และมากกว่า 40,000 คน ทุกอย่างทำขึ้นจากกระดูกทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นโคมไฟระย้า แท่นบูชา ไปจนถึงตราสัญลักษณ์ตระกูล เหตุผลของการนำกระดูกมาตกแต่งคือ ตระกูลผู้ปกครองสัญชาติเยอรมันมอบหมายให้ สถาปนิกชื่อ Frantisek Rint สร้างสรรค์ผลงานจากกระดูกเพื่อเป็นการระลึกถึงการใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง และสื่อให้เห็นว่าความตายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมือง
บ่าย
นำท่านเดินทางกลับสู่กรุงปราก ชมสะพานชาร์ล (Charles Bridge) สะพานเก่าแก่ข้ามแม่น้ำวัลตาวา สไตล์โกธิคที่สร้างขึ้นตั้งแต่กลางคริสต์ศตวรรษที่ 14 สมัยพระเจ้าชาร์ลที่ 4 ชมรูปปั้นโลหะของเหล่านักบุญที่ตั้งอยู่สองข้างราวสะพานกว่า 30 องค์ จากนั้นนำท่านเดินสู่ประตูเมืองเก่า “Powder Gate” ขอบเขตเมืองในสมัยโบราณ, ศาลาว่าการเมืองหลังเก่า (Old Town Hall) ที่สร้างมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1338 มีจุดเด่นคือ นาฬิกาดาราศาสตร์ (Astronomical Clock) ที่สวยงามและยังตีบอกเวลาทุกๆชั่วโมง อิสระให้ท่านเดินเล่นชมเมือง ทั้งเมืองเก่า และเมืองใหม่ตามอัธยาศัย เลือกซื้อสินค้าแบรนด์เนมบนถนนช้อปปิ้งใกล้เมืองเก่าอย่างจุใจ นำชมด้านนอกปราสาทแห่งปราก (Prague Castle) ที่สร้างขึ้นอยู่บนเนินเขาตั้งแต่สมัยคริสต์ศตวรรษที่ 9 ในสมัยเจ้าชาย Borivoj แห่งราชวงศ์ Premyslids ซึ่งปัจจุบันเป็นทำเนียบประธานาธิบดีมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1918, มหาวิหารเซนต์วิตุส (St.Vitus Cathedral) อันงามสง่าด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิคในสมัยศตวรรษที่ 14 นับว่าเป็นมหาวิหารสไตล์โกธิคที่ใหญ่ที่สุดในกรุงปราก ซึ่งพระเจ้าชาร์ลที่ 4 โปรดให้สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1344 ภายในเป็นที่เก็บพระศพของกษัตริย์สำคัญในอดีต เช่น พระเจ้าชาร์ลที่ 4, พระเจ้าเฟอร์ดินานด์ที่ 1 และ พระเจ้าแมกซิมิเลี่ยนที่ 2 เป็นต้น, พระราชวังหลวง (Royal Palace) ที่เป็นหนึ่งในส่วนที่เก่าแก่ที่สุดของปราสาท ใช้เป็นที่ประทับของเจ้าชายโบฮีเมียนทั้งหลาย อิสระให้ท่านเดินเล่นย่านเมืองเก่า เลือกซื้อสินค้าพื้นเมือง เช่น เครื่องแก้วโบฮีเมียน หรือเลือกซื้อสินค้าแบรนด์เนม อาทิเช่น Louis Vitton, Furla, Gucci, Lacoste เป็นต้น
อิสระอาหารค่ำตามอัธยาศัย
ที่พัก
เดินทางเข้าสู่ที่พัก INTERNATIONAL PRAGUE หรือเทียบเท่า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่เมืองคุทนา ฮอร่า (Kutna Hora) เมืองที่สำคัญและมีความสวยงามไม่แพ้กรุงปราก เนื่องจากเป็นเหมืองแร่เงินของยุโรปมาตั้งแต่ยุคกลาง จึงทำให้เมืองนี้มีความร่ำรวยไม่แพ้กรุงปราก และยังมีความสวยงามทางธรรมชาติและสิ่งก่อสร้างที่เก่าแก่ จนได้รับการจดทะเบียนเข้าเป็นมรดกโลกจาก UNESCO ในปี ค.ศ 1995 นำท่านชมความสวยงามของโบสถ์ประจำเมืองจากทางด้านนอกของโบสถ์เซ็นต์บาบารา (St. Barbara Church) โบสถ์สไตล์โกธิกที่นับว่าสวยงาม และสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ ซึ่งได้ก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 1388 และเสร็จสมบูรณ์ในปี 1905 ใช้เวลาในการก่อสร้างนานกว่า 500 ปี แวะถ่ายรูปด้านนอกกับโบสถ์โครงกระดูก (Sedlec Ossuary) อันโด่งดัง สถานที่ที่แปลกที่สุดในเมืองนี้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นโบสถ์ที่แปลกที่สุดในโลก เนื่องจากโบสถ์นี้ตกแต่งไปด้วยโครงกระดูกมนุษย์กว่า 70,000 ชิ้น และมากกว่า 40,000 คน ทุกอย่างทำขึ้นจากกระดูกทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นโคมไฟระย้า แท่นบูชา ไปจนถึงตราสัญลักษณ์ตระกูล เหตุผลของการนำกระดูกมาตกแต่งคือ ตระกูลผู้ปกครองสัญชาติเยอรมันมอบหมายให้ สถาปนิกชื่อ Frantisek Rint สร้างสรรค์ผลงานจากกระดูกเพื่อเป็นการระลึกถึงการใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง และสื่อให้เห็นว่าความตายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมือง
บ่าย
นำท่านเดินทางกลับสู่กรุงปราก ชมสะพานชาร์ล (Charles Bridge) สะพานเก่าแก่ข้ามแม่น้ำวัลตาวา สไตล์โกธิคที่สร้างขึ้นตั้งแต่กลางคริสต์ศตวรรษที่ 14 สมัยพระเจ้าชาร์ลที่ 4 ชมรูปปั้นโลหะของเหล่านักบุญที่ตั้งอยู่สองข้างราวสะพานกว่า 30 องค์ จากนั้นนำท่านเดินสู่ประตูเมืองเก่า “Powder Gate” ขอบเขตเมืองในสมัยโบราณ, ศาลาว่าการเมืองหลังเก่า (Old Town Hall) ที่สร้างมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1338 มีจุดเด่นคือ นาฬิกาดาราศาสตร์ (Astronomical Clock) ที่สวยงามและยังตีบอกเวลาทุกๆชั่วโมง อิสระให้ท่านเดินเล่นชมเมือง ทั้งเมืองเก่า และเมืองใหม่ตามอัธยาศัย เลือกซื้อสินค้าแบรนด์เนมบนถนนช้อปปิ้งใกล้เมืองเก่าอย่างจุใจ นำชมด้านนอกปราสาทแห่งปราก (Prague Castle) ที่สร้างขึ้นอยู่บนเนินเขาตั้งแต่สมัยคริสต์ศตวรรษที่ 9 ในสมัยเจ้าชาย Borivoj แห่งราชวงศ์ Premyslids ซึ่งปัจจุบันเป็นทำเนียบประธานาธิบดีมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1918, มหาวิหารเซนต์วิตุส (St.Vitus Cathedral) อันงามสง่าด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิคในสมัยศตวรรษที่ 14 นับว่าเป็นมหาวิหารสไตล์โกธิคที่ใหญ่ที่สุดในกรุงปราก ซึ่งพระเจ้าชาร์ลที่ 4 โปรดให้สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1344 ภายในเป็นที่เก็บพระศพของกษัตริย์สำคัญในอดีต เช่น พระเจ้าชาร์ลที่ 4, พระเจ้าเฟอร์ดินานด์ที่ 1 และ พระเจ้าแมกซิมิเลี่ยนที่ 2 เป็นต้น, พระราชวังหลวง (Royal Palace) ที่เป็นหนึ่งในส่วนที่เก่าแก่ที่สุดของปราสาท ใช้เป็นที่ประทับของเจ้าชายโบฮีเมียนทั้งหลาย อิสระให้ท่านเดินเล่นย่านเมืองเก่า เลือกซื้อสินค้าพื้นเมือง เช่น เครื่องแก้วโบฮีเมียน หรือเลือกซื้อสินค้าแบรนด์เนม อาทิเช่น Louis Vitton, Furla, Gucci, Lacoste เป็นต้น
อิสระอาหารค่ำตามอัธยาศัย
ที่พัก
เดินทางเข้าสู่ที่พัก INTERNATIONAL PRAGUE หรือเทียบเท่า
วันที่ 9 ปราก – สนามบิน
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำคณะเดินทางสู่ สนามบินวาคราฟ ฮาเวล ปราก เพื่อให้ท่านมีเวลาในการทำคืนภาษี (Tax Refund) และมีเวลาในการเลือกซื้อสินค้าในร้านค้าปลอดภาษีภายในสนามบิน
15.55 น.
ออกเดินทางสู่ดูไบ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 140
23.50 น.
ถึงสนามบินดูไบ เพื่อรอเปลี่ยนเครื่อง
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำคณะเดินทางสู่ สนามบินวาคราฟ ฮาเวล ปราก เพื่อให้ท่านมีเวลาในการทำคืนภาษี (Tax Refund) และมีเวลาในการเลือกซื้อสินค้าในร้านค้าปลอดภาษีภายในสนามบิน
15.55 น.
ออกเดินทางสู่ดูไบ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 140
23.50 น.
ถึงสนามบินดูไบ เพื่อรอเปลี่ยนเครื่อง
วันที่ 10 ดูไบ – กรุงเทพฯ
03.40 น.
ออกเดินทางสู่กรุงเทพฯ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 376
คณะเดินทาง 10-19 เม.ย. 2563 เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิด้วยเที่ยวบินที่ EK376 เวลา 12.50 น.
13.15 น.
เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ
ออกเดินทางสู่กรุงเทพฯ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 376
คณะเดินทาง 10-19 เม.ย. 2563 เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิด้วยเที่ยวบินที่ EK376 เวลา 12.50 น.
13.15 น.
เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ