อินเดีย เนปาล นมัสเต ไหว้พระสวดมนต์ สังเวชนียสถาน 4 ตำบล 8 วัน 7 คืน โดย สายการบินแอร์เอเชีย (FD)

สถานที่ทัวร์:
อินเดีย India คยา Gaya
ระยะเวลา:
8 วัน
ราคาเริ่มต้น:
฿0
สายการบิน

อินเดีย เนปาล นมัสเต ไหว้พระสวดมนต์ สังเวชนียสถาน 4 ตำบล 8 วัน 7 คืน โดย สายการบินแอร์เอเชีย (FD)8 วัน 7 คืน

฿0

DMK-GAY

ออกจากDMK
08.20
ถึงGAY
10.10

GAY-DMK

ออกจากGAY
10.40
ถึงDMK
14.50

โปรแกรม 8 วัน 7 คืน : เดินทางโดยสายการบิน

06.30 น.
คณะพร้อมกันที่สนามบินดอนเมือง อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 3 เคาน์เตอร์ 2 ประตู 1-2 เคาน์เตอร์ สายการบินแอร์เอเชีย (Air Asia) โดยมีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกจัดเตรียมเอกสารการเดินทางและสัมภาระให้กับท่าน
08.20 น.
ออกเดินทางสู่ เมืองคยา โดยสายการบินแอร์เอเชีย เที่ยวบินที่ FD122 (ใช้เวลาเดินทางโดยประมาณ 03.20 ชม.) (มีบริการอาหารบนเครื่อง)
10.10 น.
ถึงสนามบินคยา เมืองคยา (Gaya) ประเทศอินเดีย (เวลาท้องถิ่น ช้ากว่าประเทศไทย 1.30 ชั่วโมง) และผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร เมืองพุทธคยา สถานที่เชื่อกันว่าเป็นที่ตรัสรู้ ของพระพุทธเจ้าซึ่งค้นพบโดยนักโบราณคดีชาวอังกฤษ ชื่อ เซอร์ อเลกซานเดอร์ คันนิงแฮม เมื่อร้อยกว่าปีก่อนแล้ว
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ห้องอาหารของโรงแรม


นำท่านนมัสการ สถูปพุทธคยา ทรงศิขระที่ได้รับการบูรณะใหม่ภายในประดิษฐานพระพุทธรูป “พระพุทธเมตตา” ปางมารวิชัย แล้วนำนมัสการต้นศรีมหาโพธิ์ที่ได้นำพันธุ์มาปลูกตรงที่เชื่อกันว่าเป็นจุดที่พระพุทธเจ้าประทับนั่งบำเพ็ญเพียรจนตรัสรู้สมโพธิญาณ แล้วนำชม สัตตมหาสถาน สถานที่พระพุทธเจ้าเสวยวิมุติสุขหลังจากตรัสรู้แล้วเจ็ดแห่ง แห่งละสัปดาห์รอบๆพุทธคยาเพื่อทบทวนความรู้ก่อนที่จะเสด็จออกสั่งสอนผู้คน อันประกอบไปด้วย


1.เสด็จประทับบนพระแท่นวัชรอาสน์ ใต้ต้นศรีมหาโพธิ์พร้อมเสวยวิมุตติสุขตลอด ๗ วัน ในสัปดาห์ที่ ๑
2.เสด็จประทับ ณ อนิมิสเจดีย์ ทรงยืนจ้องพระเนตรดูต้นศรีมหาโพธิ์ โดยมิได้กระพริบพระเนตรตลอด ๗ วัน ในสัปดาห์ที่ ๒
3.เสด็จประทับ ณ รัตนจงกรมเจดีย์ ทรงนิมิตจงกรมขึ้น แล้วเสด็จจงกรมเป็นเวลา ๗ วัน ในสัปดาห์ที่ ๓
4.เสด็จประทับ ณ รัตนฆรเจดีย์ โดยเสด็จไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของต้นศรีมหาโพธิ์ และประทับนั่งขัดสมาธิในเรือนแก้วซึ่งเทวดานิรมิตถวาย ทรงพิจารณาพระอภิธรรม๗ วัน ในสัปดาห์ที่ ๔
5.เสด็จไปประทับนั่งขัดสมาธิใต้ต้นไทร อชปาลนิโครธ ซึ่งเป็นที่พักของคนเลี้ยงแกะ ในสัปดาห์ที่๕
6.เสด็จไปประทับนั่งขัดสมาธิใต้ต้นจิก มุจลินทร์ ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของต้นศรีมหาโพธิ์ ในสัปดาห์ที่ ๖
7.เสด็จไปประทับใต้ต้นเกด ราชายตนะ ประทับนั่งเสวยวิมุติสุขตลอด ๗วัน


นำท่านชม พระมหาโพธิ์เจดีย์ (Mahabodhi Temple) อนุสรณ์สถานแห่งการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ภายในประดิษฐานพระพุทธเมตตาพระพุทธรูปที่รอดจากการถูกทำลายจากพระเจ้าศศางกา พระพุทธ รูปองค์นี้เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยแบบศิลปะปาละ เป็นที่เคารพศรัทธาของชาวพุทธทั่วโลก จากนั้นนำท่านชมศิลปะอินเดียสมัยพระเจ้าอโศกอายุกว่า ๒,๒๐๐ ปี ชมเสาพระเจ้าอโศกที่ทรงให้สร้างเพื่อประกาศศาสนาและถวายเป็นพุทธบูชาแก่สังเวชนียสถาน ชมประตูโทรณะที่สลัก เรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติ แล้วชมสถูปและภาพสลักอดีตพระพุทธเจ้าศิลปะสมัยปาละอายุราว ๑,๒๐๐ ปี “สมัยปาละเป็นช่วงที่พุทธศาสนารุ่งเรืองแผ่ขยายอยู่ในอินเดียภาคเหนือโดยมีศูนย์กลางอยู่ที่มหาวิทยาลัยนาลันทา รัฐพิหารตามหลักฐานการบันทึกจดหมายเหตุการณ์เดินทางมาสืบทอดพุทธศาสนาของหลวงจีนเหี้ยนจัง (พระถังซัมจั๋ง) และหลวงจีนอี้จิง จากประเทศจีน” ได้เวลาสมควรนำท่านเดินทางกลับสู่ที่พัก
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
ที่พัก
โรงแรม TATHAGAT หรือเทียบเท่า,เมืองคยา

เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารภายในโรงแรม


นำท่านเดินทางสู่เมืองราชคฤห์ (Rajgir) นครหลวงแห่งแคว้นมคธ (ใช้เวลาเดินทางโดยประมาณ 2 ชม.) นำท่านเดินขึ้นเขาคิชฌกูฎ หนึ่งในเบญจคีรี ได้แก่เวภาระ เวปุละ คิชฌกูฏ อิสิคิลิ และปัณฑวะชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม นมัสการถ้ำพระโมคคัลลา ชมถ้ำพระสารีบุตร สถานที่ที่พระสารีบุตรสำเร็จเป็นพระอรหันต์ ชมกุฏีของพระอานนท์ นมัสการมูลคันธกุฏีสถานที่ประทับของพระพุทธเจ้า ไหว้พระสวดมนต์ที่ยอดเขาคิชกูฎ จากนั้นนำท่านชมวัดชีวกัมพวัน โรงพยาบาลสงฆ์แห่งแรกของโลก “ชีวกัมพวัน” เป็นสวนป่ามะม่วงที่หมอชีวกโกมารภัจจ์อุทิศถวายเป็นสังฆารามแด่พระพุทธเจ้าและพระภิกษุสงฆ์ ปัจจุบันเหลือซากโบราณสถานให้เห็นเป็นซากหินเรียงรายกันอยู่ เมื่อครั้งที่พระพุทธเจ้าทรงประชวรห้อพระโลหิตจากการที่สะเก็ดหินมากระแทกถูกพระบาทเพราะพระเทวทัตกลิ้งหินลงมาหมายปลงพระชนม์พระพุทธเจ้า พระภิกษุสงฆ์ได้พาพระพุทธองค์มาที่ชีวกัมพวัน และหมอชีวกเป็นผู้ถวายการรักษาโดยการผ่าตัดเอาสะเก็ดหินออก ชีวกัมพวันจึงถูกเรียกว่าเป็นโรงพยาบาลสงฆ์แห่งแรกในพระพุทธศาสนา
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ห้องอาหารของโรงแรม
บ่าย
นำท่านเดินทางสู่ วัดเวฬุวนารามมหาสังฆยิกาวาส (วัดเวฬุวัน)วัดแห่งแรกในพระพุทธศาสนาและเป็นสถานที่แสดงโอวาทปาฏิโมกข์แก่พระอริยสงฆ์1250องค์ มีสถูปที่บรรจุพระอัฐิธาตุของพระโมคคัลลานะและพระอัญญาโกญฑัญญะ จากนั้นนำท่านเดินทางสู่นาลันทา นมัสการหลวงพ่อดำซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่สร้างด้วยหินแกรนิตสีดำซึ่งสร้างรุ่นราวคราวเดียวกับพระพุทธเมตตา จากนั้นนำท่านเยี่ยมชมมหาวิทยาลัยนาลันทา (Nalanda University) มหาวิทยาลัยที่ใหญ่ที่สุดในโลกเป็นศูนย์การศึกษาในสมัยพุทธกาล ต่อมาในปีพ.ศ.๑๗๔๒ กองทัพมุสลิมเติร์กได้ยกทัพมารุกราน รบชนะกษัตริย์แห่งชมพูทวีปฝ่ายเหนือกองทัพมุสลิมเติร์กได้เผาผลาญทำลายวัดและปูชนียสถาน ในพุทธศาสนาลงแทบทั้งหมดและสังหารผู้ที่ไม่ยอมเปลี่ยนศาสนา นาลันทามหาวิหารก็ถูกเผาผลาญทำลายลงในช่วงระยะเวลานั้นว่ากันว่าไฟที่ลุกโชนเผานาลันทานานถึง 3 เดือนกว่าจะเผานาลันทาได้หมด ได้เวลาสมควรนำท่านเดินทางสู่เมืองเวสาลี
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
ที่พัก
โรงแรม NALANDA REGENCY HOTEL หรือเทียบเท่า,เมืองราชคฤห์

เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารภายในโรงแรม


นำท่านเดินทางสู่ เมืองเวสาลี (Vaishali) (ใช้เวลาเดินทางโดยประมาณ 4-5 ชั่วโมง)


นำท่านชมเมืองหลวงของอาณาจักรวัชชี หนึ่งในสิบหกแค้วนของชมพูทวีปในสมัยโบราณ เมืองนี้มีชื่อหลายชื่อคือ ไพสาลี ไวสาลี และเมืองนี้เป็นศูนย์กลางการเผยแพร่พุทธศาสนาที่สำคัญแห่งหนึ่ง รวมทั้งเป็นที่กำเนิดของพระมหาวีระศาสดาของศาสนาเชนและที่เป็นต้นกำเนิดของการทำน้ำมนต์ในพุทธศาสนา เนื่องจากได้เกิดทุพิกขภัยร้ายแรงทั่วเมืองเวสาลีมีคนตายมากมาย กษัตริย์ลิจฉวีจึงได้นิมนต์ให้พระพุทธเจ้าได้มาโปรดชาวเมือง พระพุทธเจ้าจึงนำเหล่าภิกษุ ๕๐๐ รูป เดินทางไปโปรดที่เมืองไวสาลี พร้อมทั้งได้มีการประพรมน้ำมนต์ทั่วทั้งเมือง นำท่านเที่ยวชม วัดป่ามหาวัน ชมเสาอโศกที่สมบูรณ์ที่สุดและงดงามที่สุดของอินเดีย เมืองเวสาลีมีความสำคัญมาตั้งแต่สมัยก่อนพุทธกาล โดยเป็นเมืองหลวงแห่งแคว้นที่มีความเจริญรุ่งเรืองมากแคว้นหนึ่งในบรรดา ๑๖ แคว้นของชมพูทวีป มีการปกครองด้วยระบบสามัคคีธรรมหรือคณาธิปไตย ที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นการปกครองแบบประชาธิปไตยระบบหนึ่ง คือไม่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขทรงอำนาจสิทธิ์ขาด มีแต่ผู้เป็นประมุขแห่งรัฐซึ่งบริหารงานโดยความเห็นชอบจากรัฐสภา ซึ่งจะประกอบไปด้วยเหล่าสมาชิกจากเจ้าวงศ์ต่าง ๆ ซึ่งรวมเป็นคณะผู้ครองแคว้น ในคัมภีร์พระพุทธศาสนากล่าวว่าเจ้าวงศ์ต่างๆ มีถึง ๘วงศ์ และในจำนวนนี้วงศ์เจ้าลิจฉวีแห่งเวสาลีและวงศ์เจ้าวิเทหะแห่งเมืองมิถิลาเป็นวงศ์ที่มีอิทธิพลที่สุด ในสมัยพุทธกาลพระพุทธเจ้าเคยเสด็จมาที่เวสาลีหลายครั้ง แต่ละครั้งจะทรงประทับที่กูฏาคารศาลาป่ามหาวันเป็นส่วนใหญ่ พระสูตรหลายพระสูตรเกิดขึ้นที่เมืองแห่งนี้ และที่กูฏาคารศาลานี่เองที่เป็นที่ๆ พระพุทธองค์ทรงอนุญาตให้พระนางมหาปชาบดีโคตมีเถรี พระน้านางของพระพุทธองค์ พร้อมกับบริวาร สามารถอุปสมบทเป็นภิกษุณีได้เป็นครั้งแรกในโลก และในการเสด็จครั้งสุดท้ายของพระพุทธองค์ พระองค์ได้ทรงรับสวนมะม่วงของนางอัมพปาลี นางคณิกาประจำเมืองเวสาลี ซึ่งนางได้อุทิศถวายเป็นอารามในพระพุทธศาสนา พระพุทธองค์ได้ทรงจำพรรษาสุดท้ายที่เวฬุวคาม และได้ทรงปลงอายุสังขารที่ปาวาลเจดีย์ และเมื่อหลังพุทธปรินิพพานแล้วได้ ๑๐๐ ปี ได้มีการทำสังคายนาครั้งที่ ๒ ณ วาลิการาม ซึ่งทั้งหมดล้วนอยู่ในเมืองเวสาลี
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ห้องอาหารของโรงแรม
บ่าย
นำท่านเดินทางโดยรถโค้ชปรับอากาศสู่ เมืองกุสินารา (Kushinagar) ซึ่งเป็นสถานที่ปรินิพพานของพระพุทธเจ้า
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
ที่พัก
โรงแรม MAHABODHI HOTEL หรือเทียบเท่า,เมืองกุสินารา

เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม


นำท่านชมสังเวชนียสถานแหล่งที่ ๔ กุสินารา ในสมัยพุทธกาลเป็นเมืองเอกหนึ่งในสองของแคว้นมัลละ อยู่ตรงข้ามฝั่งแม่น้ำคู่กับเมืองปาวา เป็นที่ตั้งของสาลวโนทยานหรือป่าไม้สาละ ที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานและเป็นสถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธเจ้า “สาลวโนทาย” สถานที่เสด็จดับขันธปรินิพพาน มีชื่อเรียกในท้องถิ่นว่า มาถากุนวะระกาโกฏ (Matha-Kunwar-Ka-Kot) ซึ่งแปลว่า ตำบลเจ้าชายสิ้นชีพ ปรากฏตามคัมภีร์ว่า เมืองนี้เคยเป็นที่ปรินิพพานของพระพุทธเจ้าพระนามว่าผุสสะ เป็นที่เกิดบำเพ็ญบารมีของพระ โพธิสัตว์หลายครั้ง เคยเป็นราชธานีนามว่ากุสาวดีของพระเจ้ามหาสุทัสสนจักรพรรดิ นำท่านนมัสการอนุสรณ์สถานที่สำคัญคือ มหาปรินิพพานสถูป (Parinirvana Stupa) ซึ่งพระเจ้าอโศกมหาราชสร้างไว้และบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ วิหารปรินิพพานซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางปรินิพพานอยู่ภายในและมีซากศาสนสถานโบราณโดยรอบมากมาย จากนั้นนำท่านนมัสการสถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธเจ้าที่มกุฎพันธเจดีย์ แล้วนำนั่งสมาธิที่วิหารพระรูปพระพุทธไสยาสน์ มีจารึกกำหนดอายุเก่าแก่กว่า ๑,๔๐๐ปี แสดงตอนเสด็จปรินิพพาน
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ห้องอาหารของโรงแรม
บ่าย
นำท่านเดินทางสู่ เมืองลุมพินี (Lumbini) (ใช้เวลาเดินทางโดยประมาณ 4-5 ชั่วโมง) ซึ่งเป็นสถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้า
*** โปรดเตรียมหนังสือเดินทางติดตัวไว้ เพื่อประทับตราออกจากประเทศอินเดียเข้าสู่ประเทศเนปาล ***
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
ที่พัก
โรงแรม DREAMLAND หรือเทียบเท่า,เมืองลุมพินี, ประเทศเนปาล

เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม


นำท่านชม สังเวชนียสถานแหล่งที่ ๓ สวนลุมพินีวัน เป็นสถานที่พระนางสิริมหามายาประสูติเจ้าชายสิทธัตถะกุมาร เมื่อวันศุกร์ วันเพ็ญเดือน ๖ ปีจอ ก่อนพุทธศักราช ๘๐ปี ซึ้งภายในบริเวณมีวิหารมหามายา สระโบกขรณี และเสาพระเจ้าอโศกที่มีขนาดความสูง ๒๒ ฟุต ๔ นิ้วและมีข้อความจารึกเป็นหลักฐานว่า “ณ ที่นี่คือ สถานที่ประสูติของเจ้าชายสิทธัตถะ และพระเจ้าอโศกเสด็จมาบูชาในปีที่ ๒๐ แห่งรัชกาลของพระองค์” (ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๓ ) ปัจจุบันลุมพินีวันได้รับการบูรณะและมีถาวรวัตถุสำคัญที่ชาวพุทธนิยมไปสักการะ คือ “เสาหินพระเจ้าอโศกมหาราช” ที่ระบุว่าสถานที่นี้เป็นสถานที่ประสูติของเจ้าชายสิทธัตถะ นอกจากนี้ยังมี “วิหารมายาเทวี” ภายในประดิษฐานภาพหินแกะสลักพระรูปพระนางสิริมหามายาประสูติพระราชโอรส โดยเป็นวิหารเก่ามีอายุร่วมสมัยกับเสาหินพระเจ้าอโศก ปัจจุบันทางการเนปาลได้สร้างวิหารใหม่ทับวิหารมายาเทวีหลังเก่า และได้ขุดค้นพบศิลาจารึกรูปคล้ายรอยเท้า สันนิษฐานว่าเป็นจารึกรอยเท้าก้าวที่เจ็ดของเจ้าชายสิทธัตถะที่ทรงดำเนินได้เจ็ดก้าวในวันประสูติ ปัจจุบันลุมพินีวันอยู่ในเขตประเทศเนปาล ติดชายแดนประเทศอินเดียทางเหนือเมืองโคราฆปุระ ห่างจากเมืองติเลาราโกต (หรือ นครกบิลพัสดุ์) ทางทิศตะวันออก ๑๑ กิโลเมตร และห่างจากสิทธารถนคร (หรือนครเทวทหะ) ทางทิศตะวันตก๑๑กิโลเมตร ซึ่งถูกต้องตามตำราพระพุทธศาสนาที่กล่าวว่าลุมพินีวันสถานที่ประสูติตั้งอยู่ระหว่างเมืองกบิลพัสดุ์และเมืองเทวทหะ ปัจจุบันลุมพินีวันมีเนื้อที่ประมาณ ๒,๐๐๐ ไร่ ทางการเรียกสถานที่นี้ว่า รุมมินเด มีสภาพเป็นชนบท มีผู้อาศัยอยู่ไม่มากมีสิ่งปลูกสร้างเป็นพุทธสถานเพียงเล็กน้อย แต่มีวัดพุทธอยู่ในบริเวณนี้หลายวัด รวมทั้งวัดไทยลุมพินี ลุมพินีวันได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกประเภทมรดกทางวัฒนธรรมตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๔๐
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ห้องอาหารของโรงแรม
บ่าย
นำท่านเดินทางโดยรถโค้ชปรับอากาศสู่เมืองสาวัตถี (Shravasti) ที่เป็นเมืองโบราณในสมัยพุทธกาล (ใช้เวลาเดินทางโดยประมาณ 5-6 ชั่วโมง)
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
ที่พัก
โรงแรม SRAVASTI INTERNATIONAL หรือเทียบเท่า,เมืองสาวัตถี

เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารภายในโรงแรม


นำท่านชม เมืองสาวัตถี(Shravasti) ที่เป็นเมืองโบราณในสมัยพุทธกาลที่มีความสำคัญในฐานะที่เป็นเมืองหลวงของแคว้นโกศล ๑ ในแคว้นมหาอำนาจใน ๑๖ มหาชนบท ในสมัยพุทธกาล เมืองสาวัตถีนับว่าเป็นเมืองสำคัญในการเป็นฐานในการเผยแพร่พระพุทธศาสนาของพระพุทธเจ้าที่สำคัญเพราะเป็นเมืองที่พระพุทธเจ้าประทับนานที่สุดถึง ๒๕ พรรษา เป็นที่ตรัสพระสูตรมากมายและเป็นเมืองที่พระพุทธศาสนามั่นคงที่สุด ปัจจุบันยังมีซากโบราณสถานที่สำคัญปรากฏร่องรอยอยู่ คือ ที่แสดงยมกปาฏิหาริย์ (อ่านว่า ยะ – มะ – กะ – ปา – ติ – หาน, สถานที่ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์ครั้งนี้ คือที่โคนต้นมะม่วง หรือ คัณฑามพพฤกษ์ในเมืองสาวัตถี มูลเหตุที่ทรงแสดงคือเพราะพวกเดียรถีย์นักบวชนอกศาสนาพุทธ ท้าพระพุทธเจ้าแข่งแสดงปาฏิหาริย์ว่าใครจะเก่งกว่ากันพวกเดียรถีย์ทราบว่าพระพุทธเจ้าจะแสดงยมกปาฏิหาริย์ที่โคนต้นมะม่วงจึงให้สาวกและชาวบ้านที่นับถือพวกตนจัดการโค่นต้นมะม่วงเสียสิ้นไม่เหลือ แต่พระพุทธเจ้าก็ทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์ที่โคน ต้นมะม่วงจนได้ โดยมีผู้นำผลมะม่วงสุกมาถวายทรงฉันเสร็จแล้วรับสั่งให้คนปลูกเมล็ดลงดินแล้วพระองค์ทรงใช้น้ำที่ล้างพระหัตถ์รด ปรากฎว่าหน่อมะม่วงโตพรวดพราดแตกกิ่งก้านสูงขึ้นถึง ๕๐ ศอก ผลที่สุดพวกเดียรถีย์พ่ายแพ้ไป), สถานที่พระเทวทัตถูกแผ่นดินสูบ (หน้าวัดพระเชตุวันมหาวิหาร), บ้านบิดาขององคุลีมาล(สถูป), บริเวณวังของพระเจ้าปเสนทิโกศล, บ้านของอนาถบิณฑิกเศรษฐี(สถูป), วัดเชตุวันมหาวิหาร (ซึ่งพระพุทธเจ้าเคยประทับอยู่ถึง ๑๙ พรรษา) รวมถึง ต้นอานันทโพธิ์ ซึ่งเป็นต้นโพธิ์ที่ชาวพุทธนับถือว่ามีความศักดิ์สิทธิ์เป็นอันดับสองรองจากต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่พุทธคยาที่วัดเชตุวันมหาวิหาร เป็นต้น
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ห้องอาหารของโรงแรม
บ่าย
นำเดินทางโดยรถโค้ชปรับอากาศสู่เมืองพาราณสี(Varanasi) สถานที่แสดงปฐมเทศนา (ใช้เวลาเดินทางโดยประมาณ 6-7 ชั่วโมง)
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
ที่พัก
โรงแรม SGT PLAZA หรือเทียบเท่า,เมืองพาราณสี

05.00 น.
อรุณสวัสดิ์ยามเช้ากับเช้าวันใหม่ที่สดใส นำท่านสัมผัสกับความหลากหลายของผู้คนและที่แม่น้ำคงคาที่ชาวฮินดูเชื่อว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เนื่องจากเป็นจุดที่ตุ้มหู ของพระศิวะตกอยู่ใต้แม่น้ำแห่งนี้ ในทางพุทธศาสนาเองเชื่อกันว่าเป็นสถานที่ได้นำพระอัฐิของพระพุทธเจ้ามาลอยอังคารที่แม่น้ำแห่งนี้ด้วย ท่านจะได้นั่งเรือเพื่อไปถวายกระทงเป็นพุทธบูชา ณ ที่นี่เองท่านจะได้สัมผัสวิถีชีวิตของชาวฮินดูซึ่งจะมาอาบน้ำ ดื่มน้ำรวมทั้งท่าน้ำที่นี่จะมีพิธีเผาศพในช่วงเช้าตรู่ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น จากนั้นนำท่านเดินทางกลับโรงแรม
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารภายในโรงแรม


นำชมสังเวชนียสถานแหล่งที่ ๒ สารนาถ สถานที่แสดงปฐมเทศนา นมัสการสถูปเจาคันธี (Chaukhandi Stupa) สถานที่พระพุทธเจ้าพบปัจจัคคีอีกครั้งหลังจากตรัสรู้แล้ว นำนมัสการธรรมเมขสถูป ที่เชื่อกันว่าเป็นสถานที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนาหัวข้อธรรมจักกัปปวัตตนสูตรทำให้พระโกณฑัญญะบรรลุโสดาบันพระพุทธศาสนาจึงมีพระรัตนตรัยครบ ๓ ประการ แล้วนำชมวิหารมูลคันธกุฏิหลังใหม่ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางปฐมเทศนาเลียนแบบคุปตะและจิตรกรรมฝาผนังเล่าเรื่องพุทธประวัติฝีมือช่างชาวญี่ปุ่น แล้วนำท่านชมพิพิธภัณฑ์แห่งเมืองสารนาถ ชมหัวเสาพระเจ้าอโศก ทำเป็นรูปสิงห์บางท่านอธิบายว่าเป็นสัญลักษณ์ของศากยสิงห์พระราชวงศ์ของพระพุทธเจ้า เสามีฐานบัวคว่ำ มีบัลลังก์สี่เหลี่ยมรอบสลักเป็นรูปธรรมจักรและรูปช้าง ม้า สิงห์และโค แล้วนำชมโบราณวัตถุที่ขุดค้นพบในบริเวณเมืองสารนาถและเมืองใกล้เคียง อาทิเช่น พระพุทธรูปศิลปะแบบคันธาระ แบบมถุรา แบบคุปตะ และ แบบปาละ ฯลฯ แล้วนำชมโบราณวัตถุชิ้นเอกของพิพิธภัณฑ์ พระพุทธรูปแบบคุปตะปางปฐมเทศนา ที่ค้นพบบริเวณใกล้ๆกับ มูลคันธกุฎี สถานที่จำพรรษาของพระพุทธเจ้า “อนึ่งศิลปะคุปตะได้รับการยกย่องว่ามีความงดงามและสมบูรณ์แบบที่สุดในศิลปะอินเดียทั้งมวลและเมืองสารนาถยังเป็นศูนย์กลางของโรงเรียนสกุลช่างคุปตะ ที่อายุเก่าแก่ถึง ๑,๔๐๐ ปีมาแล้ว
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ห้องอาหารของโรงแรม
บ่าย
นำท่านเดินทางกลับไปยัง เมืองพุทธคยา (ใช้เวลาเดินทางโดยประมาณ 5-6 ชั่วโมง)
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
ที่พัก
โรงแรมTATHAGAT หรือเทียบเท่า,เมืองคยา

เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก


ได้เวลาสมควร นำท่านเดินทางสู่สนามบินพุทธคยา
10.40 น.
ออกเดินทางกลับสู่กรุงเทพฯ ประเทศไทย โดยสายการบินแอร์เอเชีย (Air Asia) เที่ยวบินที่ FD123 (ใช้เวลาเดินทางโดยประมาณ 02.40 ชม.) (มีบริการอาหารบนเครื่อง)
14.50 น.
ถึงสนามบินดอนเมือง กรุงเทพมหานคร โดยความสวัสดิภาพ

ช่วงเวลาการเดินทาง

เริ่มเดินทาง กลับจากเดินทาง สถานะ ผู้ใหญ่พักคู่ ผู้ใหญ่พักเดี่ยว ผู้ใหญ่พักสาม เด็กมีเตียง เด็กไม่มีเตียง
วันที่เดินทาง ราคา