BEAUTIFUL VARIETY OF EUROPE STYLES อิตาลี – สวิส – เยอรมนี – ออสเตรีย – สโลวัก – เชก 10 วัน 7 คืนโดย

สถานที่ทัวร์:
ยุโรป Europe อิตาลี สวิตเซอร์แลนด์ เยอรมนี ออสเตรีย สโลวัก เชก Italy-Switzerland-Germany-Austria-Slovak-Czech
ระยะเวลา:
10 วัน
ราคาเริ่มต้น:
฿0
สายการบิน
Emirates

BEAUTIFUL VARIETY OF EUROPE STYLES อิตาลี – สวิส – เยอรมนี – ออสเตรีย – สโลวัก – เชก 10 วัน 7 คืนโดย10 วัน 7 คืน

฿0

BKK-DXB

ออกจากBKK
03.30
ถึงDXB
07.15

DXB-VCE

ออกจากDXB
09.35
ถึงVCE
13.15

โปรแกรม 10 วัน 7 คืน : เดินทางโดยสายการบินEmirates

23.30 น.
คณะพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ ประตู 9 เคาน์เตอร์ T สายการบินเอมิเรตส์ โดยมีเจ้าหน้าที่ คอยต้อนรับและอำนวยความสะดวก

03.30 น.
ออกเดินทางสู่ดูไบ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 377
* คณะเดินทางวันที่ 10 เม.ย.63 เป็นต้นไป ออกเดินทาง เวลา 03.30 น. และถึงดูไบ เวลา 06.55 น. *
07.15 น.
เดินทางถึงสนามบินดูไบ รอเปลี่ยนเครื่อง
09.35 น.
ออกเดินทางต่อสู่เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี โดยเที่ยวบิน EK 135
* คณะเดินทางวันที่ 10 เม.ย.63 เป็นต้นไป ออกเดินทาง เวลา 09.05 น. และถึงเวนิส เวลา 13.25 น. *
13.15 น.
ถึงสนามบินมาร์โค โปโล เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 6 ชั่วโมง) นำท่านเดินทาง สู่ท่าเรือตรอนเคตโต้ (Tronchetto) นำท่านล่องเรือผ่านชมบ้านเรือนของชาวเวนิส สู่เกาะเวนิส หรือ เวเนเซีย (Venezia) ดินแดนแสนโรแมนติก เป็นเมืองที่ไม่เหมือนใคร โดยใช้เรือแทนรถ ใช้คลองแทนถนน มีสมญานามว่าเป็น "ราชินีแห่งทะเลเอเดรียติก" มีเกาะน้อยใหญ่กว่า 118 เกาะ และมีสะพานเชื่อมถึงกันกว่า 400 แห่ง ขึ้นฝั่งที่บริเวณซานมาร์โค ศูนย์กลางของเกาะเวนิส จากนั้นนำท่านเดินชมความงามของเกาะเวนิส ชมสะพานถอนหายใจ (Bridge of Sighs) ที่มีเรื่องราวน่าสนใจในอดีต เมื่อนักโทษที่เดินออกจากห้องพิพากษาไปสู่คุกจะได้มีโอกาสเห็นแสงสว่างและโลกภายนอกเป็นครั้งสุดท้ายระหว่างเดินผ่านช่องหน้าต่างที่สะพานนี้ ซึ่งเชื่อมต่อกับวังดอดจ์ (Doge’s Palace) อันเป็นสถานที่พำนักของเจ้าผู้ครองนครเวนิสในอดีต ซึ่งนักโทษชื่อดังที่เคยเดินผ่านสะพานนี้มาเเล้วคือ คาสโนว่านั่นเอง นำท่านถ่ายรูปบริเวณจัตุรัสซานมาร์โค (St.Mark’s Square) ที่นโปเลียนเคยกล่าวไว้ว่า “เป็นห้องนั่งเล่นที่สวยที่สุดในยุโรป” จัตุรัสถูกล้อมรอบด้วยอาเขตอันงดงาม รวมทั้งโบสถ์ซานมาร์โค (St.Mark’s Bacilica) ที่มีโดมใหญ่ 5 โดม ตามแบบศิลปะไบแซนไทน์ จากนั้นอิสระให้ท่านได้มีเวลาเดินเที่ยวชมเกาะอันสุดแสนโรแมนติกตามอัธยาศัย เช่น เดินเล่นชมมนต์เสน่ห์แห่งนครเวนิส, เข้าชมโบสถ์ซาน มาร์โคที่สวยงาม , ช๊อปปิ้งสินค้าของที่ระลึก อาทิเช่น เครื่องแก้วมูราโน่,หน้ากากเวนิส เลือกซื้อสินค้าแฟชั่นชั้นนำ หรือนั่งจิบกาแฟในร้าน Café Florian ที่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1720 หรือ นั่งเรือกอนโดล่า ล่องชมคลองเวนิส
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร อาหารพื้นเมือง (สปาเก็ตตี้หมึกดำ)
ที่พัก
เข้าสู่ที่พัก โรงแรม RUSSOTT หรือเทียบเท่า

เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม


นำท่านเดินทางสู่ตัวเมืองมิลาน (Milan) เมืองที่เรียกได้ว่า เป็นเมืองหลวงแห่งแฟชั่นของโลก จากนั้นนำท่านถ่ายรูปด้านนอกกับ มหาวิหารแห่งเมืองมิลาน (Duomo di Milano) ที่สร้างด้วยศิลปะแบบนีโอโกธิค ที่ผสมผสานกัน เป็น สถาปัตยกรรมแบบตะวันตกสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาการ ชมความงดงามอันน่าอัศจรรย์
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน
บ่าย
นำท่านชม แกลเลอรี วิคเตอร์เอ็มมานูเอล (Galleria Vittorio Emanuele II) ที่นับว่าเป็นช้อปปิ้งมอลล์ที่สวยงาม หรูหราและเก่าแก่ที่สุดในเมืองมิลาน อนุสาวรีย์ ของกษัตริย์วิคเตอร์ เอ็มมานูเอล ที่ 2 ผู้ริเริ่มการรวมชาติหัวเมืองต่างๆในอิตาลี และอนุสาวรีย์ของศิลปินชื่อดังในยุคเรเนซองส์อีก 1 ท่าน คือลิโอนาร์โด ดาร์วินซี่ ที่อยู่ในบริเวณ ด้านหน้าของโรงละครสกาล่า สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางข้ามพรหมแดนอิตาลี – สวิตเซอร์แลนด์ นำท่านเดินทางต่อสู่เมืองลูเซิร์น (Lucerne) เมืองท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับหนึ่งของสวิตเซอร์แลนด์ ที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยทะเลสาบและขุนเขานำท่านชมสิงโตหินแกะสลัก (Dying Lion of Lucerne) ที่แกะสลักบนผาหินธรรมชาติ เพื่อเป็นอนุสรณ์รำลึกถึงการสละชีพอย่างกล้าหาญของทหารสวิสที่เกิดจากการปฏิวัติในฝรั่งเศสเมื่อปี ค.ศ.1792 ชมสะพานไม้ชาเปล (Chapel Bridge) ซึ่งมีความยาวถึง 204 เมตร ทอดข้ามผ่านแม่น้ำรอยส์ (Reuss River) อันงดงามซึ่งเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของเมืองลูเซิร์น เป็นสะพานไม้ที่มีหลังคาที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1333 โดยใต้หลังคาคลุมสะพานมีภาพวาดประวัติศาสตร์ของชาวสวิส ตลอดแนวสะพาน
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร อาหารพื้นเมือง (ฟองดูร์ชีส)
ที่พัก
เข้าสู่ที่พัก IBIS LUCERN หรือเทียบเท่า

เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม


ออกเดินทางสู่ เมืองกรินเดอวาลด์ (Grindelwald) เมืองตากอากาศที่สวยงามและยังเป็นที่ตั้งสถานีรถไฟขึ้นสู่ ยอดเขาจุงเฟรา(Jungfrau) เเละ เมื่อปี ค.ศ.2001 องค์การยูเนสโกประกาศให้ยอดเขาจุงเฟรา เป็นพื้นที่มรดกโลกทางธรรมชาติแห่งแรกของยุโรป นำคณะนั่งรถไฟท่องเที่ยวธรรมชาติ ขึ้นพิชิตยอดเขาจุงเฟราที่มีความสูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 11,333 ฟุตหรือ 3,454 เมตร ระหว่างเส้นทางขึ้นสู่ยอดเขาท่านจะได้ผ่านชมธารน้ำแข็งที่มีขนาดใหญ่จนถึง สถานีรถไฟจุงเฟรายอร์ค (Jungfraujoch) สถานีรถไฟที่อยู่สูงที่สุดในยุโรป (Top of Europe) เข้าชมถ้ำน้ำแข็ง (Ice Palace) ที่แกะสลักให้สวยงาม อยู่ใต้ธารน้ำแข็งลึกถึง 30 เมตร
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
บ่าย
พาท่านชมวิวที่ลานสฟิงซ์ (Sphinx Terrace) จุดชมวิวที่สูงที่สุดในยุโรป ที่ระดับความสูงถึง 3,571 เมตร สามารถมองเห็นได้กว้างไกลที่ถึงชายแดนสวิส สัมผัสกับภาพของธารน้ำแข็ง Aletsch Glacier ที่ยาวที่สุดในเทือกเขาแอลป์ ยาวถึง 22 ก.ม.และหนาถึง 700 เมตร โดยไม่เคยละลาย อิสระให้ท่านได้สนุกสนานกับการถ่ายรูป เล่นหิมะบนยอดเขาและเพลิดเพลินกับกิจกรรมบนยอดเขา และที่ไม่ควรพลาดกับการส่งโปสการ์ดโดยที่ทำการไปรษณีย์ที่สูงที่สุดในยุโรป นำคณะเดินทางลงจากยอดเขาโดยไม่ซ้ำเส้นทางเดิม ให้ท่านได้ชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามและแตกต่างกันจนถึง สถานีรถไฟเมืองลาวท์เทอบรุนเนิน(Lauterbrunnen) จากนั้นนำท่านเดินทางต่อสู่เมืองอินเทอร์ลาเคน (Interlaken) เมืองระหว่างทะเลสาบ เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ระหว่าง ทะเลสาบทูน (Lake Thun) และทะเลสาบเบรียนซ์ (Lake Brienz) อิสระให้ท่านได้สัมผัสบรรยากาศและธรรมชาติแบบสวิตเซอร์แลนด์ในเมืองเล็กๆ


อิสระอาหารค่ำตามอัธยาศัย
ที่พัก
เข้าสู่ที่พัก โรงแรม CITY OBERLAND หรือเทียบเท่า

เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม


นำท่าน เดินทางสู่เมืองวาดุซ (Vaduz) เมืองหลวงของประเทศลิกเตนสไตน์ (Liechtenstein) เป็นประเทศเล็กๆ มีพื้นที่เพียง 160 ตารางกิโลเมตรเท่านั้น ประชากรทั้งประเทศเพียงแค่เกือบ 4 หมื่นคน ตั้งอยู่ในทวีปยุโรปกลางเต็มไปด้วยภูเขาสูง มีพรมแดนด้านตะวันออกติดกับออสเตรียและด้านตะวันตกติดกับสวิตเซอร์แลนด์ และเป็นที่นิยมของนักเล่นกีฬาฤดูหนาว นำท่านชมเมืองวาดุซ (Vaduz) เป็นเมืองหลวงของประเทศและเป็นที่ตั้งของรัฐสภาแห่งชาติ เมืองตั้งอยู่ริมแม่น้ำไรน์ ที่มีประชากรราว 5,100 คน นำท่านสู่จุดชมวิวเมืองละถ่ายรูปคู่กับปราสาทวาดุซ (Vaduz Castle) ปราสาทที่ตั้งอยู่บนยอดเขาสูงชันในย่านใจกลางเมือง โดยปราสาทแห่งนี้ยังเป็นที่พักของพระบรมวงศานุวงศ์แห่งลิกเตนสไตน์ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ตัวปราสาทนั้นสร้างตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 12 ก่อนที่จะมีการบูรณะและต่อเติมในปีค.ศ. 1904 และต้นศตวรรษที่ 1930 ปัจจุบันตัวปราสาทนั้นไม่เปิดให้สาธารณะทั่วไปเข้าชม จากนั้นนำท่านเข้าสู่ร้าน Huber ร้านนาฬิกาและเครื่องประดับชื่อดัง แหล่งรวมนาฬิกาชั้นนำมากมายและเรียกได้ว่ามียี่ห้อชั้นนำครบมากที่สุดแห่งหนึ่งเลยทีเดียว อาทิ เช่น Patak Philippe, Rolex, Panerai , Omega, Brequets, IWC, Cartier, Piaget, Chopard ,Tag Heuer, Hublot, Vacheron Constantin, Audemars Piguet, Breitling, Longines, Jaeger-LeCoultre, Blancpain, Chanel, Hermes, Bvlgari, Rado, Tissot, Swatch ฯลฯ และพลาดไม่ได้กับการประทับตราในเล่มหนังสือเดินทาง (Passport Stamp) เหมือนเวลาท่านเดินทางผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง ที่นี่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ ให้บริการประทับตราเป็นที่ระลึกว่าท่านได้เดินทางมาถึงประเทศลิกเตนสไตน์แห่งนี้แล้ว
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารไทย
บ่าย
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองมิวนิค (Munich) อยู่ทางใต้ของประเทศเยอรมนี และเป็นเมืองหลวงของรัฐบาวาเรีย ยังเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศ (รองจากเบอร์ลินและฮัมบูร์ก) และเป็นหนึ่งในเมืองที่มั่งคั่งที่สุดของยุโรป นำชมจัตุรัสมาเรียนพลาสท์ (Marienplatz) ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์และธุรกิจของนครมิวนิค บริเวณนี้เป็นที่ตั้งของศาลาว่าการเมืองที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบโกธิคที่งดงามซึ่งสร้างขึ้นในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 ใช้เวลาสร้างถึง 42 ปี มีหอระฆังสูง 85 เมตร ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวรอคอยเฝ้าชมตุ๊กตาไขลานที่จะออกมาเต้นรำ เมื่อนาฬิกาตีบอกเวลา 11.00 น. และ 17.00 น. และเชิญท่านเลือกซื้อสินค้าของที่ระลึก เช่น เครื่องเหล็กตราตุ๊กตาคู่ เป็นต้น
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร อาหารพื้นเมือง (ขาหมูเยอรมัน)
ที่พัก
เข้าสู่ที่พัก โรงแรม MERCURE MUNCHEN SUD MESSE หรือเทียบเท่า

เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม


ออกเดินทางสู่ฮัลสตัท (Hallstatt) หมู่บ้านมรดกโลกแสนสวย อายุกว่า 4,500 ปี เมืองที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบ โอบล้อมด้วยขุนเขาและป่าสีเขียวขจีสวย งามราวกับภาพวาด กล่าวกันว่าเป็นเมืองที่โรแมนติกที่สุดใน Salzkammergut เขตที่อยู่บนอัพเพอร์ออสเตรีย และมีทะเลสาบสวยถึง 76 แห่ง ออสเตรียให้ฉายาเมืองนี้ว่าเป็นไข่มุกแห่งออสเตรีย และเป็นพื้นที่มรดกโลกของ UNESCO Cultural-Historical Heritage เพียงเดินเที่ยวชมเมืองเสมือนหนึ่งท่านอยู่ในภวังค์แห่งความฝัน
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร อาหารพื้นเมือง
บ่าย
นำเดินทางสู่กรุงเวียนนา (Vienna) เมืองหลวงของประเทศออสเตรีย ผ่านชมเส้นทางธรรมชาติของทิวเขาสูง และพื้นที่อันเขียวชอุ่มของป่าไม้แห่งออสเตรีย นำท่านผ่านชม ถนนสายวงแหวน (Ringstrasse) ที่แวดล้อมไปด้วยอาคารอันงดงามสถาปัตยกรรมเก่าแก่ ผ่านชมโรงละครโอเปร่า ที่สร้างขึ้นในระหว่างปีค.ศ.1863-1869 แต่ตัวอาคารได้ถูกทำลายไปในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 และเปิดใหม่อีกครั้งในปีค.ศ.1955 ผ่านชมพระราชวังฮอฟเบิร์ก (Hofburg Palace) ซึ่งเป็นกลุ่มอาคารที่เคยเป็นที่ประทับของราชสำนักฮัปสบูร์ก มาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 13 จนถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร อาหารจีน
ที่พัก
เข้าสู่ที่พัก โรงแรม BEST WESTERN SMART หรือเทียบเท่า

เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม


นำเข้าชมความงดงามของ พระราชวังเชินบรุนน์ (Schoenbrunn Palace) แห่งราชวงศ์ฮับสบวร์ก ซึ่งมีประวัติการสร้างมาตั้งแต่กลางคริสต์ศตวรรษที่ 16 และต่อมาพระนางมาเรีย เทเรซ่า ให้สร้างขึ้นใหม่อย่างสง่างามด้วยจำนวนห้องถึง 1,441 ห้องในระหว่างปีค.ศ.1744 - 1749 เพื่อใช้เป็นพระราชวังฤดูร้อน ชมความโอ่อ่าของท้องพระโรง และพลับพลาที่ประทับ ซึ่งได้รับการตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจงสวยงามไม่แพ้พระราชวังแวร์ซายของฝรั่งเศส
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร อาหารจีน
บ่าย
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ McArthurGlen Designer Outlet in Parndorf ให้เวลาท่านได้อิสระช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมมากมาย อาทิ เช่น GUCCI, BALLY, HUGO BOSS, BENETTON, BURBERRY, CALVIN KLEIN, CROCS, GEOX, GUESS, LACOSTE, NIKE, OAKLEY, DIESEL และอื่นๆอีกมากมาย ** เนื่องจาก OUTLET จะปิดทำการในวันอาทิตย์ ถ้าหากคณะใดตรงกับวันอาทิตย์ในวันนั้น ทางบริษัทขอสลับโปรแกรมไปในวันถัดไปแทน ** จากนั้นนำเดินทางโดยรถโค้ชสู่ กรุงบราติสลาวา (Bratislava) เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศสโลวัก ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำดานูบที่บริเวณพรมแดนของ สโลวัก ออสเตรีย และฮังการี และใกล้กับพรมแดนสาธารณรัฐเช็ก


อิสระอาหารค่ำตามอัธยาศัย
ที่พัก
เข้าสู่ที่พัก โรงแรม BRATISLAVA หรือเทียบเท่า

เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม


นำท่านเดินทางสู่เมืองมรดกโลกเชสกี้ ครุมลอฟ (Cesky Krumlov) นำชมเมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นเพชรน้ำงามแห่งโบฮีเมีย เมืองที่ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นเมืองมรดกโลกใน ค.ศ.1992 (World Heritage) เมืองนี้ตั้งอยู่ริมสองฝั่งของแม่น้ำวัลตาวา ความโดดเด่นของเมืองที่มีอาคารเก่าแก่ตั้งแต่ยุคกลางกว่า 300 ปี หลังได้รับการอนุรักษ์และขึ้นทะเบียนไว้ให้เป็นสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก นำชมปราสาทครุมลอฟ (Krumlov) จากบริเวณรอบนอก ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1250 ถือเป็นปราสาทที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศรองลงมาจากปราสาทปร๊าก มีอายุเก่าแก่กว่า 700 ปี ซึ่งตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำวอลตาวา (Valtawa River) ตรงบริเวณคุ้งน้ำ ฝั่งตรงข้ามเป็นย่านเมืองเก่าคลาสสิค Senete Square และโบสถ์เก่ากลางเมือง
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร อาหารพื้นเมือง
บ่าย
นำคณะเดินทางสู่กรุงปราก (Prague) เมืองหลวงของประเทศสาธารณรัฐเช็ก อดีตเมืองหลวงของสาธารณรัฐเชโกสโลวาเกีย ซึงได้สมญานามมากมาย เช่น นครแห่งปราสาท และโรมแห่งอุดรทิศ จากนั้นนำท่านเดินเที่ยวชมประตูเมืองเก่า “Powder Gate” ขอบเขตเมืองในสมัยโบราณ, ศาลาว่าการเมืองหลังเก่า (Old Town Hall) ที่สร้างมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1338 มีจุดเด่นคือ นาฬิกาดาราศาสตร์ (Astronomical Clock) ที่สวยงามและยังตีบอกเวลาทุกๆชั่วโมง ให้เวลาท่านเดินอิสระเดินเล่นย่านเมืองเก่า ให้ท่านได้เลือกซื้อสินค้าพื้นเมือง เช่น เครื่องแก้วโบฮีเมียน หรือเลือกซื้อสินค้าแบรนด์เนม อาทิเช่น Louis Vitton, Furla, Gucci, Lacoste เป็นต้น


อิสระอาหารค่ำตามอัธยาศัย
ที่พัก
เข้าสู่ที่พัก โรงแรม DUO หรือเทียบเท่า

เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม


นำเข้า ชมปราสาทแห่งปราก (Prague Castle) ที่สร้างขึ้นอยู่บนเนินเขาตั้งแต่สมัยคริสต์ศตวรรษที่ 9 ในสมัยเจ้าชาย Borivoj แห่งราชวงศ์ Premyslids ซึ่งปัจจุบันเป็นทำเนียบประธานาธิบดีมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1918 ชมมหาวิหารเซนต์ วิตุส (St.Vitus Cathedral) อันงามสง่าด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิคในสมัยศตวรรษที่ 14 นับว่าเป็นมหาวิหารสไตล์โกธิคที่ใหญ่ที่สุดในกรุงปราก ซึ่งพระเจ้าชาร์ลที่ 4 โปรดให้สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1344 ภายในเป็นที่เก็บพระศพของกษัตริย์สำคัญในอดีต เช่น พระเจ้าชาร์ลที่ 4, พระเจ้าเฟอร์ดินานด์ที่ 1 และ พระเจ้าแมกซิมิเลี่ยนที่ 2 เป็นต้น (กรณีมีพิธีภายในมหาวิหาร อาจไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าชม) แล้วชมพระราชวังหลวง (Royal Palace) ที่เป็นหนึ่งในส่วนที่เก่าแก่ที่สุดของปราสาท ใช้เป็นที่ประทับของเจ้าชายโบฮีเมียนทั้งหลาย แล้วเดินชมย่านช่างทองโบราณ (Golden Lane) ซึ่งปัจจุบันมีร้านขายของที่ระลึก วางจำหน่ายอยู่มากมาย จากนั้นนำท่านเดินเล่นบนสะพานชาร์ล (Charles Bridge) สะพานเก่าแก่ข้ามแม่น้ำวัลตาวา สไตล์โกธิคที่สร้างขึ้นตั้งแต่กลางคริสต์ศตวรรษที่ 14 สมัยพระเจ้าชาร์ลที่ 4 ชมรูปปั้นโลหะของเหล่านักบุญที่ตั้งอยู่สองข้างราวสะพานกว่า 30 องค์


ได้เวลาอันสมควร นำคณะเดินทางสู่ สนามบิน เพื่อให้ท่านมีเวลาในการทำ คืนภาษี (Tax Refund) และ มีเวลาในการเลือกซื้อสินค้าในร้านค้าปลอดภาษีภายในสนามบิน
15.30 น.
นำเดินทางสู่สนามบินดูไบ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 140
* คณะเดินทางวันที่ 10 เม.ย.63 เป็นต้นไป ออกเดินทาง เวลา 15.55 น. และถึงดูไบ เวลา 23.50 น. *
00.25 น.
เดินทางถึงสนามบินดูไบ เพื่อรอเปลี่ยนเครื่อง

03.30 น.
ออกเดินทางสู่กรุงเทพฯ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบิน EK 376
* คณะเดินทางวันที่ 10-19 เม.ย.63 และ 05-14 พ.ค.63 ออกเดินทาง เวลา 03.40 น. และถึงกรุงเทพฯ เวลา 12.50 น. *
* คณะเดินทางวันที่ 09-18 มิ.ย.63 ออกเดินทาง เวลา 03.40 น. และถึงกรุงเทพฯ เวลา 13.15 น. *
12.35 น.
คณะเดินทางกลับถึง สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ

ช่วงเวลาการเดินทาง

เริ่มเดินทาง กลับจากเดินทาง สถานะ ผู้ใหญ่พักคู่ ผู้ใหญ่พักเดี่ยว ผู้ใหญ่พักสาม เด็กมีเตียง เด็กไม่มีเตียง
วันที่เดินทาง ราคา