โปรแกรม 10 วัน 7 คืน : เดินทางโดยสายการบินEmirates
วันที่ 1 กรุงเทพฯ
22.00 น.
คณะพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ ประตู 9 เคาน์เตอร์ T สายการบินเอมิเรตส์ โดยมีเจ้าหน้าที่คอยต้อนรับและอำนวยความสะดวก
คณะพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ ประตู 9 เคาน์เตอร์ T สายการบินเอมิเรตส์ โดยมีเจ้าหน้าที่คอยต้อนรับและอำนวยความสะดวก
วันที่ 2 ดูไบ - วอร์ซอ – เมืองเก่าวอร์ซอ – ตลาดเมืองเก่า - ป้อมวอร์ซอ
01.15 น.
ออกเดินทางดูไบโดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 385
** คณะเดินทางวันที่ 02-11 มิ.ย. 63 ออกเดินทาง เวลา 01.35 น. และถึงดูไบเวลา 04.45 น.**
05.00 น.
เดินทางถึงสนามบินดูไบ รอเปลี่ยนเครื่อง
08.10 น.
ออกเดินทางสู่กรุงปราก โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบิน EK 179
12.15 น.
เดินทางถึงสนามบินวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์ (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 6 ชั่วโมง) นำท่านผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร นำชมกรุงวอร์ซอ (Warsaw) ซึ่งเป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศโปแลนด์ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำวิสทูลา (Vistula River) ปัจจุบันกรุงวอร์ซอได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ และเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ อุตสาหกรรมหนัก เช่น เหล็กกล้า, รถยนต์, เครื่องจักรอุตสาหกรรม นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์กลางด้านการศึกษาที่สำคัญมากที่สุดของประเทศ นอกจากนี้แล้ว กรุงวอร์ซอยังเป็นที่รู้จักของนานาชาติจากสนธิสัญญาวอร์ซอ ซึ่งตั้งชื่อตาม กรุงวอร์ซอ นั่นเอง นำท่านเที่ยวย่านเมืองเก่าวอร์ซอ (Warsaw Old Town) ย่านประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดของเมือง ศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์แห่งวอร์ซอ (Historic Centre of Warsaw) ซึ่งประกอบด้วยโบสถ์ พระราชวัง ตลาด ได้รับการประกาศให้บรรจุไว้ในบัญชีรายชื่อแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมในปี ค.ศ.1980 ให้ท่านได้เที่ยวชมย่านตลาดเก่า (Old Town Market Place) โดยอาคารส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่ถูกสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 13 ซึ่งประกอบไปด้วย ศาลาว่าการ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ และร้านค้าอื่นๆ ชมกลุ่มสิ่งก่อสร้างที่เป็นสถาปัตยกรรมจากยุคกลาง อาทิเช่น กำแพงเมืองเก่า (city walls) ซึ่งยังคงหลงเหลืออยู่จนถึงปัจจุบัน ผ่านชม ป้อมวอร์ซอ (Warsaw Barbican) ด่านปราการรูปครึ่งวงกลม หรือ ป้อมปราการแห่งประวัติศาสตร์ที่ครั้งหนึ่งเคยล้อมรอบกรุงวอร์ซอเอาไว้ ถูกสร้างขึ้นในปีค.ศ. 1540 ป้อมปราการส่วนใหญ่ถูกทำลายไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง และป้อมปราการถูกสร้างขึ้นมาใหม่หลังสงคราม ในช่วงระหว่างปีค.ศ. 1952-1954 ** คณะเดินทางวันที่ 03-12 มี.ค. 63 เดินทางถึงกรุงวอร์ซอเวลา 11.20 น.**
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารจีน
ที่พัก
เดินทางเข้าสู่ที่พัก RADISSON BLU SOBIESKI HOTEL หรือเทียบเท่า
ออกเดินทางดูไบโดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 385
** คณะเดินทางวันที่ 02-11 มิ.ย. 63 ออกเดินทาง เวลา 01.35 น. และถึงดูไบเวลา 04.45 น.**
05.00 น.
เดินทางถึงสนามบินดูไบ รอเปลี่ยนเครื่อง
08.10 น.
ออกเดินทางสู่กรุงปราก โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบิน EK 179
12.15 น.
เดินทางถึงสนามบินวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์ (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 6 ชั่วโมง) นำท่านผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร นำชมกรุงวอร์ซอ (Warsaw) ซึ่งเป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศโปแลนด์ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำวิสทูลา (Vistula River) ปัจจุบันกรุงวอร์ซอได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ และเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ อุตสาหกรรมหนัก เช่น เหล็กกล้า, รถยนต์, เครื่องจักรอุตสาหกรรม นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์กลางด้านการศึกษาที่สำคัญมากที่สุดของประเทศ นอกจากนี้แล้ว กรุงวอร์ซอยังเป็นที่รู้จักของนานาชาติจากสนธิสัญญาวอร์ซอ ซึ่งตั้งชื่อตาม กรุงวอร์ซอ นั่นเอง นำท่านเที่ยวย่านเมืองเก่าวอร์ซอ (Warsaw Old Town) ย่านประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดของเมือง ศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์แห่งวอร์ซอ (Historic Centre of Warsaw) ซึ่งประกอบด้วยโบสถ์ พระราชวัง ตลาด ได้รับการประกาศให้บรรจุไว้ในบัญชีรายชื่อแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมในปี ค.ศ.1980 ให้ท่านได้เที่ยวชมย่านตลาดเก่า (Old Town Market Place) โดยอาคารส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่ถูกสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 13 ซึ่งประกอบไปด้วย ศาลาว่าการ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ และร้านค้าอื่นๆ ชมกลุ่มสิ่งก่อสร้างที่เป็นสถาปัตยกรรมจากยุคกลาง อาทิเช่น กำแพงเมืองเก่า (city walls) ซึ่งยังคงหลงเหลืออยู่จนถึงปัจจุบัน ผ่านชม ป้อมวอร์ซอ (Warsaw Barbican) ด่านปราการรูปครึ่งวงกลม หรือ ป้อมปราการแห่งประวัติศาสตร์ที่ครั้งหนึ่งเคยล้อมรอบกรุงวอร์ซอเอาไว้ ถูกสร้างขึ้นในปีค.ศ. 1540 ป้อมปราการส่วนใหญ่ถูกทำลายไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง และป้อมปราการถูกสร้างขึ้นมาใหม่หลังสงคราม ในช่วงระหว่างปีค.ศ. 1952-1954 ** คณะเดินทางวันที่ 03-12 มี.ค. 63 เดินทางถึงกรุงวอร์ซอเวลา 11.20 น.**
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารจีน
ที่พัก
เดินทางเข้าสู่ที่พัก RADISSON BLU SOBIESKI HOTEL หรือเทียบเท่า
วันที่ 3 วอร์ซอ – เชสโตโชว่า – เหมืองเกลือเวียลิซก้า - คราคูฟ
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่เมืองเชสโตโซว่า (Czestochowa) เป็นเมืองศูนย์กลางของผู้แสวงบุญที่สำคัญแห่งหนึ่งของยุโรป คริสต์ศาสนิกชนกว่า 4-5 ล้านคน เพื่อเข้าบูชาเพื่อขอพรจากแบล็คมาดอนน่า (Black Madonna) ณ อารามจัสนา กอร่า (Jasna Góra Monastery) รูปพระแม่มาเรียสีดำ ศูนย์รวมจิตใจของชาวคาทอลิก กล่าวกันว่าสีที่ใช้วาดมานานกว่า 600 ปีทำให้รูปพระแม่เป็นสีดำ ที่รอยบากที่พระพักตร์ ซึ่งพวกต่อต้านศาสนาต้องการทำลาย อารามแห่งนี้รอดพ้นจากการถูกทำลาย ในสงครามต่างๆอย่างน่าอัศจรรย์ จนกลายเป็นปาฎิหาริย์ที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
บ่าย
นำท่านสู่เหมืองเกลือเวียลิซก้า (Wieliczka Salt Mine) ตั้งอยู่ที่เมืองเวียลิชก้า เหมืองเกลือที่เก่าแก่ที่สุดของโปแลนด์แห่งนี้มีประวัติการทำเหมืองยาวนานกว่า 1,000 ปี ถือเป็นเหมืองใต้ดินที่มหัศจรรย์ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก นำท่านลงลิฟต์สู่ใต้ดินของเหมืองเกลือ ที่มีขนาดใหญ่มาก แบ่งเป็น 9 ชั้น ลึกลงจากพื้นดินถึง 327 เมตร ยาวกว่า 300 กิโลเมตร ภายในเหมืองห้องซึ่งสร้างและแกะสลักจากเกลือทั้งหมด โดยสมัยก่อนเกลือมีค่าดุจทองคำ เพราะใช้ในการถนอมอาหาร ชมความงามของทะเลเกลือใต้พื้นดิน ซึ่งท่านไม่เคยได้เห็นที่ใดมาก่อน โดยเหมืองเกลือในเมืองเวียลิซกา องค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนให้เป็นหนึ่งในมรดกโลกในปี ค.ศ. 1988 อีกด้วย จากนั้นนำท่านเดินทางไปยังเมืองคราคูฟ (Krakow) โดยเมืองคราคูฟนั้นเป็น บ้านเกิดองค์ สมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอลที่ 2 อดีตเมืองหลวงของโปแลนด์ในปีค.ศ. 1978 คราคูฟก็ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม มีอาคารบ้านเรือนที่สวยงามด้วยสถาปัตยกรรมทุกยุคทุกสมันตั้งแต่ โรมาเนสก์ กอธิค เรอเนสซองส์ บาร็อก ร็อคโคโค จนถึงนีโอคลาสสิค และอาร์ตนูโว
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารจีน
ที่พัก
นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก METROPOLO KRAKOW หรือเทียบเท่า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่เมืองเชสโตโซว่า (Czestochowa) เป็นเมืองศูนย์กลางของผู้แสวงบุญที่สำคัญแห่งหนึ่งของยุโรป คริสต์ศาสนิกชนกว่า 4-5 ล้านคน เพื่อเข้าบูชาเพื่อขอพรจากแบล็คมาดอนน่า (Black Madonna) ณ อารามจัสนา กอร่า (Jasna Góra Monastery) รูปพระแม่มาเรียสีดำ ศูนย์รวมจิตใจของชาวคาทอลิก กล่าวกันว่าสีที่ใช้วาดมานานกว่า 600 ปีทำให้รูปพระแม่เป็นสีดำ ที่รอยบากที่พระพักตร์ ซึ่งพวกต่อต้านศาสนาต้องการทำลาย อารามแห่งนี้รอดพ้นจากการถูกทำลาย ในสงครามต่างๆอย่างน่าอัศจรรย์ จนกลายเป็นปาฎิหาริย์ที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
บ่าย
นำท่านสู่เหมืองเกลือเวียลิซก้า (Wieliczka Salt Mine) ตั้งอยู่ที่เมืองเวียลิชก้า เหมืองเกลือที่เก่าแก่ที่สุดของโปแลนด์แห่งนี้มีประวัติการทำเหมืองยาวนานกว่า 1,000 ปี ถือเป็นเหมืองใต้ดินที่มหัศจรรย์ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก นำท่านลงลิฟต์สู่ใต้ดินของเหมืองเกลือ ที่มีขนาดใหญ่มาก แบ่งเป็น 9 ชั้น ลึกลงจากพื้นดินถึง 327 เมตร ยาวกว่า 300 กิโลเมตร ภายในเหมืองห้องซึ่งสร้างและแกะสลักจากเกลือทั้งหมด โดยสมัยก่อนเกลือมีค่าดุจทองคำ เพราะใช้ในการถนอมอาหาร ชมความงามของทะเลเกลือใต้พื้นดิน ซึ่งท่านไม่เคยได้เห็นที่ใดมาก่อน โดยเหมืองเกลือในเมืองเวียลิซกา องค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนให้เป็นหนึ่งในมรดกโลกในปี ค.ศ. 1988 อีกด้วย จากนั้นนำท่านเดินทางไปยังเมืองคราคูฟ (Krakow) โดยเมืองคราคูฟนั้นเป็น บ้านเกิดองค์ สมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอลที่ 2 อดีตเมืองหลวงของโปแลนด์ในปีค.ศ. 1978 คราคูฟก็ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม มีอาคารบ้านเรือนที่สวยงามด้วยสถาปัตยกรรมทุกยุคทุกสมันตั้งแต่ โรมาเนสก์ กอธิค เรอเนสซองส์ บาร็อก ร็อคโคโค จนถึงนีโอคลาสสิค และอาร์ตนูโว
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารจีน
ที่พัก
นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก METROPOLO KRAKOW หรือเทียบเท่า
วันที่ 4 พิพิธภัณฑ์ค่ายกักกันเอาช์วิทซ์ - ออสตราวา
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่พิพิธภัณฑ์ค่ายกักกันเอาช์วิทซ์ (Auschwitz concentration camps) เป็นค่ายกักกันและค่ายมรณะที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาค่ายกักกันของนาซี ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 พิพิธภัณฑ์ค่ายกักกันแห่งนี้สะท้อนความน่าสยดสยองและความทารุณโหดร้ายของสงคราม ซึ่งเริ่มจากเยอรมันเข้ายึดโปแลนด์ได้ในปลายปี 1939 และหาค่ายกักกันเชลยศึกต่างๆ จนมาพบสถานที่ที่รัฐบาลโปแลนด์ต้องการก่อสร้างเป็นสถานที่คุมขังนักโทษทางการเมือง จึงได้ดัดแปลงตามความต้องการของนาซีและเริ่มต้นใช้ปีค.ศ.1940 เป็นต้นมา ท่านจะได้เห็นภาพถ่ายต่าง ๆ ของค่ายกักกัน รวมทั้งของจริงที่มีการเก็บรักษาภายในตึกต่างๆ ถึง 20 อาคาร และท่านจะได้เห็นของใช้ต่างๆของเชลยชาวยิวที่ถูกหลอกให้มาอยู่ ที่นี่ อาทิ กระเป๋าเดินทาง รองเท้า แปรงสีฟัน หวี และเส้นผมที่ว่ากันว่ามี น้ำหนักรวมกว่า 7 ตัน และชมห้องอาบน้ำ ห้องที่พวกนาซีใช้สำหรับกำจัดเชลยโดยใช้แก๊สพิษสังหารหมู่ กล่าวกันว่าสถานที่นี้มีคนตาย กว่า 1.5 ล้านคน โดนเกือบทั้งหมดเป็นชาวยิว
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
บ่าย
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองออสตราวา (Ostrava) เป็นเมืองใหญ่อันดับ 3 ของประเทศสาธารณรัฐเช็ก ตั้งอยู่ทางตะวันออกของประเทศ เป็นเมืองศูนย์กลางอุตสาหกรรมและมีการถลุงเหล็กโดยมีชื่อเล่นว่า หัวใจเหล็กแห่งสาธารณรัฐ
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
ที่พัก
นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก BEST WESTERN HOTEL VISTA หรือเทียบเท่า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่พิพิธภัณฑ์ค่ายกักกันเอาช์วิทซ์ (Auschwitz concentration camps) เป็นค่ายกักกันและค่ายมรณะที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาค่ายกักกันของนาซี ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 พิพิธภัณฑ์ค่ายกักกันแห่งนี้สะท้อนความน่าสยดสยองและความทารุณโหดร้ายของสงคราม ซึ่งเริ่มจากเยอรมันเข้ายึดโปแลนด์ได้ในปลายปี 1939 และหาค่ายกักกันเชลยศึกต่างๆ จนมาพบสถานที่ที่รัฐบาลโปแลนด์ต้องการก่อสร้างเป็นสถานที่คุมขังนักโทษทางการเมือง จึงได้ดัดแปลงตามความต้องการของนาซีและเริ่มต้นใช้ปีค.ศ.1940 เป็นต้นมา ท่านจะได้เห็นภาพถ่ายต่าง ๆ ของค่ายกักกัน รวมทั้งของจริงที่มีการเก็บรักษาภายในตึกต่างๆ ถึง 20 อาคาร และท่านจะได้เห็นของใช้ต่างๆของเชลยชาวยิวที่ถูกหลอกให้มาอยู่ ที่นี่ อาทิ กระเป๋าเดินทาง รองเท้า แปรงสีฟัน หวี และเส้นผมที่ว่ากันว่ามี น้ำหนักรวมกว่า 7 ตัน และชมห้องอาบน้ำ ห้องที่พวกนาซีใช้สำหรับกำจัดเชลยโดยใช้แก๊สพิษสังหารหมู่ กล่าวกันว่าสถานที่นี้มีคนตาย กว่า 1.5 ล้านคน โดนเกือบทั้งหมดเป็นชาวยิว
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
บ่าย
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองออสตราวา (Ostrava) เป็นเมืองใหญ่อันดับ 3 ของประเทศสาธารณรัฐเช็ก ตั้งอยู่ทางตะวันออกของประเทศ เป็นเมืองศูนย์กลางอุตสาหกรรมและมีการถลุงเหล็กโดยมีชื่อเล่นว่า หัวใจเหล็กแห่งสาธารณรัฐ
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
ที่พัก
นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก BEST WESTERN HOTEL VISTA หรือเทียบเท่า
วันที่ 5 ปราก – ปราสาทแห่งปราก - สะพานชาร์ลส์
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่กรุงปราก (Prague) เมืองหลวงของประเทศสาธารณรัฐเช็ก อดีตเมืองหลวงของสาธารณรัฐเชโกสโลวาเกีย ซึงได้สมญานามมากมาย เช่น นครแห่งปราสาท และโรมแห่งอุดรทิศ
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน
บ่าย
นำเข้าชมปราสาทแห่งปราก (Prague Castle) ที่สร้างขึ้นอยู่บนเนินเขาตั้งแต่สมัยคริสต์ศตวรรษที่ 9 ในสมัยเจ้าชาย Borivoj แห่งราชวงศ์ Premyslids ซึ่งปัจจุบันเป็นทำเนียบประธานาธิบดีมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1918 ชมมหาวิหารเซนต์วิตุส (St.Vitus Cathedral) (กรณีมีพิธีภายในมหาวิหาร อาจไม่ได้รับอณุญาตให้เข้าชม) อันงามสง่าด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิคในสมัยศตวรรษที่ 14 นับว่าเป็นมหาวิหารสไตล์โกธิคที่ใหญ่ที่สุดในกรุงปราก ซึ่งพระเจ้าชาร์ลที่ 4 โปรดให้สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1344 ภายในเป็นที่เก็บพระศพของกษัตริย์สำคัญในอดีต เช่น พระเจ้าชาร์ลที่ 4, พระเจ้าเฟอร์ดินานด์ที่ 1 และ พระเจ้าแมกซิมิเลี่ยนที่ 2 เป็นต้น แล้วชมพระราชวังหลวง (Royal Palace) ที่เป็นหนึ่งในส่วนที่เก่าแก่ที่สุดของปราสาท ใช้เป็นที่ประทับของเจ้าชายโบฮีเมียนทั้งหลาย แล้วเดินชมย่านช่างทองโบราณ (Golden Lane) ซึ่งปัจจุบันมีร้านขายของที่ระลึก วางจำหน่ายอยู่มากมาย จากนั้นนำท่านเดินเล่นบนสะพานชาร์ล (Charles Bridge) สะพานเก่าแก่ข้ามแม่น้ำวัลตาวา สไตล์โกธิคที่สร้างขึ้นตั้งแต่กลางคริสต์ศตวรรษที่ 14 สมัยพระเจ้าชาร์ลที่ 4 ชมรูปปั้นโลหะของเหล่านักบุญที่ตั้งอยู่สองข้างราวสะพานกว่า 30 องค์ และเลือกซื้อสินค้าพื้นเมืองที่เรียงรายอยู่บนตลอดแนวสะพาน จากนั้นนำท่านเดินเที่ยวชมประตูเมืองเก่า “Powder Gate” ขอบเขตเมืองในสมัยโบราณ, ศาลาว่าการเมืองหลังเก่า (Old Town Hall) ที่สร้างมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1338 มีจุดเด่นคือ นาฬิกาดาราศาสตร์ (Astronomical Clock) ที่สวยงามและยังตีบอกเวลาทุกๆชั่วโมง ให้เวลาท่านเดินอิสระเดินเล่นย่านเมืองเก่า ให้ท่านได้เลือกซื้อสินค้าพื้นเมือง เช่น เครื่องแก้วโบฮีเมียน หรือเลือกซื้อสินค้าแบรนด์เนม อาทิเช่น Louis Vitton, Furla, Gucci, Lacoste เป็นต้น
อิสระอาหารค่ำตามอัธยาศัย
ที่พัก
นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก DUO HOTEL หรือเทียบเท่า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่กรุงปราก (Prague) เมืองหลวงของประเทศสาธารณรัฐเช็ก อดีตเมืองหลวงของสาธารณรัฐเชโกสโลวาเกีย ซึงได้สมญานามมากมาย เช่น นครแห่งปราสาท และโรมแห่งอุดรทิศ
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน
บ่าย
นำเข้าชมปราสาทแห่งปราก (Prague Castle) ที่สร้างขึ้นอยู่บนเนินเขาตั้งแต่สมัยคริสต์ศตวรรษที่ 9 ในสมัยเจ้าชาย Borivoj แห่งราชวงศ์ Premyslids ซึ่งปัจจุบันเป็นทำเนียบประธานาธิบดีมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1918 ชมมหาวิหารเซนต์วิตุส (St.Vitus Cathedral) (กรณีมีพิธีภายในมหาวิหาร อาจไม่ได้รับอณุญาตให้เข้าชม) อันงามสง่าด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิคในสมัยศตวรรษที่ 14 นับว่าเป็นมหาวิหารสไตล์โกธิคที่ใหญ่ที่สุดในกรุงปราก ซึ่งพระเจ้าชาร์ลที่ 4 โปรดให้สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1344 ภายในเป็นที่เก็บพระศพของกษัตริย์สำคัญในอดีต เช่น พระเจ้าชาร์ลที่ 4, พระเจ้าเฟอร์ดินานด์ที่ 1 และ พระเจ้าแมกซิมิเลี่ยนที่ 2 เป็นต้น แล้วชมพระราชวังหลวง (Royal Palace) ที่เป็นหนึ่งในส่วนที่เก่าแก่ที่สุดของปราสาท ใช้เป็นที่ประทับของเจ้าชายโบฮีเมียนทั้งหลาย แล้วเดินชมย่านช่างทองโบราณ (Golden Lane) ซึ่งปัจจุบันมีร้านขายของที่ระลึก วางจำหน่ายอยู่มากมาย จากนั้นนำท่านเดินเล่นบนสะพานชาร์ล (Charles Bridge) สะพานเก่าแก่ข้ามแม่น้ำวัลตาวา สไตล์โกธิคที่สร้างขึ้นตั้งแต่กลางคริสต์ศตวรรษที่ 14 สมัยพระเจ้าชาร์ลที่ 4 ชมรูปปั้นโลหะของเหล่านักบุญที่ตั้งอยู่สองข้างราวสะพานกว่า 30 องค์ และเลือกซื้อสินค้าพื้นเมืองที่เรียงรายอยู่บนตลอดแนวสะพาน จากนั้นนำท่านเดินเที่ยวชมประตูเมืองเก่า “Powder Gate” ขอบเขตเมืองในสมัยโบราณ, ศาลาว่าการเมืองหลังเก่า (Old Town Hall) ที่สร้างมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1338 มีจุดเด่นคือ นาฬิกาดาราศาสตร์ (Astronomical Clock) ที่สวยงามและยังตีบอกเวลาทุกๆชั่วโมง ให้เวลาท่านเดินอิสระเดินเล่นย่านเมืองเก่า ให้ท่านได้เลือกซื้อสินค้าพื้นเมือง เช่น เครื่องแก้วโบฮีเมียน หรือเลือกซื้อสินค้าแบรนด์เนม อาทิเช่น Louis Vitton, Furla, Gucci, Lacoste เป็นต้น
อิสระอาหารค่ำตามอัธยาศัย
ที่พัก
นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก DUO HOTEL หรือเทียบเท่า
วันที่ 6 คาร์โลวี วารี - เชสกี้ ครุมลอฟ - เชสกี้ บูดาโจวิค
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่เมืองคาร์โลวี วารี (Karlovy vary) ที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งสปาที่ใหญ่ที่สุดของสาธารณรัฐเช็ค เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกว่าเป็นศูนย์กลางบำบัดโรคภัยต่างๆ นำเดินชมเมืองคาร์โลวี วารี ปัจจุบันเป็นที่นิยมของผู้คนทั่วโลกที่จะมาใช้บริการรักษาสุขภาพตามความเชื่อที่มีมาแต่สมัยโบราณ เชิญทดลองดื่มน้ำแร่ซึ่งต้องดื่มกับแก้วพิเศษโดยเฉพาะ เป็นแก้วพอร์ซเลนที่มีปากยื่นออกมาเหมือนกาน้ำ
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง (เป็ดสไตล์โบฮีเมียน)
บ่าย
นำท่านเดินทางสู่เมืองมรดกโลกเชสกี้ ครุมลอฟ (Cesky Krumlov) นำชมเมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นเพชรน้ำงามแห่งโบฮีเมีย เมืองที่ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโก้ให้เป็นเมืองมรดกโลกใน ค.ศ.1992 (World Heritage) เมืองนี้ตั้งอยู่ริมสองฝั่งของแม่น้ำวัลตาวา ความโดดเด่นของเมืองที่มีอาคารเก่าแก่ตั้งแต่ยุคกลางกว่า 300 ปี หลังได้รับการอนุรักษ์และขึ้นทะเบียนไว้ให้เป็นสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก นำชมปราสาทครุมลอฟ (Krumlov) จากบริเวณรอบนอก ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ.1250 ถือเป็นปราสาทที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศรองลงมาจากปราสาทปราก มีอายุเก่าแก่กว่า 700 ปี ซึ่งตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำวอลตาวา (Valtawa River) ตรงบริเวณคุ้งน้ำ ฝั่งตรงข้ามเป็นย่านเมืองเก่าคลาสสิค Senete Square และโบสถ์เก่ากลางเมือง จากนั้นนำท่านเดินทางสุ่เมือง เชสกี้ บูดาโจวิค (Ceske Budejovic)
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
ที่พัก
นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก CLARION CONGRESS HOTEL หรือเทียบเท่า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่เมืองคาร์โลวี วารี (Karlovy vary) ที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งสปาที่ใหญ่ที่สุดของสาธารณรัฐเช็ค เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกว่าเป็นศูนย์กลางบำบัดโรคภัยต่างๆ นำเดินชมเมืองคาร์โลวี วารี ปัจจุบันเป็นที่นิยมของผู้คนทั่วโลกที่จะมาใช้บริการรักษาสุขภาพตามความเชื่อที่มีมาแต่สมัยโบราณ เชิญทดลองดื่มน้ำแร่ซึ่งต้องดื่มกับแก้วพิเศษโดยเฉพาะ เป็นแก้วพอร์ซเลนที่มีปากยื่นออกมาเหมือนกาน้ำ
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง (เป็ดสไตล์โบฮีเมียน)
บ่าย
นำท่านเดินทางสู่เมืองมรดกโลกเชสกี้ ครุมลอฟ (Cesky Krumlov) นำชมเมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นเพชรน้ำงามแห่งโบฮีเมีย เมืองที่ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโก้ให้เป็นเมืองมรดกโลกใน ค.ศ.1992 (World Heritage) เมืองนี้ตั้งอยู่ริมสองฝั่งของแม่น้ำวัลตาวา ความโดดเด่นของเมืองที่มีอาคารเก่าแก่ตั้งแต่ยุคกลางกว่า 300 ปี หลังได้รับการอนุรักษ์และขึ้นทะเบียนไว้ให้เป็นสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก นำชมปราสาทครุมลอฟ (Krumlov) จากบริเวณรอบนอก ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ.1250 ถือเป็นปราสาทที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศรองลงมาจากปราสาทปราก มีอายุเก่าแก่กว่า 700 ปี ซึ่งตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำวอลตาวา (Valtawa River) ตรงบริเวณคุ้งน้ำ ฝั่งตรงข้ามเป็นย่านเมืองเก่าคลาสสิค Senete Square และโบสถ์เก่ากลางเมือง จากนั้นนำท่านเดินทางสุ่เมือง เชสกี้ บูดาโจวิค (Ceske Budejovic)
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
ที่พัก
นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก CLARION CONGRESS HOTEL หรือเทียบเท่า
วันที่ 7 ฮัลสตัท - เวียนนา
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ฮัลสตัท (Hallstatt) หมู่บ้านมรดกโลกแสนสวย อายุกว่า 4,500 ปี เมืองที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบ โอบล้อมด้วยขุนเขาและป่าสีเขียวขจีสวย งามราวกับภาพวาด กล่าวกันว่าเป็นเมืองที่โรแมนติกที่สุดใน Salzkammergut เขตที่อยู่บนอัพเพอร์ออสเตรีย และมีทะเลสาบสวยถึง 76 แห่ง ออสเตรียให้ฉายาเมืองนี้ว่าเป็นไข่มุกแห่งออสเตรีย และเป็นพื้นที่มรดกโลกของ UNESCO Cultural-Historical Heritage เพียงเดินเที่ยวชมเมืองเสมือนหนึ่งท่านอยู่ในภวังค์แห่งความฝัน
อิสระอาหารกลางวันตามอัธยาศัย
บ่าย
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่กรุงเวียนนา (Vienna) เมืองหลวงของประเทศออสเตรีย ผ่านชมเส้นทางธรรมชาติของทิวเขาสูง และพื้นที่อันเขียวชอุ่มของป่าไม้แห่งออสเตรีย
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารจีน
ที่พัก
นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก MERCURE WESTBAHNHOF หรือเทียบเท่า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ฮัลสตัท (Hallstatt) หมู่บ้านมรดกโลกแสนสวย อายุกว่า 4,500 ปี เมืองที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบ โอบล้อมด้วยขุนเขาและป่าสีเขียวขจีสวย งามราวกับภาพวาด กล่าวกันว่าเป็นเมืองที่โรแมนติกที่สุดใน Salzkammergut เขตที่อยู่บนอัพเพอร์ออสเตรีย และมีทะเลสาบสวยถึง 76 แห่ง ออสเตรียให้ฉายาเมืองนี้ว่าเป็นไข่มุกแห่งออสเตรีย และเป็นพื้นที่มรดกโลกของ UNESCO Cultural-Historical Heritage เพียงเดินเที่ยวชมเมืองเสมือนหนึ่งท่านอยู่ในภวังค์แห่งความฝัน
อิสระอาหารกลางวันตามอัธยาศัย
บ่าย
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่กรุงเวียนนา (Vienna) เมืองหลวงของประเทศออสเตรีย ผ่านชมเส้นทางธรรมชาติของทิวเขาสูง และพื้นที่อันเขียวชอุ่มของป่าไม้แห่งออสเตรีย
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารจีน
ที่พัก
นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก MERCURE WESTBAHNHOF หรือเทียบเท่า
วันที่ 8 พระราชวังเชินบรุนน์ – บูดาเปสต์ - ล่องเรือแม่น้ำดานูบ
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านเข้าชมความงดงามของพระราชวังเชินบรุนน์ (Schoenbrunn Palace) แห่งราชวงศ์ฮับสบวร์ก (มีไกด์ท้องถิ่นบรรยายในพระราชวัง) ซึ่งมีประวัติการสร้างมาตั้งแต่กลางคริสต์ศตวรรษที่ 16 และต่อมาพระนางมาเรีย เทเรซ่า ให้สร้างขึ้นใหม่อย่างสง่างามด้วยจำนวนห้องถึง 1,441 ห้องในระหว่างปีค.ศ.1744 - 1749 เพื่อใช้เป็นพระราชวังฤดูร้อน ชมความโอ่อ่าของท้องพระโรง และพลับพลาที่ประทับ ซึ่งได้รับการตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจงสวยงามไม่แพ้พระราชวังแวร์ซายของฝรั่งเศส จากนั้นนำผ่านชมถนนสายวงแหวน (Ringstrasse) ที่แวดล้อมไปด้วยอาคารอันงดงามสถาปัตยกรรมเก่าแก่ ผ่านชมโรงละครโอเปร่า ที่สร้างขึ้นในระหว่างปีค.ศ.1863-1869 แต่ตัวอาคารได้ถูกทำลายไปในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 และเปิดใหม่อีกครั้งในปี ค.ศ.1955 ผ่านชมพระราชวังฮอฟเบิร์ก (Hofburg Palace) ซึ่งเป็นกลุ่มอาคารที่เคยเป็นที่ประทับของราชสำนักฮัปสบูร์ก มาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 13 จนถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 นำชมบริเวณรอบนอกโบสถ์สเตเฟ่นส์ (St. Stephen’s Cathedral) สัญลักษณ์ของกรุงเวียนนา ซึ่งพระเจ้าคาร์ลที่ 6 โปรดให้สร้างขึ้นในปีค.ศ.1713 เพื่อเป็นการแก้บนต่อความทุกข์ยากของประชาชน จากนั้นให้ท่านอิสระช้อปปิ้งถนนคาร์ทเนอร์ (Kartner Street) ตามอัธยาศัย
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน
นำท่านเดินทางโดยรถโค้ชผ่านย่านเกษตรกรรมข้ามพรมแดนสู่ กรุงบูดาเปสต์ (Budapest) เมืองหลวงของ ประเทศฮังการี (Hungary) ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่ทันสมัยและสวยงามด้วยศิลปวัฒนธรรมของชนหลายเชื้อชาติที่มี อารยธรรม รุ่งเรืองมานานกว่าพันปี ถึงกับได้รับการขนานนามว่าเป็น “ไข่มุกแห่งแม่น้ำดานูบ” ชมเมืองที่ได้ชื่อว่างดงามติดอันดับโลกด้วยทัศนียภาพบนสองฝั่งแม่น้ำดานูบ นำท่านล่องเรือแม่น้ำดานูบอันเลื่องชื่อ ชมความงามของทิวทัศน์และอารยะธรรมฮังการีในช่วง 600-800 ปีมาแล้วที่ตั้งเรียงรายกันอยู่ 2 ฟากฝั่ง ชมความตระการตาของอาคารต่างๆ อาทิ อาคารรัฐสภา ซึ่งงดงามเป็นที่ร่ำลือ ด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิค บนตัวอาคารประกอบด้วยยอดสูงถึง 365 ยอด นอกจากนี้ท่านจะได้ชม สะพานเชน สะพานถาวรแห่งแรกที่สร้างข้ามแม่น้ำดานูบ โดยนาย WILLIAM TIERNEY CLARK วิศวกรชาวอังกฤษ เหล็กทุกชิ้นที่ใช้ในการสร้างได้ถูกนำมาจากประเทศอังกฤษเช่นกัน (การล่องเรือขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ โดยเฉพาะในช่วงฤดุหนาว น้ำในแม่น้ำอาจกลายเป็นน้ำแข็ง จนไม่สามารถล่องเรือได้ หรือมีเหตุการณ์อื่นๆจนไม่สามารถล่องเรือได้ ทางบริษัทขอคืนเงินจำนวน 10 ยูโรต่อท่าน)
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
ที่พัก
นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก ACHAT PREMIUM H. BUDAPEST หรือเทียบเท่า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านเข้าชมความงดงามของพระราชวังเชินบรุนน์ (Schoenbrunn Palace) แห่งราชวงศ์ฮับสบวร์ก (มีไกด์ท้องถิ่นบรรยายในพระราชวัง) ซึ่งมีประวัติการสร้างมาตั้งแต่กลางคริสต์ศตวรรษที่ 16 และต่อมาพระนางมาเรีย เทเรซ่า ให้สร้างขึ้นใหม่อย่างสง่างามด้วยจำนวนห้องถึง 1,441 ห้องในระหว่างปีค.ศ.1744 - 1749 เพื่อใช้เป็นพระราชวังฤดูร้อน ชมความโอ่อ่าของท้องพระโรง และพลับพลาที่ประทับ ซึ่งได้รับการตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจงสวยงามไม่แพ้พระราชวังแวร์ซายของฝรั่งเศส จากนั้นนำผ่านชมถนนสายวงแหวน (Ringstrasse) ที่แวดล้อมไปด้วยอาคารอันงดงามสถาปัตยกรรมเก่าแก่ ผ่านชมโรงละครโอเปร่า ที่สร้างขึ้นในระหว่างปีค.ศ.1863-1869 แต่ตัวอาคารได้ถูกทำลายไปในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 และเปิดใหม่อีกครั้งในปี ค.ศ.1955 ผ่านชมพระราชวังฮอฟเบิร์ก (Hofburg Palace) ซึ่งเป็นกลุ่มอาคารที่เคยเป็นที่ประทับของราชสำนักฮัปสบูร์ก มาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 13 จนถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 นำชมบริเวณรอบนอกโบสถ์สเตเฟ่นส์ (St. Stephen’s Cathedral) สัญลักษณ์ของกรุงเวียนนา ซึ่งพระเจ้าคาร์ลที่ 6 โปรดให้สร้างขึ้นในปีค.ศ.1713 เพื่อเป็นการแก้บนต่อความทุกข์ยากของประชาชน จากนั้นให้ท่านอิสระช้อปปิ้งถนนคาร์ทเนอร์ (Kartner Street) ตามอัธยาศัย
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน
นำท่านเดินทางโดยรถโค้ชผ่านย่านเกษตรกรรมข้ามพรมแดนสู่ กรุงบูดาเปสต์ (Budapest) เมืองหลวงของ ประเทศฮังการี (Hungary) ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่ทันสมัยและสวยงามด้วยศิลปวัฒนธรรมของชนหลายเชื้อชาติที่มี อารยธรรม รุ่งเรืองมานานกว่าพันปี ถึงกับได้รับการขนานนามว่าเป็น “ไข่มุกแห่งแม่น้ำดานูบ” ชมเมืองที่ได้ชื่อว่างดงามติดอันดับโลกด้วยทัศนียภาพบนสองฝั่งแม่น้ำดานูบ นำท่านล่องเรือแม่น้ำดานูบอันเลื่องชื่อ ชมความงามของทิวทัศน์และอารยะธรรมฮังการีในช่วง 600-800 ปีมาแล้วที่ตั้งเรียงรายกันอยู่ 2 ฟากฝั่ง ชมความตระการตาของอาคารต่างๆ อาทิ อาคารรัฐสภา ซึ่งงดงามเป็นที่ร่ำลือ ด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิค บนตัวอาคารประกอบด้วยยอดสูงถึง 365 ยอด นอกจากนี้ท่านจะได้ชม สะพานเชน สะพานถาวรแห่งแรกที่สร้างข้ามแม่น้ำดานูบ โดยนาย WILLIAM TIERNEY CLARK วิศวกรชาวอังกฤษ เหล็กทุกชิ้นที่ใช้ในการสร้างได้ถูกนำมาจากประเทศอังกฤษเช่นกัน (การล่องเรือขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ โดยเฉพาะในช่วงฤดุหนาว น้ำในแม่น้ำอาจกลายเป็นน้ำแข็ง จนไม่สามารถล่องเรือได้ หรือมีเหตุการณ์อื่นๆจนไม่สามารถล่องเรือได้ ทางบริษัทขอคืนเงินจำนวน 10 ยูโรต่อท่าน)
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
ที่พัก
นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก ACHAT PREMIUM H. BUDAPEST หรือเทียบเท่า
วันที่ 9 บูดาเปสต์ – CASTLE HILL – สนามบิน
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านชมบริเวณ CASTLE HILL ซึ่งเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมโบราณอันทรงคุณค่า ถ่ายรูปด้านนอกของอาคารพระราชวังโบราณ แล้วชมบริเวณรอบนอกโบสถ์แมทเธียส (Matthias Church) ซึ่งเคยใช้เป็นสถานที่จัดพิธีสวมมงกุฎให้กษัตริย์มาแล้วหลายพระองค์ ชื่อโบสถ์มาจากชื่อกษัตริย์แมทเธียส ซึ่งเป็นกษัตริย์ที่ทรงพระปรีชาสามารถมาก และยังเป็นกษัตริย์ผู้ทรงสร้างสิ่งก่อสร้างที่งดงามในเมืองหลวงต่างๆ อีกมากมาย ซึ่งสร้างในสไตล์นีโอ-โกธิก หลังคาสลับสีสวยงามอันเป็นจุดเด่นที่สุดในศตวรรษที่ 15 ถัดจากโบสถ์เป็นอนุสาวรีย์ของพระเจ้าสตีเฟ่นที่ 1 พระบรมรูปทรงม้า ผลงานประติมากรรมที่งดงามของศตวรรษที่ 11 อยู่หน้า ป้อมชาวประมง (Fisherman’s Bastion) จุดชมวิวเหนือเมืองบูดาที่ท่านสามารถชมความงามของแม่น้ำดานูบได้อย่างดีป้อมแห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ ค.ศ.1905 โดยกลุ่มชาวประมงฮังกาเรียน
11.30 น.
นำเดินทางสู่ สนามบิน เพื่อให้ท่านมีเวลาในการทำคืนภาษี (Tax Refund) และมีเวลาในการเลือกซื้อสินค้าในร้านค้าปลอดภาษีภายในสนามบิน
16.00 น.
ออกเดินทางกลับสู่กรุงเทพ เที่ยวบินที่ EK112
** คณะเดินทางวันที่ 03 - 12 มี.ค. 63 ออกเดินทาง เวลา 15.20 น. และถึงดูไบ เวลา 23.35 น. **
23.20 น.
ถึงสนามบินดูไบ รอเปลี่ยนเครื่อง
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านชมบริเวณ CASTLE HILL ซึ่งเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมโบราณอันทรงคุณค่า ถ่ายรูปด้านนอกของอาคารพระราชวังโบราณ แล้วชมบริเวณรอบนอกโบสถ์แมทเธียส (Matthias Church) ซึ่งเคยใช้เป็นสถานที่จัดพิธีสวมมงกุฎให้กษัตริย์มาแล้วหลายพระองค์ ชื่อโบสถ์มาจากชื่อกษัตริย์แมทเธียส ซึ่งเป็นกษัตริย์ที่ทรงพระปรีชาสามารถมาก และยังเป็นกษัตริย์ผู้ทรงสร้างสิ่งก่อสร้างที่งดงามในเมืองหลวงต่างๆ อีกมากมาย ซึ่งสร้างในสไตล์นีโอ-โกธิก หลังคาสลับสีสวยงามอันเป็นจุดเด่นที่สุดในศตวรรษที่ 15 ถัดจากโบสถ์เป็นอนุสาวรีย์ของพระเจ้าสตีเฟ่นที่ 1 พระบรมรูปทรงม้า ผลงานประติมากรรมที่งดงามของศตวรรษที่ 11 อยู่หน้า ป้อมชาวประมง (Fisherman’s Bastion) จุดชมวิวเหนือเมืองบูดาที่ท่านสามารถชมความงามของแม่น้ำดานูบได้อย่างดีป้อมแห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ ค.ศ.1905 โดยกลุ่มชาวประมงฮังกาเรียน
11.30 น.
นำเดินทางสู่ สนามบิน เพื่อให้ท่านมีเวลาในการทำคืนภาษี (Tax Refund) และมีเวลาในการเลือกซื้อสินค้าในร้านค้าปลอดภาษีภายในสนามบิน
16.00 น.
ออกเดินทางกลับสู่กรุงเทพ เที่ยวบินที่ EK112
** คณะเดินทางวันที่ 03 - 12 มี.ค. 63 ออกเดินทาง เวลา 15.20 น. และถึงดูไบ เวลา 23.35 น. **
23.20 น.
ถึงสนามบินดูไบ รอเปลี่ยนเครื่อง
วันที่ 10 กรุงเทพฯ
09.40 น.
ออกเดินทางต่อสู่กรุงเทพด้วยเที่ยวบิน EK372
** คณะเดินทางวันที่ 03 - 12 มี.ค. 63 ออกเดินทาง เวลา 09.30 น. และถึงกรุงเทพฯ เวลา 18.40 น. **
18.55 น.
ถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพมหานคร ด้วยความสวัสดิภาพ
** คณะเดินทางวันที่ 02 - 11 มิ.ย. 63 เดินทางถึงเวลา 19.15 น. **
ออกเดินทางต่อสู่กรุงเทพด้วยเที่ยวบิน EK372
** คณะเดินทางวันที่ 03 - 12 มี.ค. 63 ออกเดินทาง เวลา 09.30 น. และถึงกรุงเทพฯ เวลา 18.40 น. **
18.55 น.
ถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพมหานคร ด้วยความสวัสดิภาพ
** คณะเดินทางวันที่ 02 - 11 มิ.ย. 63 เดินทางถึงเวลา 19.15 น. **