โปรแกรม 8 วัน 5 คืน : เดินทางโดยสายการบินEmirates
วันที่ 1 กรุงเทพฯ
22.30 น.
คณะพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ ประตู 9 เคาน์เตอร์ T สายการบินเอมิเรตส์ โดยมีเจ้าหน้าที่ คอยต้อนรับและอำนวยความสะดวก
คณะพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ ประตู 9 เคาน์เตอร์ T สายการบินเอมิเรตส์ โดยมีเจ้าหน้าที่ คอยต้อนรับและอำนวยความสะดวก
วันที่ 2 กรุงเทพฯ – ดูไบ – ปอร์โต้ - โกอิมบรา
03.30 น.
ออกเดินทางสู่ปอร์โต้ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 377
** คณะเดินทางตั้งแต่วันที่ 04 เมษายน 63 ออกเดินทางเวลา 03.30 น. และถึงดูไบ เวลา 06.55 น. **
07.15 น.
เดินทางถึงสนามบินดูไบ รอเปลี่ยนเครื่อง
09.20 น.
ออกเดินทางต่อสู่ปอร์โต้ ประเทศโปรตุเกสโดยเที่ยวบิน EK197
** คณะเดินทางตั้งแต่วันที่ 04 เมษายน 63 ออกเดินทางเวลา 09.15 น. และถึงเมืองปอร์โต้ เวลา 14.30 น. **
13.30 น.
ถึงสนามบินสนามบินฟรานซิสโก้ ซา คาร์เนอิโร เมืองปอร์โต้ ประเทศโปรตุเกส(เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 7 ชั่วโมง) ผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร ผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่เมืองปอร์โต้ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของประเทศโปรตุเกสตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศ เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงเรื่องการผลิตไวน์ หรือ ปอร์โต้ไวน์ด้วยและนอกจากนั้นเมืองนี้ยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 1996 อีกด้วย นำท่านชมย่านจัตุรัสกลางเมือง Praça dos Liberdade ประกอบด้วยอาคารสวยงามที่เป็นที่ทำการของธนาคารและโรงแรม และศาลาว่าการเมือง ชมสถานีรถไฟ São Bento ซึ่งภายในมีการตกแต่งด้วยกระเบื้องเขียนสีที่มีลวดลายสีน้ำเงิน ที่เล่าเรื่องราวของชาวโปรตุเกส แวะถ่ายรูปกับโบสถ์ Sé de Porto ที่เก่าแก่ที่สุดของเมือง อายุกว่าพันปี โบสถ์แห่งนี้เป็นที่จัดงานอภิเษกสมรสของกษัตริย์ João ที่ 1 บิดาของเจ้าชายเฮนรี่ ผู้บุกเบิกการเดินเรืออันยิ่งใหญ่ของโปรตุเกส สร้างอยู่บนเนินที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมือง จากนั้นเดินทางสู่เมืองโกอิมบรา (Coimbra) อีกเมืองหนึ่งที่สำคัญของโปรตุเกส
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
ที่พัก
เดินทางเข้าสู่ที่พัก TRYP COIMBRA หรือเทียบเท่า
ออกเดินทางสู่ปอร์โต้ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 377
** คณะเดินทางตั้งแต่วันที่ 04 เมษายน 63 ออกเดินทางเวลา 03.30 น. และถึงดูไบ เวลา 06.55 น. **
07.15 น.
เดินทางถึงสนามบินดูไบ รอเปลี่ยนเครื่อง
09.20 น.
ออกเดินทางต่อสู่ปอร์โต้ ประเทศโปรตุเกสโดยเที่ยวบิน EK197
13.30 น.
ถึงสนามบินสนามบินฟรานซิสโก้ ซา คาร์เนอิโร เมืองปอร์โต้ ประเทศโปรตุเกส(เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 7 ชั่วโมง) ผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร ผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่เมืองปอร์โต้ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของประเทศโปรตุเกสตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศ เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงเรื่องการผลิตไวน์ หรือ ปอร์โต้ไวน์ด้วยและนอกจากนั้นเมืองนี้ยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 1996 อีกด้วย นำท่านชมย่านจัตุรัสกลางเมือง Praça dos Liberdade ประกอบด้วยอาคารสวยงามที่เป็นที่ทำการของธนาคารและโรงแรม และศาลาว่าการเมือง ชมสถานีรถไฟ São Bento ซึ่งภายในมีการตกแต่งด้วยกระเบื้องเขียนสีที่มีลวดลายสีน้ำเงิน ที่เล่าเรื่องราวของชาวโปรตุเกส แวะถ่ายรูปกับโบสถ์ Sé de Porto ที่เก่าแก่ที่สุดของเมือง อายุกว่าพันปี โบสถ์แห่งนี้เป็นที่จัดงานอภิเษกสมรสของกษัตริย์ João ที่ 1 บิดาของเจ้าชายเฮนรี่ ผู้บุกเบิกการเดินเรืออันยิ่งใหญ่ของโปรตุเกส สร้างอยู่บนเนินที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมือง จากนั้นเดินทางสู่เมืองโกอิมบรา (Coimbra) อีกเมืองหนึ่งที่สำคัญของโปรตุเกส
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
ที่พัก
เดินทางเข้าสู่ที่พัก TRYP COIMBRA หรือเทียบเท่า
วันที่ 3 โกอิมบรา – มหาวิทยาลัยโกอิมบรา – ซาลามังกา – มาดริด
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านเยี่ยมชมมหาวิทยาลัยโกอิมบรา(Coimbra University) อิสระให้ท่านได้ถ่ายรูปกับสถานที่สำคัญภายในมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ก่อตั้งในปี ค.ศ.1290 แต่ก็ถูกเปลี่ยนเป็นพระราชวังหลวง (Coimbra Royal Palace) โดยกษัตริย์ คิงส์จอห์นที 3 ในปี ค.ศ.1537 ซึ่งยังคงศิลปะสไตล์บาร็อคที่สวยงาม และนำท่านเดินทางข้ามพรมแดนสู่เมืองซาลามังกา (Salamanca) ในแคว้นคาสตีลและเลออน ทางภาคตะวันตกของประเทศสเปน ตั้งอยู่บนที่ราบสูงริมแม่น้ำตอร์เมส เป็นเมืองที่มีความสำคัญเนื่องจากเป็นศูนย์กลางของการค้าขายในสมัยโรมันเรืองอำนาจ ปัจจุบันเมืองนี้ได้รับขึ้นเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก ในปี ค.ศ. 1988
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน
บ่าย
นำท่านเดินทางสู่กรุงมาดริด (Madrid) เมืองหลวงของประเทศสเปน ตั้งอยู่ใจกลางแหลมไอบีเรียน ในระดับความสูง 650 เมตร เป็นมหานครอันทันสมัยล้ำยุค ที่ซึ่งกษัตริย์ฟิลลิปที่ 2 ได้ทรงย้ายที่ประทับจากเมืองโทเลโดมาที่นี่ และประกาศให้มาดริดเป็นเมืองหลวงใหม่ ยกเว้นในช่วงประมาณปี ค.ศ. 1601-1607 เมืองมาดริดได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในโลก และสูงสุดแห่งหนึ่งในยุโรป
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
ที่พัก
เดินทางเข้าสู่ที่พัก SENATOR BARAJAS หรือเทียบเท่า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านเยี่ยมชมมหาวิทยาลัยโกอิมบรา(Coimbra University) อิสระให้ท่านได้ถ่ายรูปกับสถานที่สำคัญภายในมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ก่อตั้งในปี ค.ศ.1290 แต่ก็ถูกเปลี่ยนเป็นพระราชวังหลวง (Coimbra Royal Palace) โดยกษัตริย์ คิงส์จอห์นที 3 ในปี ค.ศ.1537 ซึ่งยังคงศิลปะสไตล์บาร็อคที่สวยงาม และนำท่านเดินทางข้ามพรมแดนสู่เมืองซาลามังกา (Salamanca) ในแคว้นคาสตีลและเลออน ทางภาคตะวันตกของประเทศสเปน ตั้งอยู่บนที่ราบสูงริมแม่น้ำตอร์เมส เป็นเมืองที่มีความสำคัญเนื่องจากเป็นศูนย์กลางของการค้าขายในสมัยโรมันเรืองอำนาจ ปัจจุบันเมืองนี้ได้รับขึ้นเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก ในปี ค.ศ. 1988
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน
บ่าย
นำท่านเดินทางสู่กรุงมาดริด (Madrid) เมืองหลวงของประเทศสเปน ตั้งอยู่ใจกลางแหลมไอบีเรียน ในระดับความสูง 650 เมตร เป็นมหานครอันทันสมัยล้ำยุค ที่ซึ่งกษัตริย์ฟิลลิปที่ 2 ได้ทรงย้ายที่ประทับจากเมืองโทเลโดมาที่นี่ และประกาศให้มาดริดเป็นเมืองหลวงใหม่ ยกเว้นในช่วงประมาณปี ค.ศ. 1601-1607 เมืองมาดริดได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในโลก และสูงสุดแห่งหนึ่งในยุโรป
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
ที่พัก
เดินทางเข้าสู่ที่พัก SENATOR BARAJAS หรือเทียบเท่า
วันที่ 4 มาดริด – เซอโกเบีย – รางส่งน้ำโรมัน – มาดริด
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่เมืองเซอโกเบีย (Segovia) เมืองท่องเที่ยวอีกเมืองหนึ่งของสเปน องค์การ UNESCO ยังได้ขึ้นทะเบียนให้เมืองนี้เป็นเมืองมรดกโลกในปี 1985 ชมรางส่งน้ำโรมัน (Acueducto de Segovia) ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 1 โดยไม่มีการใช้กาวหรือวัสดุเชื่อมหินแต่ละก้อนแต่อย่างใด จึงได้รับการยกย่องว่าเป็นสิ่งก่อสร้างทางวิศวกรรมโดยชาวโรมันที่สำคัญที่สุดของสเปน และยังมีสภาพสมบูรณ์ที่สุดอีกด้วย รางส่งน้ำประกอบขึ้นจากหินแกรนิตกว่า 25,000 ก้อน มีความยาว 818 เมตร มีโค้ง 170 โค้ง จุดที่สูงที่สุดสูงถึง 29 เมตร จุดเริ่มต้นของรางส่งน้ำนี้ เริ่มตั้งแต่นอกเมือง แล้วลำเลียงส่งน้ำเข้ามาในเมือง รางส่งน้ำแห่งนี้ถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของเมืองเซอโกเบีย และเป็นไฮไลท์หลักของเมือง นำท่านเดินเล่นในเขตเมืองเก่า ซึ่งเต็มไปด้วยสินค้านานาชนิดตลอดสองข้างทาง
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
บ่าย
นำท่านเที่ยวชมกรุงแมดริด ที่มีสถาปัตยกรรมที่สวยงามอยู่มากมาย ทั้งอนุสาวรีย์น้ำพุไซเบเลส (The Cibeles Fountain) ตั้งอยู่ที่จัตุรัสรัสซิเบเลส (Plaza de Cibeles) ซึ่งเป็นวงเวียนสำคัญและสวยที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงมาดริด โดยบริเวณนี้ มีอาคารสวยงามและสำคัญ ประจำอยู่ทั้ง 4 มุมได้แก่ ธนาคารแห่งชาติสเปน,กองบัญชาการทหารบก,ที่ทำการใหญ่ไปรษณีย์ ประตูชัยอาคาล่า และศูนย์วัฒนธรรมทวีปอเมริกาโดยประตูชัยอาคาล่า มาดริด (Splendid puerta de alcala) สร้างขึ้นในปี 1599 ประตูชัยแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อถวายแด่พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ตั้งตระหง่านทางตะวันออกของใจกลางเมือง ชมปลาซาเดเอสปาญา (Plaza de espana) เพื่อแวะถ่ายรูปกับอนุสาวรีย์ดอนกิโฆเต้ (Donquixote) นำท่านสู่ พลาซ่า มายอร์ (Plaza Mayor of Madrid) ใกล้เขตปูเอต้าเดลซอล หรือประตูพระอาทิตย์ ซึ่งเป็นจตุรัสใจกลางเมือง นับเป็นจุดนับกิโลเมตรแรกของสเปน (กิโลเมตรที่ศูนย์) และยังเป็นศูนย์กลางรถไฟใต้ดินและรถเมล์ทุกสาย นอกจากนี้ยังเป็นจุดตัดของถนนสายสำคัญของเมืองที่หนาแน่นด้วยร้านค้าและห้างสรรพสินค้าใหญ่มากมาย นำท่านแวะถ่ายรูปกับ รูปปั้นหมีเกาะต้นเชอรี่ (The bear and the cherry tree in Madrid) อันเป็นสัญลักษณ์สำคัญอีกแห่งของกรุงมาดริด
อิสระอาหารค่ำตามอัธยาศัย
ที่พัก
เดินทางเข้าสู่ที่พัก SENATOR BARAJAS หรือเทียบเท่า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่เมืองเซอโกเบีย (Segovia) เมืองท่องเที่ยวอีกเมืองหนึ่งของสเปน องค์การ UNESCO ยังได้ขึ้นทะเบียนให้เมืองนี้เป็นเมืองมรดกโลกในปี 1985 ชมรางส่งน้ำโรมัน (Acueducto de Segovia) ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 1 โดยไม่มีการใช้กาวหรือวัสดุเชื่อมหินแต่ละก้อนแต่อย่างใด จึงได้รับการยกย่องว่าเป็นสิ่งก่อสร้างทางวิศวกรรมโดยชาวโรมันที่สำคัญที่สุดของสเปน และยังมีสภาพสมบูรณ์ที่สุดอีกด้วย รางส่งน้ำประกอบขึ้นจากหินแกรนิตกว่า 25,000 ก้อน มีความยาว 818 เมตร มีโค้ง 170 โค้ง จุดที่สูงที่สุดสูงถึง 29 เมตร จุดเริ่มต้นของรางส่งน้ำนี้ เริ่มตั้งแต่นอกเมือง แล้วลำเลียงส่งน้ำเข้ามาในเมือง รางส่งน้ำแห่งนี้ถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของเมืองเซอโกเบีย และเป็นไฮไลท์หลักของเมือง นำท่านเดินเล่นในเขตเมืองเก่า ซึ่งเต็มไปด้วยสินค้านานาชนิดตลอดสองข้างทาง
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
บ่าย
นำท่านเที่ยวชมกรุงแมดริด ที่มีสถาปัตยกรรมที่สวยงามอยู่มากมาย ทั้งอนุสาวรีย์น้ำพุไซเบเลส (The Cibeles Fountain) ตั้งอยู่ที่จัตุรัสรัสซิเบเลส (Plaza de Cibeles) ซึ่งเป็นวงเวียนสำคัญและสวยที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงมาดริด โดยบริเวณนี้ มีอาคารสวยงามและสำคัญ ประจำอยู่ทั้ง 4 มุมได้แก่ ธนาคารแห่งชาติสเปน,กองบัญชาการทหารบก,ที่ทำการใหญ่ไปรษณีย์ ประตูชัยอาคาล่า และศูนย์วัฒนธรรมทวีปอเมริกาโดยประตูชัยอาคาล่า มาดริด (Splendid puerta de alcala) สร้างขึ้นในปี 1599 ประตูชัยแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อถวายแด่พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ตั้งตระหง่านทางตะวันออกของใจกลางเมือง ชมปลาซาเดเอสปาญา (Plaza de espana) เพื่อแวะถ่ายรูปกับอนุสาวรีย์ดอนกิโฆเต้ (Donquixote) นำท่านสู่ พลาซ่า มายอร์ (Plaza Mayor of Madrid) ใกล้เขตปูเอต้าเดลซอล หรือประตูพระอาทิตย์ ซึ่งเป็นจตุรัสใจกลางเมือง นับเป็นจุดนับกิโลเมตรแรกของสเปน (กิโลเมตรที่ศูนย์) และยังเป็นศูนย์กลางรถไฟใต้ดินและรถเมล์ทุกสาย นอกจากนี้ยังเป็นจุดตัดของถนนสายสำคัญของเมืองที่หนาแน่นด้วยร้านค้าและห้างสรรพสินค้าใหญ่มากมาย นำท่านแวะถ่ายรูปกับ รูปปั้นหมีเกาะต้นเชอรี่ (The bear and the cherry tree in Madrid) อันเป็นสัญลักษณ์สำคัญอีกแห่งของกรุงมาดริด
อิสระอาหารค่ำตามอัธยาศัย
ที่พัก
เดินทางเข้าสู่ที่พัก SENATOR BARAJAS หรือเทียบเท่า
วันที่ 5 มาดริด – โทเลโด – มหาวิหารแห่งโทเลโด – กอร์โดบา
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่เมืองโทเลโด (Toledo) เมืองแห่งนี้ตั้งอยู่ทางภาคกลางของประเทศสเปน องค์การยูเนสโกได้ประกาศให้เมืองนี้เป็นแหล่งมรดกโลกอีกด้วย มีทัศนียภาพที่สวยงาม เนื่องจากมีแม่น้ำเทกัส ไหลผ่านเมือง นำท่านเข้าชมมหาวิหารแห่งโทเลโด (Toledo Cathedral) เนื่องจากเป็นวิหารที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของสเปน รองจากวิหารเมืองเซบีญ่า ที่สร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 ความงดงามอลังการสไตล์โกธิก ภายในมหาวิหารมีการตกแต่งอย่างงดงามวิจิตรด้วยไม้แกะสลักและภาพสลักหินอ่อน
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
บ่าย
นำท่านเดินทางต่อสู่เมืองกอร์โดบา (Cordoba) เมืองที่สวยงามในแบบมูเดก้าและเป็นเมืองทีเจริญรุ่งเรืองที่สุดในยุคที่มัวร์ปกครอง นำท่านชมเมืองเก่าที่ยังคงมีสถาปัตยกรรมน่าประทับใจหลายแห่งที่ย้อนไปเมื่อครั้งเมืองนี้เป็นเมืองหลวงที่เจริญรุ่งเรือง ชมสะพานโรมันเป็นสะพานสำหรับการสัญจรข้ามแม่น้ำกัวดัลกิบีร์ (Guadalquivir) เส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงนครแห่งนี้มาแต่ครั้งโบราณ โดยความเก่าแก่ของสะพานก็มีอายุราว 2 พันปี เพราะถูกสร้างขึ้นเมื่อราวคริสต์ศตวรรษที่ 1 สมัยที่อาณาจักรโรมันเรืองอำนาจในดินแดนแถบนี้ โดยบริเวณเมืองเก่ายังเป็นที่ตั้งของมหาวิหารกอร์โดบา หรือในอดีต คือ มัสยิดใหญ่แห่งกอร์โดบา The Mosque–Cathedral of Córdoba หนึ่งในมรดกโลก
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารจีน
ที่พัก
เดินทางเข้าสู่ที่พัก AYRE CORDOBA หรือเทียบเท่า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่เมืองโทเลโด (Toledo) เมืองแห่งนี้ตั้งอยู่ทางภาคกลางของประเทศสเปน องค์การยูเนสโกได้ประกาศให้เมืองนี้เป็นแหล่งมรดกโลกอีกด้วย มีทัศนียภาพที่สวยงาม เนื่องจากมีแม่น้ำเทกัส ไหลผ่านเมือง นำท่านเข้าชมมหาวิหารแห่งโทเลโด (Toledo Cathedral) เนื่องจากเป็นวิหารที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของสเปน รองจากวิหารเมืองเซบีญ่า ที่สร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 ความงดงามอลังการสไตล์โกธิก ภายในมหาวิหารมีการตกแต่งอย่างงดงามวิจิตรด้วยไม้แกะสลักและภาพสลักหินอ่อน
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
บ่าย
นำท่านเดินทางต่อสู่เมืองกอร์โดบา (Cordoba) เมืองที่สวยงามในแบบมูเดก้าและเป็นเมืองทีเจริญรุ่งเรืองที่สุดในยุคที่มัวร์ปกครอง นำท่านชมเมืองเก่าที่ยังคงมีสถาปัตยกรรมน่าประทับใจหลายแห่งที่ย้อนไปเมื่อครั้งเมืองนี้เป็นเมืองหลวงที่เจริญรุ่งเรือง ชมสะพานโรมันเป็นสะพานสำหรับการสัญจรข้ามแม่น้ำกัวดัลกิบีร์ (Guadalquivir) เส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงนครแห่งนี้มาแต่ครั้งโบราณ โดยความเก่าแก่ของสะพานก็มีอายุราว 2 พันปี เพราะถูกสร้างขึ้นเมื่อราวคริสต์ศตวรรษที่ 1 สมัยที่อาณาจักรโรมันเรืองอำนาจในดินแดนแถบนี้ โดยบริเวณเมืองเก่ายังเป็นที่ตั้งของมหาวิหารกอร์โดบา หรือในอดีต คือ มัสยิดใหญ่แห่งกอร์โดบา The Mosque–Cathedral of Córdoba หนึ่งในมรดกโลก
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารจีน
ที่พัก
เดินทางเข้าสู่ที่พัก AYRE CORDOBA หรือเทียบเท่า
วันที่ 6 กอร์โดบา – เซบีย่า – มหาวิหารแห่งเมืองเซบีย่า - บาดาโฮซ
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่เมืองเซบีย่า (Seville) เป็นเมืองใหญ่อันดับ 4 ของสเปน ชมปลาซาเดเอสปาญา (Plaza De Espana) ที่สร้างขึ้นเมือปี ค.ศ. 1982 เป็นกลุ่มอาคารรูปครึ่งวงกลมซึ่งรวมความเป็นสถาปัตยกรรมแบบสเปนที่เรียงต่อกันเป็นแนวยาวสวยงามยิ่งนัก แต่ละซุ้มโค้งประตูมีตราประจำจังหวัดไล่เรียงตามตัวอักษร อิสระให้ท่านเก็บภาพความงามรอบบริเวณ นำท่านถ่ายรูปกับหอคอยฆีรัลดา (Giralda Tower) หอศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้เป็นหอคอยที่สร้างขึ้นโดยชาวมุสลิม เป็นตึกทรงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าสูง 93 เมตร ติดกันกับมหาวิหารเป็นลานส้มและน้ำพุ เพื่อใช้ในพิธีชำระร่างกายของชาวมุสลิม จากนั้นนำท่านชมภายนอกและถ่ายรูปมหาวิหารแห่งเมืองเซบีย่า (Seville Cathedral) เริ่มสร้างใน ค.ศ.1042 และสร้างเสร็จ ค.ศ.1519 ซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสาม รองจากมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ที่กรุงโรม และเซนต์ปอลที่ลอนดอน และใหญ่ที่สุดในสเปน สร้างด้วยศิลปะแบบโกธิค ภายในตกแต่งได้อย่างวิจิตรตระการตา สร้างขึ้นแทนที่ตั้งของสุเหร่าเดิม โดยต้องการให้ยิ่งใหญ่แบบไม่มีใครเทียบเทียมได้ ในห้องเก็บทรัพย์สมบัติล้ำค่า มีทั้งภาพเขียน เครื่องใช้ในศาสนพิธี ที่ทำมาจากทองคำและเงินล้วนแล้วแต่ประเมินค่ามิได้ ตอนกลางโบสถ์เป็นที่ตั้งของสุสานคริสโตเฟอร์โคลัมบัส ซึ่งสร้างอย่างยิ่งใหญ่สมเกียรติยศ เป็นหีบศพหินอ่อนที่ตั้งอยู่บนบ่าของรูปสลักชายหนุ่ม 4 คน ซึ่งเป็นผู้แทนของราชอาณาจักรของกษัตริย์คาธอลิคทั้ง 2 พระองค์อันได้แก่คัสตีล เลออน อาราก็อนและนาวาร์เร
อิสระอาหารกลางวันตามอัธยาศัย
บ่าย
นำท่านเดินทางเมืองบาดาโฮซ (Badajoz) ตั้งอยู่ชายแดนทางตะวันตกของสเปน เป็นเมืองที่มีความโดดเด่นในระดับหนึ่งเนื่องจากอยู่ติดกับซากเนินปราสาทมัวร์และยังสามารถมองเห็นแม่น้ำกวาเดียนาที่ไหลผ่านระหว่างตัวเนินปราสาทกับป้อมซานกริสโตบัลที่มีการเสริมกำลังอย่างแข็งแกร่งอีกด้วย สถาปัตยกรรมในตัวเมืองเป็นตัวบ่งชี้ประวัติศาสตร์ที่วุ่นวายของเมืองเอง แม้แต่อาสนวิหารบาดาโคซที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1238 ก็ยังมีลักษณะเป็นป้อมปราการ
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร อาหารพื้นเมือง
ที่พัก
เดินทางเข้าสู่ที่พัก IIUNION GOLF BADAJOZ หรือเทียบเท่า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่เมืองเซบีย่า (Seville) เป็นเมืองใหญ่อันดับ 4 ของสเปน ชมปลาซาเดเอสปาญา (Plaza De Espana) ที่สร้างขึ้นเมือปี ค.ศ. 1982 เป็นกลุ่มอาคารรูปครึ่งวงกลมซึ่งรวมความเป็นสถาปัตยกรรมแบบสเปนที่เรียงต่อกันเป็นแนวยาวสวยงามยิ่งนัก แต่ละซุ้มโค้งประตูมีตราประจำจังหวัดไล่เรียงตามตัวอักษร อิสระให้ท่านเก็บภาพความงามรอบบริเวณ นำท่านถ่ายรูปกับหอคอยฆีรัลดา (Giralda Tower) หอศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้เป็นหอคอยที่สร้างขึ้นโดยชาวมุสลิม เป็นตึกทรงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าสูง 93 เมตร ติดกันกับมหาวิหารเป็นลานส้มและน้ำพุ เพื่อใช้ในพิธีชำระร่างกายของชาวมุสลิม จากนั้นนำท่านชมภายนอกและถ่ายรูปมหาวิหารแห่งเมืองเซบีย่า (Seville Cathedral) เริ่มสร้างใน ค.ศ.1042 และสร้างเสร็จ ค.ศ.1519 ซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสาม รองจากมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ที่กรุงโรม และเซนต์ปอลที่ลอนดอน และใหญ่ที่สุดในสเปน สร้างด้วยศิลปะแบบโกธิค ภายในตกแต่งได้อย่างวิจิตรตระการตา สร้างขึ้นแทนที่ตั้งของสุเหร่าเดิม โดยต้องการให้ยิ่งใหญ่แบบไม่มีใครเทียบเทียมได้ ในห้องเก็บทรัพย์สมบัติล้ำค่า มีทั้งภาพเขียน เครื่องใช้ในศาสนพิธี ที่ทำมาจากทองคำและเงินล้วนแล้วแต่ประเมินค่ามิได้ ตอนกลางโบสถ์เป็นที่ตั้งของสุสานคริสโตเฟอร์โคลัมบัส ซึ่งสร้างอย่างยิ่งใหญ่สมเกียรติยศ เป็นหีบศพหินอ่อนที่ตั้งอยู่บนบ่าของรูปสลักชายหนุ่ม 4 คน ซึ่งเป็นผู้แทนของราชอาณาจักรของกษัตริย์คาธอลิคทั้ง 2 พระองค์อันได้แก่คัสตีล เลออน อาราก็อนและนาวาร์เร
อิสระอาหารกลางวันตามอัธยาศัย
บ่าย
นำท่านเดินทางเมืองบาดาโฮซ (Badajoz) ตั้งอยู่ชายแดนทางตะวันตกของสเปน เป็นเมืองที่มีความโดดเด่นในระดับหนึ่งเนื่องจากอยู่ติดกับซากเนินปราสาทมัวร์และยังสามารถมองเห็นแม่น้ำกวาเดียนาที่ไหลผ่านระหว่างตัวเนินปราสาทกับป้อมซานกริสโตบัลที่มีการเสริมกำลังอย่างแข็งแกร่งอีกด้วย สถาปัตยกรรมในตัวเมืองเป็นตัวบ่งชี้ประวัติศาสตร์ที่วุ่นวายของเมืองเอง แม้แต่อาสนวิหารบาดาโคซที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1238 ก็ยังมีลักษณะเป็นป้อมปราการ
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร อาหารพื้นเมือง
ที่พัก
เดินทางเข้าสู่ที่พัก IIUNION GOLF BADAJOZ หรือเทียบเท่า
วันที่ 7 บาดาโฮซ – แหลมโรกา - ลิสบอน – หอคอยเบเล็ง - มหาวิหารเจอโร นิโม – สนามบิน
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านเดินทางชมแหลมโรกา (Capo Da Roca) จุดที่เป็นปลายด้านตะวันตกสุดของทวีปยุโรป ซึ่งท่านสามารถซื้อใบประกาศนียบัตร (Certificate) เป็นที่ระลึกในการมาเยือน ณ ที่แห่งนี้ จากนั้นเดินทางสู่เมืองลิสบอน แวะถ่ายรูปกับอนุสาวรีย์ดิสคัฟเวอรี่ สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1960 เพื่อฉลองการครบ 500 ปี แห่งการสิ้นพระชนม์ของเจ้าชายเฮนรี่ เดอะเนวิเกเตอร์ และถ่ายรูปกับหอคอยเบเล็ง (Belem Tower) เดิมสร้างไว้กลางน้ำเพื่อเป็นป้อมรักษาการณ์ดูแลการเดินเรือเข้าออก เป็นจุดเริ่มต้นของการเดินเรือออกไปสำรวจ และค้นพบโลกของ วาสโก ดากามา นักเดินเรือชาวโปรตุเกส เป็นอีกหนึ่งสถาปัตยกรรมแบบมานูเอลไลน์ที่สวยงาม
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร อาหารจีน
นำท่านผ่านชมมหาวิหารเจอโร นิโม (Jeronimos Monastry) ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ วาสโกดากามา ที่เดินทางสู่อินเดียเป็นผลสำเร็จ ในปี ค.ศ.1498 จัดเป็นผลงานอันเยี่ยมยอดของงานสถาปัตยกรรมที่เรียกกันว่ามานูเอลไลน์ (Manueline) ใช้เวลาก่อสร้างทั้งสิ้นถึง 70 ปี จึงแล้วเสร็จสมบูรณ์ และได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโกว่าให้เป็นมรดกโลก (UNESCO World Heritage)
16.00 น.
นำท่านเดินทางสู่สนามบินลิสบอน มีเวลาให้ท่านทำเรื่องคืนภาษี
20.45 น.
ออกเดินทางกลับสู่กรุงเทพด้วย โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบิน EK 194
** คณะเดินทางตั้งแต่วันที่ 04 เมษายน 63 ออกเดินทางเวลา 21.15 น. และถึงดูไบ เวลา 08.05 น. **
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านเดินทางชมแหลมโรกา (Capo Da Roca) จุดที่เป็นปลายด้านตะวันตกสุดของทวีปยุโรป ซึ่งท่านสามารถซื้อใบประกาศนียบัตร (Certificate) เป็นที่ระลึกในการมาเยือน ณ ที่แห่งนี้ จากนั้นเดินทางสู่เมืองลิสบอน แวะถ่ายรูปกับอนุสาวรีย์ดิสคัฟเวอรี่ สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1960 เพื่อฉลองการครบ 500 ปี แห่งการสิ้นพระชนม์ของเจ้าชายเฮนรี่ เดอะเนวิเกเตอร์ และถ่ายรูปกับหอคอยเบเล็ง (Belem Tower) เดิมสร้างไว้กลางน้ำเพื่อเป็นป้อมรักษาการณ์ดูแลการเดินเรือเข้าออก เป็นจุดเริ่มต้นของการเดินเรือออกไปสำรวจ และค้นพบโลกของ วาสโก ดากามา นักเดินเรือชาวโปรตุเกส เป็นอีกหนึ่งสถาปัตยกรรมแบบมานูเอลไลน์ที่สวยงาม
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร อาหารจีน
นำท่านผ่านชมมหาวิหารเจอโร นิโม (Jeronimos Monastry) ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ วาสโกดากามา ที่เดินทางสู่อินเดียเป็นผลสำเร็จ ในปี ค.ศ.1498 จัดเป็นผลงานอันเยี่ยมยอดของงานสถาปัตยกรรมที่เรียกกันว่ามานูเอลไลน์ (Manueline) ใช้เวลาก่อสร้างทั้งสิ้นถึง 70 ปี จึงแล้วเสร็จสมบูรณ์ และได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโกว่าให้เป็นมรดกโลก (UNESCO World Heritage)
16.00 น.
นำท่านเดินทางสู่สนามบินลิสบอน มีเวลาให้ท่านทำเรื่องคืนภาษี
20.45 น.
ออกเดินทางกลับสู่กรุงเทพด้วย โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบิน EK 194
** คณะเดินทางตั้งแต่วันที่ 04 เมษายน 63 ออกเดินทางเวลา 21.15 น. และถึงดูไบ เวลา 08.05 น. **
วันที่ 8 ดูไบ – กรุงเทพฯ
08.15 น.
เดินทางถึงสนามบินดูไบรอเปลี่ยนเครื่อง
09.30 น.
ออกเดินทางสู่กรุงเทพฯ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบิน EK 372
** คณะเดินทางตั้งแต่วันที่ 04 เมษายน 63 ออกเดินทางเวลา 09.40 น. และถึงกรุงเทพฯ เวลา 18.55 น. **
** คณะเดินทางตั้งแต่วันที่ 22 มิถุนายน 63 ออกเดินทางเวลา 09.40 น. และถึงกรุงเทพฯ เวลา 19.15 น. **
18.40 น.
คณะเดินทางกลับถึง สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ
เดินทางถึงสนามบินดูไบรอเปลี่ยนเครื่อง
09.30 น.
ออกเดินทางสู่กรุงเทพฯ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบิน EK 372
** คณะเดินทางตั้งแต่วันที่ 04 เมษายน 63 ออกเดินทางเวลา 09.40 น. และถึงกรุงเทพฯ เวลา 18.55 น. **
** คณะเดินทางตั้งแต่วันที่ 22 มิถุนายน 63 ออกเดินทางเวลา 09.40 น. และถึงกรุงเทพฯ เวลา 19.15 น. **
18.40 น.
คณะเดินทางกลับถึง สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ