โปรแกรม 10 วัน 7 คืน : เดินทางโดยสายการบินEmirates
วันที่ 1 กรุงเทพฯ
22.00 น.
คณะพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศประตู 9 เคาน์เตอร์ T สายการบินเอมิเรตส์ โดยมีเจ้าหน้าที่คอยต้อนรับและอำนวยความสะดวก
คณะพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศประตู 9 เคาน์เตอร์ T สายการบินเอมิเรตส์ โดยมีเจ้าหน้าที่คอยต้อนรับและอำนวยความสะดวก
วันที่ 2 กรุงเทพฯ – ดูไบ – ลิสบอน
01.05 น.
ออกเดินทางสู่ดูไบโดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 385
***คณะเดินทางวันที่ 04 เม.ย. – 26 พ.ค. 63 ออกเดินทางเวลา 01.15 น.ถึงดูไบ เวลา 04.45 น.***
***คณะเดินทางตั้งแต่วันที่ 06 มิ.ย. 63 เป็นต้นไป ออกเดินทางเวลา 01.35 น. ถึงดูไบเวลา 04.45 น.***
05.00 น.
ถึงสนามบินดูไบ เพื่อรอเปลี่ยนเครื่อง
07.25 น.
ออกเดินทางสู่ลิสบอน โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 191
***คณะเดินทางตั้งแต่วันที่ 04 เม.ย. 63 เป็นต้นไป ออกเดินทางเวลา 07.25 น.ถึงดูไบ เวลา 12.35 น.***
12.00 น.
ถึงสนามบินลิสบอน ประเทศโปรตุเกส (Portugal) (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 7 ชั่วโมง และจะเปลี่ยนเป็น 6 ชั่วโมงในวันที่ 29 มีนาคม 2563) ผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร นำท่านถ่ายภาพกับอนุสาวรีย์ดิสคัฟเวอรี่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1960 เพื่อฉลองการครบ 500 ปี แห่งการสิ้นพระชนม์ของเจ้าชายเฮนรี่ เดอะเนวิเกเตอร์ แวะถ่ายรูปกับหอคอยเบเล็ง (Belem Tower) เดิมสร้างไว้กลางน้ำเพื่อเป็นป้อมรักษาการณ์ดูแลการเดินเรือเข้าออก เป็นจุดเริ่มต้นของการเดินเรือออกไปสำรวจ และค้นพบโลกของ วาสโก ดากามา นักเดินเรือชาวโปรตุเกส เป็นอีกหนึ่งสถาปัตยกรรมแบบมานูเอลไลน์ที่สวยงาม นำเข้าชมมหาวิหารเจอโร นิโม (Jeronimos Monastry) ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ วาสโก ดากามา ที่เดินทางสู่อินเดียเป็นผลสำเร็จ ในปี ค.ศ.1498 จัดเป็นผลงานอันเยี่ยมยอดของงานสถาปัตยกรรมที่เรียกกันว่ามานูเอลไลน์ (Manueline) ใช้เวลาก่อสร้างทั้งสิ้นถึง 70 ปี จึงแล้วเสร็จสมบูรณ์ และได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก (UNESCO World Heritage)
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารจีน
ที่พัก
เดินทางเข้าสู่ที่พัก LUTECIA SMART DESIGN HOTEL หรือเทียบเท่า
ออกเดินทางสู่ดูไบโดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 385
***คณะเดินทางวันที่ 04 เม.ย. – 26 พ.ค. 63 ออกเดินทางเวลา 01.15 น.ถึงดูไบ เวลา 04.45 น.***
***คณะเดินทางตั้งแต่วันที่ 06 มิ.ย. 63 เป็นต้นไป ออกเดินทางเวลา 01.35 น. ถึงดูไบเวลา 04.45 น.***
05.00 น.
ถึงสนามบินดูไบ เพื่อรอเปลี่ยนเครื่อง
07.25 น.
ออกเดินทางสู่ลิสบอน โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 191
***คณะเดินทางตั้งแต่วันที่ 04 เม.ย. 63 เป็นต้นไป ออกเดินทางเวลา 07.25 น.ถึงดูไบ เวลา 12.35 น.***
12.00 น.
ถึงสนามบินลิสบอน ประเทศโปรตุเกส (Portugal) (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 7 ชั่วโมง และจะเปลี่ยนเป็น 6 ชั่วโมงในวันที่ 29 มีนาคม 2563) ผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร นำท่านถ่ายภาพกับอนุสาวรีย์ดิสคัฟเวอรี่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1960 เพื่อฉลองการครบ 500 ปี แห่งการสิ้นพระชนม์ของเจ้าชายเฮนรี่ เดอะเนวิเกเตอร์ แวะถ่ายรูปกับหอคอยเบเล็ง (Belem Tower) เดิมสร้างไว้กลางน้ำเพื่อเป็นป้อมรักษาการณ์ดูแลการเดินเรือเข้าออก เป็นจุดเริ่มต้นของการเดินเรือออกไปสำรวจ และค้นพบโลกของ วาสโก ดากามา นักเดินเรือชาวโปรตุเกส เป็นอีกหนึ่งสถาปัตยกรรมแบบมานูเอลไลน์ที่สวยงาม นำเข้าชมมหาวิหารเจอโร นิโม (Jeronimos Monastry) ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ วาสโก ดากามา ที่เดินทางสู่อินเดียเป็นผลสำเร็จ ในปี ค.ศ.1498 จัดเป็นผลงานอันเยี่ยมยอดของงานสถาปัตยกรรมที่เรียกกันว่ามานูเอลไลน์ (Manueline) ใช้เวลาก่อสร้างทั้งสิ้นถึง 70 ปี จึงแล้วเสร็จสมบูรณ์ และได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก (UNESCO World Heritage)
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารจีน
ที่พัก
เดินทางเข้าสู่ที่พัก LUTECIA SMART DESIGN HOTEL หรือเทียบเท่า
วันที่ 3 ลิสบอน – แหลมโรกา – ซินทรา – ฟาติมา – โกอิมบรา
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
พาท่านเดินทางชมแหลมโรกา (Capo Da Roca) จุดที่เป็นปลายด้านตะวันตกสุดของทวีปยุโรป ซึ่งท่านสามารถซื้อใบประกาศนียบัตร (Certificate) เป็นที่ระลึกในการมาเยือน ณ ที่แห่งนี้ได้ จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองซินทรา (Sintra) อีกหนึ่งเมืองตากอากาศยอดนิยมของนักท่องเที่ยว เป็นที่ตั้งของพระราชวังที่สวยงามที่ได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก ความร่มรื่นของเขตอุทยานเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจในวันหยุดของชาวเมือง เป็นอีกเมืองที่มีสถาปัตยกรรมที่ค่อนข้างมีความโดดเด่นของแคว้นแกรนด์ลิสบอน ประเทศโปรตุเกส
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
บ่าย
นำท่านเดินทางสู่เมืองฟาติมา (Fatima) ซึ่งเป็นอีกเมืองหนึ่งที่มีความสำคัญของคริสต์ศาสนิกชน นำท่านเข้าชมโบสถ์แม่พระฟาติมา (The Lady of Fatima Basilica) ซึ่งเป็นโบสถ์โรมันคาทอลิก ก่อสร้างในปี 1928 - 1953 ชมรูปปั้นพระแม่มารี ที่มีความศักดิ์สิทธิ์และเป็นหนึ่งในหลายเส้นทางของคริสต์ศาสนิกชนในการแสวงบุญ ที่มีความเชื่อว่าพระแม่มารีได้เคยปรากฏตัวให้เด็กน้อย 3 คนได้เห็นเป็นครั้งแรกที่แอบหลบภัยสงครามโลกครั้งที่ 1 และได้บอกกับเด็กทั้งสามคนถึงเหตุผลที่พระองค์ลงมาจากสวรรค์ เพื่อให้ลูเซีย ได้บันทึกไว้ถึงคำทำนายและคำสอนของพระแม่มารี ซึ่งเหตุการณ์ต่างๆที่ลูเซียได้บันทึกไว้ก็ล้วนเป็นความจริงที่ปรากฏขึ้นมาภายหลัง จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองโกอิมบรา (Coimbra) อีกหนึ่งเมืองที่สำคัญของโปรตุเกส ตั้งอยู่บนเนินเขาเหนือแม่น้ำมอนเดโก (Mondego) ซึ่งสมัยถูกปกครองโดยอาณาจักรโรมันได้รับการเรียกขานว่า เอมีเนียม และได้ถูกยึดครองโดยชาวแขกมัวร์ ในปี ค.ศ. 711 และเป็นเมืองที่เชื่อมการค้าระหว่างชาวคริสต์ทางเหนือและชาวมุสลิมทางใต้ จนในปี ค.ศ.1064 กษัตริย์เฟอร์ดินัลที่ 1 แห่งลีออน ได้รบชนะแขกมัวร์และปลดปล่อยเมืองโกอิมบรา นำชมมหาวิทยาลัยโกอิมบรา(Coimbra University) ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ก่อตั้งในปี ค.ศ.1290 แต่ก็ถูกเปลี่ยนเป็นพระราชวังหลวง (Coimbra Royal Palace) โดยกษัตริย์ คิงส์จอห์นที่ 3 ในปี ค.ศ. 1573 ซึ่งยังคงศิลปะสไตล์บาร็อคที่สวยงาม
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
ที่พัก
นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก TRYP COIMBRA หรือเทียบเท่า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
พาท่านเดินทางชมแหลมโรกา (Capo Da Roca) จุดที่เป็นปลายด้านตะวันตกสุดของทวีปยุโรป ซึ่งท่านสามารถซื้อใบประกาศนียบัตร (Certificate) เป็นที่ระลึกในการมาเยือน ณ ที่แห่งนี้ได้ จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองซินทรา (Sintra) อีกหนึ่งเมืองตากอากาศยอดนิยมของนักท่องเที่ยว เป็นที่ตั้งของพระราชวังที่สวยงามที่ได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก ความร่มรื่นของเขตอุทยานเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจในวันหยุดของชาวเมือง เป็นอีกเมืองที่มีสถาปัตยกรรมที่ค่อนข้างมีความโดดเด่นของแคว้นแกรนด์ลิสบอน ประเทศโปรตุเกส
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
บ่าย
นำท่านเดินทางสู่เมืองฟาติมา (Fatima) ซึ่งเป็นอีกเมืองหนึ่งที่มีความสำคัญของคริสต์ศาสนิกชน นำท่านเข้าชมโบสถ์แม่พระฟาติมา (The Lady of Fatima Basilica) ซึ่งเป็นโบสถ์โรมันคาทอลิก ก่อสร้างในปี 1928 - 1953 ชมรูปปั้นพระแม่มารี ที่มีความศักดิ์สิทธิ์และเป็นหนึ่งในหลายเส้นทางของคริสต์ศาสนิกชนในการแสวงบุญ ที่มีความเชื่อว่าพระแม่มารีได้เคยปรากฏตัวให้เด็กน้อย 3 คนได้เห็นเป็นครั้งแรกที่แอบหลบภัยสงครามโลกครั้งที่ 1 และได้บอกกับเด็กทั้งสามคนถึงเหตุผลที่พระองค์ลงมาจากสวรรค์ เพื่อให้ลูเซีย ได้บันทึกไว้ถึงคำทำนายและคำสอนของพระแม่มารี ซึ่งเหตุการณ์ต่างๆที่ลูเซียได้บันทึกไว้ก็ล้วนเป็นความจริงที่ปรากฏขึ้นมาภายหลัง จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองโกอิมบรา (Coimbra) อีกหนึ่งเมืองที่สำคัญของโปรตุเกส ตั้งอยู่บนเนินเขาเหนือแม่น้ำมอนเดโก (Mondego) ซึ่งสมัยถูกปกครองโดยอาณาจักรโรมันได้รับการเรียกขานว่า เอมีเนียม และได้ถูกยึดครองโดยชาวแขกมัวร์ ในปี ค.ศ. 711 และเป็นเมืองที่เชื่อมการค้าระหว่างชาวคริสต์ทางเหนือและชาวมุสลิมทางใต้ จนในปี ค.ศ.1064 กษัตริย์เฟอร์ดินัลที่ 1 แห่งลีออน ได้รบชนะแขกมัวร์และปลดปล่อยเมืองโกอิมบรา นำชมมหาวิทยาลัยโกอิมบรา(Coimbra University) ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ก่อตั้งในปี ค.ศ.1290 แต่ก็ถูกเปลี่ยนเป็นพระราชวังหลวง (Coimbra Royal Palace) โดยกษัตริย์ คิงส์จอห์นที่ 3 ในปี ค.ศ. 1573 ซึ่งยังคงศิลปะสไตล์บาร็อคที่สวยงาม
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
ที่พัก
นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก TRYP COIMBRA หรือเทียบเท่า
วันที่ 4 กอร์โดบา – ปอร์โต้ – ซาลามังกา
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองปอร์โต้ (Porto) ทางเหนือของประเทศโปรตุเกส เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงถึง “ไวน์ปอร์โต้” ซึ่งเป็นแหล่งไวน์ชั้นดีของคนที่มีรสนิยมในการดื่มไวน์ และเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองและตั้งอยู่ริมแม่น้ำโดรู และเมืองนี้ยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโก ในปี ค.ศ.1996 อีกด้วย นำท่านชมเมืองมรดกโลกปอร์โต้ ชมย่านจัตุรัสกลางเมือง Praça dos Liberdade ประกอบด้วยอาคารสวยงามที่เป็นที่ทำการของธนาคารและโรงแรม และศาลาว่าการเมือง ชมสถานีรถไฟ São Bento ซึ่งภายในมีการตกแต่งด้วยกระเบื้องเขียนสีที่มีลวดลายสีน้ำเงิน ที่เล่าเรื่องราวของชาวโปรตุเกส แวะถ่ายรูปกับโบสถ์ Sé de Porto ที่เก่าแก่ที่สุดของเมือง อายุกว่าพันปี โบสถ์แห่งนี้เป็นที่จัดงานอภิเษกสมรสของกษัตริย์ João ที่ 1 บิดาของเจ้าชายเฮนรี่ ผู้บุกเบิกการเดินเรืออันยิ่งใหญ่ของโปรตุเกส สร้างอยู่บนเนินที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมือง
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน
บ่าย
นำท่านเดินทางข้ามพรมแดนสู่เมืองซาลามังกา (Salamanca) ในแคว้นคาสตีลและเลออน ทางภาคตะวันตกของประเทศสเปน (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 6 ชั่วโมง และจะเปลี่ยนเป็น 5 ชั่วโมงในวันที่ 29 มีนาคม 2563) ตั้งอยู่บนที่ราบสูงริมแม่น้ำตอร์เมส เป็นเมืองที่มีความสำคัญเนื่องจากเป็นศูนย์กลางของการค้าขายในสมัยโรมันเรืองอำนาจ ปัจจุบันเมืองนี้ได้รับขึ้นเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก ในปี ค.ศ. 1988 นำท่านสู่พลาซ่า มายอร์ (La Plaza Mayor) ศูนย์กลางของเมืองที่สร้างโดยศิลปะสไตล์บาร็อค ที่เป็นเอกลักษณ์ของความร่ำรวยในยุคศตวรรษที่ 16 - 18 อิสระให้ท่านได้เดินเล่นชมเมืองตามอัธยาศัย
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
ที่พัก
นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก DONA BRIGIDA SALAMANCA FORUM หรือเทียบเท่า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองปอร์โต้ (Porto) ทางเหนือของประเทศโปรตุเกส เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงถึง “ไวน์ปอร์โต้” ซึ่งเป็นแหล่งไวน์ชั้นดีของคนที่มีรสนิยมในการดื่มไวน์ และเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองและตั้งอยู่ริมแม่น้ำโดรู และเมืองนี้ยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโก ในปี ค.ศ.1996 อีกด้วย นำท่านชมเมืองมรดกโลกปอร์โต้ ชมย่านจัตุรัสกลางเมือง Praça dos Liberdade ประกอบด้วยอาคารสวยงามที่เป็นที่ทำการของธนาคารและโรงแรม และศาลาว่าการเมือง ชมสถานีรถไฟ São Bento ซึ่งภายในมีการตกแต่งด้วยกระเบื้องเขียนสีที่มีลวดลายสีน้ำเงิน ที่เล่าเรื่องราวของชาวโปรตุเกส แวะถ่ายรูปกับโบสถ์ Sé de Porto ที่เก่าแก่ที่สุดของเมือง อายุกว่าพันปี โบสถ์แห่งนี้เป็นที่จัดงานอภิเษกสมรสของกษัตริย์ João ที่ 1 บิดาของเจ้าชายเฮนรี่ ผู้บุกเบิกการเดินเรืออันยิ่งใหญ่ของโปรตุเกส สร้างอยู่บนเนินที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมือง
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน
บ่าย
นำท่านเดินทางข้ามพรมแดนสู่เมืองซาลามังกา (Salamanca) ในแคว้นคาสตีลและเลออน ทางภาคตะวันตกของประเทศสเปน (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 6 ชั่วโมง และจะเปลี่ยนเป็น 5 ชั่วโมงในวันที่ 29 มีนาคม 2563) ตั้งอยู่บนที่ราบสูงริมแม่น้ำตอร์เมส เป็นเมืองที่มีความสำคัญเนื่องจากเป็นศูนย์กลางของการค้าขายในสมัยโรมันเรืองอำนาจ ปัจจุบันเมืองนี้ได้รับขึ้นเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก ในปี ค.ศ. 1988 นำท่านสู่พลาซ่า มายอร์ (La Plaza Mayor) ศูนย์กลางของเมืองที่สร้างโดยศิลปะสไตล์บาร็อค ที่เป็นเอกลักษณ์ของความร่ำรวยในยุคศตวรรษที่ 16 - 18 อิสระให้ท่านได้เดินเล่นชมเมืองตามอัธยาศัย
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
ที่พัก
นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก DONA BRIGIDA SALAMANCA FORUM หรือเทียบเท่า
วันที่ 5 ซาลามังกา – เซอโกเบีย – มาดริด – พระราชวังหลวง
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่เมืองเซอโกเบีย (Segovia) เมืองท่องเที่ยวอีกเมืองหนึ่งของสเปน ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดย องค์การ UNESCO ในปี 1985 ชมรางส่งน้ำโรมัน (Acueducto de Segovia) ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 1 โดยไม่มีการใช้กาวหรือวัสดุเชื่อมหินแต่ละก้อนให้ติดกันแต่อย่างใด จึงได้รับการยกย่องว่าเป็นสิ่งก่อสร้างทางวิศวกรรมโดยชาวโรมันที่สำคัญที่สุดของสเปน และยังมีสภาพสมบูรณ์ที่สุดอีกด้วย รางส่งน้ำประกอบขึ้นจากหินแกรนิตกว่า 25,000 ก้อน มีความยาว 818 เมตร มีโค้ง 170 โค้ง จุดที่สูงที่สุดสูงถึง 29 เมตร จุดเริ่มต้นของรางส่งน้ำนี้ เริ่มตั้งแต่นอกเมือง แล้วลำเลียงส่งน้ำเข้ามาในเมือง รางส่งน้ำแห่งนี้ถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์และเป็นไฮไลท์หลักของเมืองเซอโกเบีย จากนั้นนำท่านเดินเล่นในเขตเมืองเก่าซึ่งเต็มไปด้วยสินค้านานาชนิดตลอดสองข้างทาง
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง (หมูหันสเปน)
บ่าย
นำท่านเดินทางสู่กรุงมาดริด (Madrid) เมืองหลวงของประเทศสเปน ตั้งอยู่ใจกลางแหลมไอบีเรียน ในระดับความสูง 650 เมตร เป็นมหานครอันทันสมัยล้ำยุค ที่ซึ่งกษัตริย์ฟิลลิปที่ 2 ได้ทรงย้ายที่ประทับจากเมืองโทเลโดมาที่นี่ และประกาศให้มาดริดเป็นเมืองหลวงใหม่ ยกเว้นในช่วงประมาณปี ค.ศ. 1601-1607 และเมืองมาดริดได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และสูงสุดแห่งหนึ่งของยุโรป นำท่านเข้าชมพระราชวังหลวง (Royal Palace) ซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขาริมฝั่งแม่น้ำแมนซานาเรส สวยงามโอ่อ่าอลังการไม่แพ้พระราชวังใดในทวีปยุโรป พระราชวังหลวงแห่งนี้ถูกสร้างในปี ค.ศ. 1738 ด้วยหินทั้งหลังในสไตล์บาโรก โดยการผสมผสานระหว่างศิลปะแบบฝรั่งเศสและอิตาเลียน ประกอบด้วยห้องต่างๆกว่า 2,830 ห้อง ซึ่งนอกจากจะมีการตกแต่งอย่างงดงามแล้ว ยังเป็นคลังเก็บภาพเขียนชิ้นสำคัญที่วาดโดยศิลปินในยุคนั้น รวมทั้งสิ่งของมีค่าต่างๆ อาทิ พัดโบราณ, นาฬิกา, หนังสือ, เครื่องใช้, อาวุธ (หากไม่สามารถเข้าชมพระราชวังหลวงมาดริดได้ เนืองจากมีพระราชพิธีภายในหรือตั๋วเต็ม ทางบริษัทขอนำท่านชม Royal Palace of Aranjuez เป็นการทดแทน) ชมอนุสาวรีย์เซอร์แวนเตส กวีเอกชาวสเปนที่ตั้งอยู่เหนืออนุสาวรีย์ดอนกิโฆเต้ในสวนสาธารณะ
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารไทย
ที่พัก
นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก ELBA MADRID หรือเทียบเท่า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่เมืองเซอโกเบีย (Segovia) เมืองท่องเที่ยวอีกเมืองหนึ่งของสเปน ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดย องค์การ UNESCO ในปี 1985 ชมรางส่งน้ำโรมัน (Acueducto de Segovia) ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 1 โดยไม่มีการใช้กาวหรือวัสดุเชื่อมหินแต่ละก้อนให้ติดกันแต่อย่างใด จึงได้รับการยกย่องว่าเป็นสิ่งก่อสร้างทางวิศวกรรมโดยชาวโรมันที่สำคัญที่สุดของสเปน และยังมีสภาพสมบูรณ์ที่สุดอีกด้วย รางส่งน้ำประกอบขึ้นจากหินแกรนิตกว่า 25,000 ก้อน มีความยาว 818 เมตร มีโค้ง 170 โค้ง จุดที่สูงที่สุดสูงถึง 29 เมตร จุดเริ่มต้นของรางส่งน้ำนี้ เริ่มตั้งแต่นอกเมือง แล้วลำเลียงส่งน้ำเข้ามาในเมือง รางส่งน้ำแห่งนี้ถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์และเป็นไฮไลท์หลักของเมืองเซอโกเบีย จากนั้นนำท่านเดินเล่นในเขตเมืองเก่าซึ่งเต็มไปด้วยสินค้านานาชนิดตลอดสองข้างทาง
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง (หมูหันสเปน)
บ่าย
นำท่านเดินทางสู่กรุงมาดริด (Madrid) เมืองหลวงของประเทศสเปน ตั้งอยู่ใจกลางแหลมไอบีเรียน ในระดับความสูง 650 เมตร เป็นมหานครอันทันสมัยล้ำยุค ที่ซึ่งกษัตริย์ฟิลลิปที่ 2 ได้ทรงย้ายที่ประทับจากเมืองโทเลโดมาที่นี่ และประกาศให้มาดริดเป็นเมืองหลวงใหม่ ยกเว้นในช่วงประมาณปี ค.ศ. 1601-1607 และเมืองมาดริดได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และสูงสุดแห่งหนึ่งของยุโรป นำท่านเข้าชมพระราชวังหลวง (Royal Palace) ซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขาริมฝั่งแม่น้ำแมนซานาเรส สวยงามโอ่อ่าอลังการไม่แพ้พระราชวังใดในทวีปยุโรป พระราชวังหลวงแห่งนี้ถูกสร้างในปี ค.ศ. 1738 ด้วยหินทั้งหลังในสไตล์บาโรก โดยการผสมผสานระหว่างศิลปะแบบฝรั่งเศสและอิตาเลียน ประกอบด้วยห้องต่างๆกว่า 2,830 ห้อง ซึ่งนอกจากจะมีการตกแต่งอย่างงดงามแล้ว ยังเป็นคลังเก็บภาพเขียนชิ้นสำคัญที่วาดโดยศิลปินในยุคนั้น รวมทั้งสิ่งของมีค่าต่างๆ อาทิ พัดโบราณ, นาฬิกา, หนังสือ, เครื่องใช้, อาวุธ (หากไม่สามารถเข้าชมพระราชวังหลวงมาดริดได้ เนืองจากมีพระราชพิธีภายในหรือตั๋วเต็ม ทางบริษัทขอนำท่านชม Royal Palace of Aranjuez เป็นการทดแทน) ชมอนุสาวรีย์เซอร์แวนเตส กวีเอกชาวสเปนที่ตั้งอยู่เหนืออนุสาวรีย์ดอนกิโฆเต้ในสวนสาธารณะ
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารไทย
ที่พัก
นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก ELBA MADRID หรือเทียบเท่า
วันที่ 6 มาดริด – โทเลโด – มหาวิหารแห่งโทเลโด – มาดริด - พลาซ่า มายอร์ –รูปปั้นหมีเกาะต้นเชอรี่ - ชมโชว์ระบำฟ
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่เมืองโทเลโด (Toledo) เมืองแห่งนี้ตั้งอยู่ทางภาคกลางของประเทศสเปน องค์การยูเนสโกได้ประกาศให้เมืองนี้เป็นแหล่งมรดกโลกอีกด้วย มีทัศนีภาพที่สวยงาม เนื่องจากมีแม่น้ำเทกัส ไหลผ่านเมือง นำท่านเข้าชมมหาวิหารแห่งโทเลโด (Toledo Cathedral) เนื่องจากเป็นวิหารที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของสเปน รองจากวิหารเมืองเซบีญ่า ที่สร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 ความงดงามอลังการสไตล์โกธิก ภายในมหาวิหารมีการตกแต่งอย่างงดงามวิจิตรด้วยไม้แกะสลักและภาพสลักหินอ่อน
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน
บ่าย
จากนั้นนำท่านเดินกลับสู่กรุงมาดริด ชมพลาซ่า มายอร์ (Plaza Mayor of Madrid) ใกล้เขตปูเอต้าเดลซอล หรือประตูพระอาทิตย์ ซึ่งเป็นจัตุรัสใจกลางเมือง นับเป็นจุดนับกิโลเมตรแรกของสเปน (กิโลเมตรที่ศูนย์) และยังเป็นศูนย์กลางรถไฟใต้ดินและรถเมล์ทุกสาย นอกจากนี้ยังเป็นจุดตัดของถนนสายสำคัญของเมืองที่หนาแน่นด้วยร้านค้าและห้างสรรพสินค้าใหญ่มากมาย นำท่านแวะถ่ายรูปกับ รูปปั้นหมีเกาะต้นเชอรี่ (The bear and the cherry tree in Madrid) อันเป็นสัญลักษณ์สำคัญอีกแห่งของกรุงมาดริด
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหาร อาหารพื้นเมือง พร้อมชมโชว์ระบำฟลามิงโก้ ศิลปะระบำสเปน หนึ่งในการแสดงที่ขึ้นชื่อลือชาไปทั่วโลกทั้งท่วงท่าการร่ายรำประกอบเสียงดนตรีที่เร้าใจสนุกสนาน
ที่พัก
นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก ELBA MADRID หรือเทียบเท่า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่เมืองโทเลโด (Toledo) เมืองแห่งนี้ตั้งอยู่ทางภาคกลางของประเทศสเปน องค์การยูเนสโกได้ประกาศให้เมืองนี้เป็นแหล่งมรดกโลกอีกด้วย มีทัศนีภาพที่สวยงาม เนื่องจากมีแม่น้ำเทกัส ไหลผ่านเมือง นำท่านเข้าชมมหาวิหารแห่งโทเลโด (Toledo Cathedral) เนื่องจากเป็นวิหารที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของสเปน รองจากวิหารเมืองเซบีญ่า ที่สร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 ความงดงามอลังการสไตล์โกธิก ภายในมหาวิหารมีการตกแต่งอย่างงดงามวิจิตรด้วยไม้แกะสลักและภาพสลักหินอ่อน
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน
บ่าย
จากนั้นนำท่านเดินกลับสู่กรุงมาดริด ชมพลาซ่า มายอร์ (Plaza Mayor of Madrid) ใกล้เขตปูเอต้าเดลซอล หรือประตูพระอาทิตย์ ซึ่งเป็นจัตุรัสใจกลางเมือง นับเป็นจุดนับกิโลเมตรแรกของสเปน (กิโลเมตรที่ศูนย์) และยังเป็นศูนย์กลางรถไฟใต้ดินและรถเมล์ทุกสาย นอกจากนี้ยังเป็นจุดตัดของถนนสายสำคัญของเมืองที่หนาแน่นด้วยร้านค้าและห้างสรรพสินค้าใหญ่มากมาย นำท่านแวะถ่ายรูปกับ รูปปั้นหมีเกาะต้นเชอรี่ (The bear and the cherry tree in Madrid) อันเป็นสัญลักษณ์สำคัญอีกแห่งของกรุงมาดริด
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหาร อาหารพื้นเมือง พร้อมชมโชว์ระบำฟลามิงโก้ ศิลปะระบำสเปน หนึ่งในการแสดงที่ขึ้นชื่อลือชาไปทั่วโลกทั้งท่วงท่าการร่ายรำประกอบเสียงดนตรีที่เร้าใจสนุกสนาน
ที่พัก
นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก ELBA MADRID หรือเทียบเท่า
วันที่ 7 มาดริด – วาเลนเซีย
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่เมืองวาเลนเซีย (Valencia) เมืองหลวงของแคว้นบาเลนเซีย แคว้นปกครองตนเองที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศสเปน ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำตูเรีย (Turia River) เป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของประเทศสเปน และยังเป็นที่ตั้งของสโมสรฟุตบอลที่มีชื่อเสียงคือ สโมสรฟุตบอลวาเลนเซีย ชมย่านใจกลางจัตุรัสเมืองเก่า ซึ่งเป็นที่ตั้งของศาลากลาง, ที่ทำการไปรษณีย์, ร้านค้า, สนามสู้วัวกระทิง
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน
บ่าย
นำท่านชมย่านใจกลางจัตุรัสเมืองเก่า ซึ่งเป็นที่ตั้งของศาลากลาง, ที่ทำการไปรษณีย์, ร้านค้า, สนามสู้วัวกระทิง นำท่านถ่ายรูปกับมหาวิหารวาเลนเซีย หรือ มหาวิหารซานตามาเรียแห่งวาเลนเซีย (Catedral de Santa Maria de Valencia) มหาวิหารที่ตั้งอยู่บริเวณใจกลางเมืองเก่า สร้างขึ้นในสไตล์ผสมผสานอาทิ โกธิก, นีโอคลาสสิก, บาร็อค และอื่นๆ ด้านข้างจะเป็น หอระฆังเอล มิกูเลต (El Miguelete) ที่ถูกสร้างขึ้นในช่วงระหว่างปี 1381 และสิ้นสุดในปี 1429 และติดกันเป็นโบสถ์แม่พระ นักบุญอุปถัมภ์ประจำเมือง ตลอดสองข้างทางมีภัตตาคาร, บาร์, ร้านกาแฟ และร้านขายของที่ระลึกมากมาย จากนั้นนำชมเขตเมืองใหม่ที่ตั้งของท่าเรือเป็นโครงการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเมือง ประกอบไปด้วย โรงภาพยนตร์, โรงศิลปะการแสดง, พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และอุทยานสมุทรภูมิศาสตร์
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
ที่พัก
นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก MAS CAMARENA หรือเทียบเท่า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่เมืองวาเลนเซีย (Valencia) เมืองหลวงของแคว้นบาเลนเซีย แคว้นปกครองตนเองที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศสเปน ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำตูเรีย (Turia River) เป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของประเทศสเปน และยังเป็นที่ตั้งของสโมสรฟุตบอลที่มีชื่อเสียงคือ สโมสรฟุตบอลวาเลนเซีย ชมย่านใจกลางจัตุรัสเมืองเก่า ซึ่งเป็นที่ตั้งของศาลากลาง, ที่ทำการไปรษณีย์, ร้านค้า, สนามสู้วัวกระทิง
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน
บ่าย
นำท่านชมย่านใจกลางจัตุรัสเมืองเก่า ซึ่งเป็นที่ตั้งของศาลากลาง, ที่ทำการไปรษณีย์, ร้านค้า, สนามสู้วัวกระทิง นำท่านถ่ายรูปกับมหาวิหารวาเลนเซีย หรือ มหาวิหารซานตามาเรียแห่งวาเลนเซีย (Catedral de Santa Maria de Valencia) มหาวิหารที่ตั้งอยู่บริเวณใจกลางเมืองเก่า สร้างขึ้นในสไตล์ผสมผสานอาทิ โกธิก, นีโอคลาสสิก, บาร็อค และอื่นๆ ด้านข้างจะเป็น หอระฆังเอล มิกูเลต (El Miguelete) ที่ถูกสร้างขึ้นในช่วงระหว่างปี 1381 และสิ้นสุดในปี 1429 และติดกันเป็นโบสถ์แม่พระ นักบุญอุปถัมภ์ประจำเมือง ตลอดสองข้างทางมีภัตตาคาร, บาร์, ร้านกาแฟ และร้านขายของที่ระลึกมากมาย จากนั้นนำชมเขตเมืองใหม่ที่ตั้งของท่าเรือเป็นโครงการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเมือง ประกอบไปด้วย โรงภาพยนตร์, โรงศิลปะการแสดง, พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และอุทยานสมุทรภูมิศาสตร์
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
ที่พัก
นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก MAS CAMARENA หรือเทียบเท่า
วันที่ 8 วาเลนเซีย – บาร์เซโลน่า – ซากราดา แฟมิเลีย – ปาร์ค กูเอล
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านเดินทางเลาะเลียบชายฝั่งทะเล กอสตา เดล อะซาร์ (Costa del Azahar) หรือ ชายฝั่งดอกส้มบาน ตั้งชื่อตามสวนส้มที่ปลูกทั่วที่ราบชายฝั่งและส่งกลิ่นหอม หวานในฤดูใบไม้ผลิ ผ่านเมืองตากอากาศที่มีชื่อเสียงแถบเมดิเตอร์เรเนียน จนเข้าสู่เมืองบาร์เซโลน่า (Barcelona) นครใหญ่แห่งคาตาลันยา และเมืองสำคัญอันดับ 2 ของสเปน
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน
บ่าย
นำท่านเข้าชมภายในโบสถ์ซากราดา แฟมิเลีย (La Sagrada Familia) โบสถ์ศักดิ์สิทธิ์สัญลักษณ์ของเมือง โดยฝีมือการออกแบบของ อันตอนี เกาดี สถาปนิกชาวคาตาลัน เป็นผลงานที่เรียกว่า โมเดิร์นนิสโม เป็นงานศิลปะเฉพาะถิ่นและเป็นอาร์ตนูโว ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยเริ่มสร้างตั้งแต่ปี 1882 แม้กระทั้งจนถึงปัจจุบันก็ยังสร้างไม่แล้วเสร็จ ถึงกระนั้นองค์การยูเนสโก ก็ได้จัดให้เป็นมรดกโลก โดยมหาวิหารมีลักษณะสถาปัตยกรรมโดดเด่นแปลกตาไม่เหมือนที่ใดในโลก นำท่านเข้าชมปาร์ค กูเอล (Parque Guell) สวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่โชว์ผลงานอันโดดเด่นทางด้านสถาปัตยกรรมของอันตอนี เกาดี สิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ ที่ถูกล้อมรอบด้วยความร่มรื่นของต้นไม้ ด้วยรูปแบบของสถาปัตยกรรมงานกระเบื้องที่เน้นรูปทรงธรรมชาติในสีสันที่ตัดกัน ดูโดดเด่น แปลกตา และเป็นเอกลักษณ์อย่างมาก ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
ที่พัก
นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก FIRA CONGRESS หรือเทียบเท่า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านเดินทางเลาะเลียบชายฝั่งทะเล กอสตา เดล อะซาร์ (Costa del Azahar) หรือ ชายฝั่งดอกส้มบาน ตั้งชื่อตามสวนส้มที่ปลูกทั่วที่ราบชายฝั่งและส่งกลิ่นหอม หวานในฤดูใบไม้ผลิ ผ่านเมืองตากอากาศที่มีชื่อเสียงแถบเมดิเตอร์เรเนียน จนเข้าสู่เมืองบาร์เซโลน่า (Barcelona) นครใหญ่แห่งคาตาลันยา และเมืองสำคัญอันดับ 2 ของสเปน
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน
บ่าย
นำท่านเข้าชมภายในโบสถ์ซากราดา แฟมิเลีย (La Sagrada Familia) โบสถ์ศักดิ์สิทธิ์สัญลักษณ์ของเมือง โดยฝีมือการออกแบบของ อันตอนี เกาดี สถาปนิกชาวคาตาลัน เป็นผลงานที่เรียกว่า โมเดิร์นนิสโม เป็นงานศิลปะเฉพาะถิ่นและเป็นอาร์ตนูโว ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยเริ่มสร้างตั้งแต่ปี 1882 แม้กระทั้งจนถึงปัจจุบันก็ยังสร้างไม่แล้วเสร็จ ถึงกระนั้นองค์การยูเนสโก ก็ได้จัดให้เป็นมรดกโลก โดยมหาวิหารมีลักษณะสถาปัตยกรรมโดดเด่นแปลกตาไม่เหมือนที่ใดในโลก นำท่านเข้าชมปาร์ค กูเอล (Parque Guell) สวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่โชว์ผลงานอันโดดเด่นทางด้านสถาปัตยกรรมของอันตอนี เกาดี สิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ ที่ถูกล้อมรอบด้วยความร่มรื่นของต้นไม้ ด้วยรูปแบบของสถาปัตยกรรมงานกระเบื้องที่เน้นรูปทรงธรรมชาติในสีสันที่ตัดกัน ดูโดดเด่น แปลกตา และเป็นเอกลักษณ์อย่างมาก ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
ที่พัก
นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก FIRA CONGRESS หรือเทียบเท่า
วันที่ 9 บาร์เซโลน่า – เนินเขา Montjuïc – สนามฟุตบอลคัมป์นู – สนามบิน
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
จากนั้นนำท่านเดินทางกลับเข้าสู่ตัวเมือง เพื่อนำท่านขึ้นสู่จุดชมวิวของเมืองที่เนินเขา Montjuïc เป็นเนินเขาในบาร์เซโลน่าที่มีทัศนียภาพอันงดงามทางด้านตะวันออกของเนินเขายังมีหน้าผาสูงชันซึ่งทำหน้าที่เป็นดั่งกำแพงเมือง ส่วนด้านบนเป็นที่ตั้งของป้อมปราการหลายแห่ง จากนั้นนำท่านเดินทางไปยังสนามฟุตบอลของสโมสรบาร์เซโลน่า สนามคัมป์นู (Camp Nou) ที่มีขนาดใหญ่มาก โดยมีความจุผู้เข้าชมได้ถึงเกือบ 99,000 คน มีเวลาให้ท่านได้ถ่ายรูปด้านนอก พร้อมทั้งเลือกซื้อของที่ MEGA STORE ของทีมบาร์เซโลน่า
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน
บ่าย
นำท่านเดินเล่นบริเวณถนน ลา รัมบลาส (La Ramblas) ถือเป็นถนนชื่อดังของเมืองบาร์เซโลน่า นอกจากจะสะอาดสะอ้านและมีต้นไม้คอยสร้างความร่มรื่นให้ตลอดทางแล้ว ยังมีร้านค้ามากมาย โดยที่ปลายสุดของถนนสายนี้เป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์ คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส (Christopher Columbus) ผู้ค้นพบทวีปอเมริกาในปี ค.ศ.1492 อิสระให้ท่านเดินเล่นและช้อปปิ้งตามอัธยาศัย เมื่อได้เวลาอันสมควรจึงนำท่านเดินทางสู่สนามบินเอล ปรัต (BCN) เมืองบาร์เซโลน่า เพื่อให้ท่านมีเวลาในการทำคืนภาษี (Tax Refund) และมีเวลาในการเลือกซื้อสินค้าในร้านค้าปลอดภาษีภายในสนามบิน
22.05 น.
ออกเดินทางสู่เมืองดูไบ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 188
***คณะเดินทางตั้งแต่วันที่ 04 เม.ย. 63 ออกเดินทางเวลา 22.40 น. และถึงดูไบเวลา 07.35 น.***
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
จากนั้นนำท่านเดินทางกลับเข้าสู่ตัวเมือง เพื่อนำท่านขึ้นสู่จุดชมวิวของเมืองที่เนินเขา Montjuïc เป็นเนินเขาในบาร์เซโลน่าที่มีทัศนียภาพอันงดงามทางด้านตะวันออกของเนินเขายังมีหน้าผาสูงชันซึ่งทำหน้าที่เป็นดั่งกำแพงเมือง ส่วนด้านบนเป็นที่ตั้งของป้อมปราการหลายแห่ง จากนั้นนำท่านเดินทางไปยังสนามฟุตบอลของสโมสรบาร์เซโลน่า สนามคัมป์นู (Camp Nou) ที่มีขนาดใหญ่มาก โดยมีความจุผู้เข้าชมได้ถึงเกือบ 99,000 คน มีเวลาให้ท่านได้ถ่ายรูปด้านนอก พร้อมทั้งเลือกซื้อของที่ MEGA STORE ของทีมบาร์เซโลน่า
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน
บ่าย
นำท่านเดินเล่นบริเวณถนน ลา รัมบลาส (La Ramblas) ถือเป็นถนนชื่อดังของเมืองบาร์เซโลน่า นอกจากจะสะอาดสะอ้านและมีต้นไม้คอยสร้างความร่มรื่นให้ตลอดทางแล้ว ยังมีร้านค้ามากมาย โดยที่ปลายสุดของถนนสายนี้เป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์ คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส (Christopher Columbus) ผู้ค้นพบทวีปอเมริกาในปี ค.ศ.1492 อิสระให้ท่านเดินเล่นและช้อปปิ้งตามอัธยาศัย เมื่อได้เวลาอันสมควรจึงนำท่านเดินทางสู่สนามบินเอล ปรัต (BCN) เมืองบาร์เซโลน่า เพื่อให้ท่านมีเวลาในการทำคืนภาษี (Tax Refund) และมีเวลาในการเลือกซื้อสินค้าในร้านค้าปลอดภาษีภายในสนามบิน
22.05 น.
ออกเดินทางสู่เมืองดูไบ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 188
***คณะเดินทางตั้งแต่วันที่ 04 เม.ย. 63 ออกเดินทางเวลา 22.40 น. และถึงดูไบเวลา 07.35 น.***
วันที่ 10 ดูไบ – กรุงเทพฯ
07.35 น.
ถึงสนามบินเมืองดูไบ เพื่อรอเปลี่ยนเครื่อง
09.30 น.
ออกเดินทางสู่กรุงเทพฯ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 372
***คณะเดินทางระหว่างวันที่ 04 เม.ย. – 25 พ.ค. 63 ออกเดินทางเวลา 09.40 น. และถึงกรุงเทพฯ เวลา 18.55 น.***
***คณะเดินทางระหว่างวันที่ 06 มิ.ย. – 15 มิ.ย. 63 ออกเดินทางเวลา 09.40 น. และถึงกรุงเทพฯ เวลา 19.15 น.***
18.40 น.
เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ
ถึงสนามบินเมืองดูไบ เพื่อรอเปลี่ยนเครื่อง
09.30 น.
ออกเดินทางสู่กรุงเทพฯ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 372
***คณะเดินทางระหว่างวันที่ 04 เม.ย. – 25 พ.ค. 63 ออกเดินทางเวลา 09.40 น. และถึงกรุงเทพฯ เวลา 18.55 น.***
***คณะเดินทางระหว่างวันที่ 06 มิ.ย. – 15 มิ.ย. 63 ออกเดินทางเวลา 09.40 น. และถึงกรุงเทพฯ เวลา 19.15 น.***
18.40 น.
เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ