โปรแกรม 7 วัน 4 คืน : เดินทางโดยสายการบินEmirates
วันที่ 1 กรุงเทพฯ
22.00 น.
คณะพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศประตู 9 เคาน์เตอร์ T สายการบินเอมิเรตส์ โดยมีเจ้าหน้าที่ คอยต้อนรับและอำนวยความสะดวก
คณะพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศประตู 9 เคาน์เตอร์ T สายการบินเอมิเรตส์ โดยมีเจ้าหน้าที่ คอยต้อนรับและอำนวยความสะดวก
วันที่ 2 ดูไบ – อัมมาน - มาดาบา – ภูเขาเนโบ - เพตรา
01.05 น.
ออกเดินทางสู่นครดูไบด้วยเที่ยวบิน EK385
05.00 น.
เดินทางถึงกรุงดูไบ รอเปลี่ยนเครื่อง
08.00 น.
ออกเดินทางสู่กรุงอัมมาน ด้วยเที่ยวบิน EK901
** คณะเดินทางตั้งแต่วันที่ 03 เม.ย. 63 ออกเดินทางเวลา 07.30 และเดินทางถึงเวลา 09.35 น.**
09.40 น.
ถึงสนามบินนานาชาติ Queen Alia กรุงอัมมาน (Amman)ประเทศจอร์แดน (Jordan) ผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง) นำท่านเดินทางสู่เมืองมาดาบา (Madaba) หรือเมืองแห่งโมเสก ชมโบสถ์กรีก-ออโธดอกซ์แห่งเซนต์จอร์จ (Greek Orthodox Church of St. George) ถูกสร้างในราวปี ค.ศ. 600 ยุคของไบแซนไทน์ ชมภาพแผนที่ดินแดนศักดิสิทธิ์แห่งเยรูซาเลม ตกแต่งโดยโมเสกสีต่างๆ ประมาณ 2.3 ล้านชิ้นแสดงถึงพื้นที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ในแถบรอบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน, เยรูซาเล็ม, แม่น้ำจอร์แดน, ทะเลเดดซี, เขาไซนาย, อียิปต์ ฯลฯ
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย
นำท่านเดินทางขึ้นชมภูเขาเนโบ (Mount Nebo) ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งอยู่บนเขาซึ่งเชื่อกันว่าน่าจะเป็นบริเวณที่เสียชีวิตและฝังศพของโมเสส ผู้นำชาวยิวที่นำพาชาวยิวเดินทางจากอิยิปต์มายังเยรูซาเลม ชมโบสถ์อนุสรณ์โมเสส (The Moes Memorial Church) ภายในโบสถ์ประกอบไปด้วยภาพโมเสกสีบนพื้นโบสถ์อันล้าค่า แสดงถึงภาพชีวิตสัมพันธ์ระหว่างคน, สัตว์ และธรรมชาติ, รูปคน ฯลฯ และยังมีแท่นพิธี ม้านั่ง ตามรูปแบบของศาสนาคริสต์ไว้ประกอบพิธีต่าง ๆ และอนุญาตให้ใช้ในปัจจุบัน ในปี ค.ศ. 2000 โป๊ป จอห์น ปอลที่ 2 เสด็จมาแสวงบุญที่นี่และได้ประกาศให้เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นชมอนุสรณ์ไม้เท้าศักดิ์สิทธ์แห่งโมเสส (The Serpentine Cross sculpture) ซึ่งมีลักษณะเป็นไม้เท้าในรูปแบบไม้กางเขน โดยอุทิศเป็นสัญลักษณ์ของโมเสส และพระเยซู ถ่ายรูป ณ จุดชมวิว โดยในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส ท่านสามารถมองเห็น แม่น้าจอร์แดน, ทะเลเดดซี, เมืองเบธเลเฮม และประเทศอิสราเอล ได้จากจุดนี้อย่างชัดเจน จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองเพตรา (Petra) เมืองเพตรา มหานครศิลาทรายสีชมพู หรือ Rose City ได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกปี ค.ศ. 1985 และ ได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของแห่งโลกใหม่ (New 7 Wonders of the World) จากการตัดสินโดยการโหวตจากบุคคลนับล้านทั่วโลกในวันมหัศจรรย์ 07/ 07/ 07 มหานครสีดอกกุหลาบที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาวาดี มูซา (Wadi Musa Valley) หรือหุบเขาแห่งโมเสส ถูกสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 4 ก่อนคริสตกาล โดยชาวนาบาเทียน (Nabataeans) และได้กลายมาเป็นนครแห่งการค้าขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นตลาด ซื้อสินค้าสำคัญที่สุดของโลกตะวันออก ที่ต่อมาถูกละทิ้งเป็นเวลานานกว่า 700 ปี จนเมื่อมีนักสำรวจชาวสวิตเซอร์แลนด์ โยฮันน์ ลุควิก บวร์กฮาร์ท เดินทางผ่านมาพบ เห็นเข้าเมื่อปี พ.ศ. 2355 และนำไปเขียนในหนังสือชื่อ “TRAVEL IN SYRIA” จนทำให้เริ่มเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายจนถึงปัจจุบัน
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารโรงแรม
ที่พัก
เดินทางเข้าสู่ที่พัก GRAND VIEW PETRA หรือเทียบเท่า
ออกเดินทางสู่นครดูไบด้วยเที่ยวบิน EK385
05.00 น.
เดินทางถึงกรุงดูไบ รอเปลี่ยนเครื่อง
08.00 น.
ออกเดินทางสู่กรุงอัมมาน ด้วยเที่ยวบิน EK901
** คณะเดินทางตั้งแต่วันที่ 03 เม.ย. 63 ออกเดินทางเวลา 07.30 และเดินทางถึงเวลา 09.35 น.**
09.40 น.
ถึงสนามบินนานาชาติ Queen Alia กรุงอัมมาน (Amman)ประเทศจอร์แดน (Jordan) ผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง) นำท่านเดินทางสู่เมืองมาดาบา (Madaba) หรือเมืองแห่งโมเสก ชมโบสถ์กรีก-ออโธดอกซ์แห่งเซนต์จอร์จ (Greek Orthodox Church of St. George) ถูกสร้างในราวปี ค.ศ. 600 ยุคของไบแซนไทน์ ชมภาพแผนที่ดินแดนศักดิสิทธิ์แห่งเยรูซาเลม ตกแต่งโดยโมเสกสีต่างๆ ประมาณ 2.3 ล้านชิ้นแสดงถึงพื้นที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ในแถบรอบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน, เยรูซาเล็ม, แม่น้ำจอร์แดน, ทะเลเดดซี, เขาไซนาย, อียิปต์ ฯลฯ
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย
นำท่านเดินทางขึ้นชมภูเขาเนโบ (Mount Nebo) ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งอยู่บนเขาซึ่งเชื่อกันว่าน่าจะเป็นบริเวณที่เสียชีวิตและฝังศพของโมเสส ผู้นำชาวยิวที่นำพาชาวยิวเดินทางจากอิยิปต์มายังเยรูซาเลม ชมโบสถ์อนุสรณ์โมเสส (The Moes Memorial Church) ภายในโบสถ์ประกอบไปด้วยภาพโมเสกสีบนพื้นโบสถ์อันล้าค่า แสดงถึงภาพชีวิตสัมพันธ์ระหว่างคน, สัตว์ และธรรมชาติ, รูปคน ฯลฯ และยังมีแท่นพิธี ม้านั่ง ตามรูปแบบของศาสนาคริสต์ไว้ประกอบพิธีต่าง ๆ และอนุญาตให้ใช้ในปัจจุบัน ในปี ค.ศ. 2000 โป๊ป จอห์น ปอลที่ 2 เสด็จมาแสวงบุญที่นี่และได้ประกาศให้เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นชมอนุสรณ์ไม้เท้าศักดิ์สิทธ์แห่งโมเสส (The Serpentine Cross sculpture) ซึ่งมีลักษณะเป็นไม้เท้าในรูปแบบไม้กางเขน โดยอุทิศเป็นสัญลักษณ์ของโมเสส และพระเยซู ถ่ายรูป ณ จุดชมวิว โดยในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส ท่านสามารถมองเห็น แม่น้าจอร์แดน, ทะเลเดดซี, เมืองเบธเลเฮม และประเทศอิสราเอล ได้จากจุดนี้อย่างชัดเจน จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองเพตรา (Petra) เมืองเพตรา มหานครศิลาทรายสีชมพู หรือ Rose City ได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกปี ค.ศ. 1985 และ ได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของแห่งโลกใหม่ (New 7 Wonders of the World) จากการตัดสินโดยการโหวตจากบุคคลนับล้านทั่วโลกในวันมหัศจรรย์ 07/ 07/ 07 มหานครสีดอกกุหลาบที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาวาดี มูซา (Wadi Musa Valley) หรือหุบเขาแห่งโมเสส ถูกสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 4 ก่อนคริสตกาล โดยชาวนาบาเทียน (Nabataeans) และได้กลายมาเป็นนครแห่งการค้าขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นตลาด ซื้อสินค้าสำคัญที่สุดของโลกตะวันออก ที่ต่อมาถูกละทิ้งเป็นเวลานานกว่า 700 ปี จนเมื่อมีนักสำรวจชาวสวิตเซอร์แลนด์ โยฮันน์ ลุควิก บวร์กฮาร์ท เดินทางผ่านมาพบ เห็นเข้าเมื่อปี พ.ศ. 2355 และนำไปเขียนในหนังสือชื่อ “TRAVEL IN SYRIA” จนทำให้เริ่มเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายจนถึงปัจจุบัน
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารโรงแรม
ที่พัก
เดินทางเข้าสู่ที่พัก GRAND VIEW PETRA หรือเทียบเท่า
วันที่ 3 เพตรา - อคาบา
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
จากนั้นนำท่านชมเมืองเพตรา (Petra) ให้ท่านได้ขี่ม้าระยะทางประมาณ 800 เมตร บนถนนทรายเพื่อตรงเข้าสู่หน้าเมือง **ไม่รวมค่าทิปขี่ม้า โดยประมาณ 3-5 USD** (ไม่รวมค่าขี่ลา, ขี่อูฐ, รถม้าลาก สนใจกรุณาติดต่อที่หัวหน้าทัวร์) จากนั้นเดินเท้ากับเส้นทางมหัศจรรย์กว่า 1.5 กิโลเมตร ที่เกิดจากการแยกตัวของเปลือกโลกและการซัดเซาะของน้ำเมื่อหลายล้านปีก่อน เดินชมความสวยงามของผาหินสีชมพูสูงชันทั้ง 2 ข้างทาง จนพบกับความสวยงามของ มหาวิหารศักดิ์สิทธิ์ เอล คาซเนท์ (Al-Khazneh หรือ The Treasury) ซึ่งสันนิษฐานว่าสร้างในศตวรรษที่ 1-2 เป็นวิหารที่แกะสลักโดยเจาะเข้าไปในภูเขาสีชมพูทั้งลูก มีความสูง 40 เมตร และ มีความกว้าง 28 เมตร วิหารแห่งนี้ได้ถูกออกแบบโดยได้รับอิทธิพลศิลปะของหลายชาติเข้าด้วยกัน เช่น อิยิปต์, กรีก, นาบาเทียน ฯลฯ เดิมทีถูกเชื่อว่าเป็นที่เก็บขุมทรัพย์สมบัติของฟาโรห์อียิปต์ นักประวัติศาสตร์และนักโบราณคดีได้ลงความเห็นตรงกันว่า น่าจะสร้างขึ้นเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองให้กับผู้ปกครองเมือง, ใช้เป็นสถานที่ทำพิธีกรรมทางศาสนา
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย
นำท่านเดินทางไปยังเมืองอคาบา (Aqaba) เมืองท่าและเมืองท่องเที่ยวตากอากาศที่สำคัญของประเทศจอร์แดน เป็นเมืองแห่งเดียวของประเทศจอร์แดนที่ถูกประกาศให้เป็นเมืองปลอดภาษี
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารโรงแรม
ที่พัก
นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก CITY TOWER HOTEL หรือเทียบเท่า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
จากนั้นนำท่านชมเมืองเพตรา (Petra) ให้ท่านได้ขี่ม้าระยะทางประมาณ 800 เมตร บนถนนทรายเพื่อตรงเข้าสู่หน้าเมือง **ไม่รวมค่าทิปขี่ม้า โดยประมาณ 3-5 USD** (ไม่รวมค่าขี่ลา, ขี่อูฐ, รถม้าลาก สนใจกรุณาติดต่อที่หัวหน้าทัวร์) จากนั้นเดินเท้ากับเส้นทางมหัศจรรย์กว่า 1.5 กิโลเมตร ที่เกิดจากการแยกตัวของเปลือกโลกและการซัดเซาะของน้ำเมื่อหลายล้านปีก่อน เดินชมความสวยงามของผาหินสีชมพูสูงชันทั้ง 2 ข้างทาง จนพบกับความสวยงามของ มหาวิหารศักดิ์สิทธิ์ เอล คาซเนท์ (Al-Khazneh หรือ The Treasury) ซึ่งสันนิษฐานว่าสร้างในศตวรรษที่ 1-2 เป็นวิหารที่แกะสลักโดยเจาะเข้าไปในภูเขาสีชมพูทั้งลูก มีความสูง 40 เมตร และ มีความกว้าง 28 เมตร วิหารแห่งนี้ได้ถูกออกแบบโดยได้รับอิทธิพลศิลปะของหลายชาติเข้าด้วยกัน เช่น อิยิปต์, กรีก, นาบาเทียน ฯลฯ เดิมทีถูกเชื่อว่าเป็นที่เก็บขุมทรัพย์สมบัติของฟาโรห์อียิปต์ นักประวัติศาสตร์และนักโบราณคดีได้ลงความเห็นตรงกันว่า น่าจะสร้างขึ้นเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองให้กับผู้ปกครองเมือง, ใช้เป็นสถานที่ทำพิธีกรรมทางศาสนา
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย
นำท่านเดินทางไปยังเมืองอคาบา (Aqaba) เมืองท่าและเมืองท่องเที่ยวตากอากาศที่สำคัญของประเทศจอร์แดน เป็นเมืองแห่งเดียวของประเทศจอร์แดนที่ถูกประกาศให้เป็นเมืองปลอดภาษี
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารโรงแรม
ที่พัก
นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก CITY TOWER HOTEL หรือเทียบเท่า
วันที่ 4 อคาบา – ล่องเรือท้องกระจก - ทะเลทรายวาดิรัม
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านชมเมืองอคาบา แวะถ่ายรูปกับทะเลแดง (Red Sea) ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญทางประวัติศาสตร์ โดยทะเลแห่งนี้ครั้งหนึ่งได้มีการกล่าวขานในพระคัมภีร์ของศาสนาคริสต์ว่า โมเสสได้ทำอัศจรรย์แหวกทะเลแดงพาชาวอิสราเอลหนีให้รอดพ้นจากการเป็นทาสของอียิปต์เพื่อเดินทางไปสู่แผ่น ดินแห่งพันธะสัญญาที่พระเป็นเจ้าทรงมอบให้กับชาวอิสราเอล โดยการชูไม้เท้าของโมเสส ทะเลแดงนี้มีน่านน้ำครอบคลุมถึง 4 ประเทศ คือประเทศจอร์แดน อิสราเอล อียิปต์ และซาอุดิอาระเบีย จากนั้นนำท่านล่องเรือท้องกระจก (Big Glass Boat) แล่นในทะเลแดง ชมความใสของน้ำทะเล, ปะการัง, ปลาทะเลหลากชนิด, เม่นทะเล, แมงกะพรุน ฯลฯ จากนั้น ให้ท่านได้เดิน ช้อปปิ้งสินค้าต่างๆมากมาย ณ ตลาดของเมืองอาคาบา
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย
นำท่านเดินทางสู่ ทะเลทรายวาดิรัม (Wadi Rum) ทะเลทรายแห่งนี้ในอดีตเป็นเส้นทางคาราวานจากประเทศซาอุฯ เดินทางไปยังประเทศซีเรียและปาเสลไตน์ เคยเป็นที่อยู่อาศัยของชาวนาบาเทียนก่อนที่จะย้ายถิ่นฐานไปสร้างอาณาจักรอันยิ่งใหญ่ที่เมืองเพตรา ในศึกสงครามอาหรับรีโวลท์ระหว่างปี ค.ศ. 1916–1918 ทะเลทรายแห่งนี้ได้ถูกใช้เป็นฐานบัญชาการในการบของนายทหารชาวอังกฤษ ทีอี ลอว์เรนซ์ และ เจ้าชายไฟซาล ผู้นำแห่งชาวอาหรับร่วมรบกันขับไล่พวกออตโตมันที่เข้ามารุกรานเพื่อครอบครองดินแดน และต่อมายังได้ถูกใช้เป็นสถานที่จริงในการถ่ายทำภาพยนตร์ฮอลลีวูดอันยิ่งใหญ่ในอดีตเรื่อง “LAWRENCE OF ARABIA” ซึ่งได้รับรางวัลออสการ์ได้ถึง 7 รางวัล และรางวัลจากสถาบันอื่นๆ มากกว่า 30 รางวัล นำแสดงโดย Peter O’Toole, Omar Sharif
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารโรงแรม
ที่พัก
นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก SUN CITY HOTEL หรือเทียบเท่า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านชมเมืองอคาบา แวะถ่ายรูปกับทะเลแดง (Red Sea) ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญทางประวัติศาสตร์ โดยทะเลแห่งนี้ครั้งหนึ่งได้มีการกล่าวขานในพระคัมภีร์ของศาสนาคริสต์ว่า โมเสสได้ทำอัศจรรย์แหวกทะเลแดงพาชาวอิสราเอลหนีให้รอดพ้นจากการเป็นทาสของอียิปต์เพื่อเดินทางไปสู่แผ่น ดินแห่งพันธะสัญญาที่พระเป็นเจ้าทรงมอบให้กับชาวอิสราเอล โดยการชูไม้เท้าของโมเสส ทะเลแดงนี้มีน่านน้ำครอบคลุมถึง 4 ประเทศ คือประเทศจอร์แดน อิสราเอล อียิปต์ และซาอุดิอาระเบีย จากนั้นนำท่านล่องเรือท้องกระจก (Big Glass Boat) แล่นในทะเลแดง ชมความใสของน้ำทะเล, ปะการัง, ปลาทะเลหลากชนิด, เม่นทะเล, แมงกะพรุน ฯลฯ จากนั้น ให้ท่านได้เดิน ช้อปปิ้งสินค้าต่างๆมากมาย ณ ตลาดของเมืองอาคาบา
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย
นำท่านเดินทางสู่ ทะเลทรายวาดิรัม (Wadi Rum) ทะเลทรายแห่งนี้ในอดีตเป็นเส้นทางคาราวานจากประเทศซาอุฯ เดินทางไปยังประเทศซีเรียและปาเสลไตน์ เคยเป็นที่อยู่อาศัยของชาวนาบาเทียนก่อนที่จะย้ายถิ่นฐานไปสร้างอาณาจักรอันยิ่งใหญ่ที่เมืองเพตรา ในศึกสงครามอาหรับรีโวลท์ระหว่างปี ค.ศ. 1916–1918 ทะเลทรายแห่งนี้ได้ถูกใช้เป็นฐานบัญชาการในการบของนายทหารชาวอังกฤษ ทีอี ลอว์เรนซ์ และ เจ้าชายไฟซาล ผู้นำแห่งชาวอาหรับร่วมรบกันขับไล่พวกออตโตมันที่เข้ามารุกรานเพื่อครอบครองดินแดน และต่อมายังได้ถูกใช้เป็นสถานที่จริงในการถ่ายทำภาพยนตร์ฮอลลีวูดอันยิ่งใหญ่ในอดีตเรื่อง “LAWRENCE OF ARABIA” ซึ่งได้รับรางวัลออสการ์ได้ถึง 7 รางวัล และรางวัลจากสถาบันอื่นๆ มากกว่า 30 รางวัล นำแสดงโดย Peter O’Toole, Omar Sharif
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารโรงแรม
ที่พัก
นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก SUN CITY HOTEL หรือเทียบเท่า
วันที่ 5 สนุกสนานกับการนั่งรถ 4X4 ขับขี่บนทะเลทราย - ปราสาทเครัคแห่งครูเสด - ทะเลเดดซี
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านนั่งรถ Jeep 4X4 รับบรรยากาศท่องทะเลทรายที่ถูกกล่าวขานว่าสวยงามที่สุดของโลกแห่งหนึ่ง ด้วยเม็ดทรายละเอียดสีชมพูอมส้มอมแดงอันเงียบสงบที่กว้างใหญ่ไพศาล สีของเม็ดทราบนั้นปรับเปลี่ยนไปตามแสงของดวงอาทิตย์ ชมน้ำพุแห่งลอว์ เรนซ์ สถานที่ในอดีตนายทหาร ทีอี ลอว์เรนซ์ ทหารชาวอังกฤษใช้เป็นสถานที่พัก และคิดแผนการสู้รบกันพวกออตโตมัน นำท่านท่องทะเลทรายต่อไปยังภูเขาคาซารี ชมภาพเขียนแกะสลักก่อนประวัติศาสตร์ ที่เป็นภาพแกะสลักของชาวนาบาเทียนที่แสดงถึงเรื่องราวในชีวิตประจำวันต่างๆ และรูปภาพต่าง ๆ ผ่านชมเต็นท์ชาวเบดูอินที่อาศัยอยู่ในทะเลทราย เลี้ยงแพะเป็นอาชีพ จากนั้นนำท่านสู่เมืองเครัค (Kerak) ซึ่งตั้งอยู่บนที่ราบสูงขนาดใหญ่ให้ท่านได้เพลิดเพลินกับทิวทัศน์อันงดงามข้างทาง ระหว่างทางขึ้นสู่เขาโดยเฉพาะบริเวณที่ถูกเรียกขานกันว่าเป็นแกรนด์แคนยอนแห่งจอร์แดน จากนั้นนำท่านชมปราสาทเครัคแห่งครูเสด (Kerak Castle) ซึ่งสร้างในปี ค.ศ. 1142 โดย ผู้ปกครอง Payen Le Boutieller ในอดีตเป็นเมืองศูนย์กลางขนาดใหญ่ของนักรบครูเสด และสร้างเพื่อควบคุมเส้นทางทั้งทางเหนือและใต้และใช้ในการต่อสู้ในสงครามครูเสดกับกองทัพมุสลิมจนกระทั่งในปี ค.ศ. 1187 ได้ถูกเข้าทำลายโดยนักรบมุสลิมภายใต้การนำทัพของซาลาดิน (Saladin)
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ทะเลเดดซี (Dead Sea) ซึ่งเป็นทะเลที่ถูกบันทึกลงใน กินเนสส์บุ๊ค ว่า เป็นจุดที่ต่ำที่สุดในโลก มีความต่ำกว่าระดับน้ำทะเลถึง 400 เมตร และ มีความเค็มที่สุดในโลกมากกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ของน้ำทะเลทั่วไป ทำให้ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดเลยอาศัยอยู่ได้ในท้องทะเลแห่งนี้ ให้ท่านอิสระในการลงเล่นน้ำทะเล และ พิสูจน์ความจริงว่าสามารถลอยตัวได้จริงหรือไม่ (การลงเล่นน้ำในทะเลมีวิธีขั้นตอนการลงเล่น และข้อควรระวังต่างๆ ควรฟังคำแนะนำจากมัคคุเทศก์ท้องถิ่น)
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารโรงแรม
ที่พัก
นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก RAMADA HOTEL หรือเทียบเท่า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านนั่งรถ Jeep 4X4 รับบรรยากาศท่องทะเลทรายที่ถูกกล่าวขานว่าสวยงามที่สุดของโลกแห่งหนึ่ง ด้วยเม็ดทรายละเอียดสีชมพูอมส้มอมแดงอันเงียบสงบที่กว้างใหญ่ไพศาล สีของเม็ดทราบนั้นปรับเปลี่ยนไปตามแสงของดวงอาทิตย์ ชมน้ำพุแห่งลอว์ เรนซ์ สถานที่ในอดีตนายทหาร ทีอี ลอว์เรนซ์ ทหารชาวอังกฤษใช้เป็นสถานที่พัก และคิดแผนการสู้รบกันพวกออตโตมัน นำท่านท่องทะเลทรายต่อไปยังภูเขาคาซารี ชมภาพเขียนแกะสลักก่อนประวัติศาสตร์ ที่เป็นภาพแกะสลักของชาวนาบาเทียนที่แสดงถึงเรื่องราวในชีวิตประจำวันต่างๆ และรูปภาพต่าง ๆ ผ่านชมเต็นท์ชาวเบดูอินที่อาศัยอยู่ในทะเลทราย เลี้ยงแพะเป็นอาชีพ จากนั้นนำท่านสู่เมืองเครัค (Kerak) ซึ่งตั้งอยู่บนที่ราบสูงขนาดใหญ่ให้ท่านได้เพลิดเพลินกับทิวทัศน์อันงดงามข้างทาง ระหว่างทางขึ้นสู่เขาโดยเฉพาะบริเวณที่ถูกเรียกขานกันว่าเป็นแกรนด์แคนยอนแห่งจอร์แดน จากนั้นนำท่านชมปราสาทเครัคแห่งครูเสด (Kerak Castle) ซึ่งสร้างในปี ค.ศ. 1142 โดย ผู้ปกครอง Payen Le Boutieller ในอดีตเป็นเมืองศูนย์กลางขนาดใหญ่ของนักรบครูเสด และสร้างเพื่อควบคุมเส้นทางทั้งทางเหนือและใต้และใช้ในการต่อสู้ในสงครามครูเสดกับกองทัพมุสลิมจนกระทั่งในปี ค.ศ. 1187 ได้ถูกเข้าทำลายโดยนักรบมุสลิมภายใต้การนำทัพของซาลาดิน (Saladin)
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ทะเลเดดซี (Dead Sea) ซึ่งเป็นทะเลที่ถูกบันทึกลงใน กินเนสส์บุ๊ค ว่า เป็นจุดที่ต่ำที่สุดในโลก มีความต่ำกว่าระดับน้ำทะเลถึง 400 เมตร และ มีความเค็มที่สุดในโลกมากกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ของน้ำทะเลทั่วไป ทำให้ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดเลยอาศัยอยู่ได้ในท้องทะเลแห่งนี้ ให้ท่านอิสระในการลงเล่นน้ำทะเล และ พิสูจน์ความจริงว่าสามารถลอยตัวได้จริงหรือไม่ (การลงเล่นน้ำในทะเลมีวิธีขั้นตอนการลงเล่น และข้อควรระวังต่างๆ ควรฟังคำแนะนำจากมัคคุเทศก์ท้องถิ่น)
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารโรงแรม
ที่พัก
นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก RAMADA HOTEL หรือเทียบเท่า
วันที่ 7 ดูไบ – กรุงเทพฯ
01.45 น.
ออกเดินทางสู่กรุงเทพด้วยเที่ยวบิน EK906
** คณะออกเดินทางตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค. 63 ออกเดินทางเวลา 02.05 น. และเดินทางถึงดูไบเวลา 06.05 น.**
06.40 น.
ถึงสนามบินดูไบ รอเปลี่ยนเครื่อง
09.30 น.
ออกเดินทางต่อสู่กรุงเทพด้วยเที่ยวบิน EK 370
** คณะออกเดินทางตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค. 63 ออกเดินทางเวลา 09.40 น. และเดินทางถึงกรุงเทพเวลา 19.15 น.**
18.40 น.
ถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ
ออกเดินทางสู่กรุงเทพด้วยเที่ยวบิน EK906
** คณะออกเดินทางตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค. 63 ออกเดินทางเวลา 02.05 น. และเดินทางถึงดูไบเวลา 06.05 น.**
06.40 น.
ถึงสนามบินดูไบ รอเปลี่ยนเครื่อง
09.30 น.
ออกเดินทางต่อสู่กรุงเทพด้วยเที่ยวบิน EK 370
** คณะออกเดินทางตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค. 63 ออกเดินทางเวลา 09.40 น. และเดินทางถึงกรุงเทพเวลา 19.15 น.**
18.40 น.
ถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ